Link Copied!

Lilleshall Hall ฮอกวอตส์ของทีมชาติอังกฤษ

ครั้งหนึ่งฝันของเด็กชายวัย 14 ปีที่รักฟุตบอลทุกคนในอังกฤษ คือ การได้รับจดหมายตอบรับที่มีตราสิงโตคำราม เพื่อไปใช้เวลา 2 ปีเต็ม ที่ “ลิลลิชาลล์ ฮอลล์” หรือสั้นๆ ว่า “ลิลลิชาลล์” โรงเรียนแห่งความเป็นเลิศของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ จนหลายคนบอกว่าที่นี่เหมือนโรงเรียนพ่อมดอย่างฮอกวอตส์ ต่างกันตรงที่พวกเขาไม่ได้เสกเวทมนตร์ แต่เตะฟุตบอลทั้งวัน

ไมเคิล โอเวน, เจมี คาร์ราเกอร์, โจ โคล, โซล แคมป์เบลล์, แอนดี โคล, เทรเวอร์ ซินแคลร์, สก็อตต์ ปาร์กเกอร์ และ เจอร์เมน เดโฟ ล้วนเป็นศิษย์เก่าของของ “ลิลลิชาลล์” โรงเรียนที่ใช้คฤหาสน์หลังใหญ่ใน Shropshire ของประเทศอังกฤษเป็นที่ตั้ง สร้างขึ้นในปี 1831 เพื่อเป็นบ้านในชนบทและกระท่อมล่าสัตว์ของท่านดยุกแห่งซูเธอร์แลนด์ โดยมีเนื้อที่กว่า 30,000 เอเคอร์ 

ลิลลิชาลล์พัฒนาขึ้นตามกาลเวลา แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สภาพของตัวคฤหาสน์นั้นทรุดโทรมมาก จนมีการบูรณะและเปิดเป็นศูนย์กีฬาในปี 1951 เคยถูกใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมของทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์โลกปี 1966 และกีฬาหลายๆ ชนิดของทีมชาติอังกฤษก็มาฝึกซ้อมที่นี่

ในปี 1984 เซอร์บ็อบบี ร็อบสัน และ ชาร์ลส์ ฮิวส์ ประธานเทคนิคของสมาคมฟุตบอลอังกฤษคิดว่าควรเปิดโรงเรียนเพื่อความเป็นเลิศขึ้นที่ลิลลิชาลล์ เพื่อคัดเลือกเอานักฟุตบอลฝีเท้าเลิศวัย 14 ปีจากทั่วประเทศให้มากินนอน เล่นฟุตบอล และเรียนหนังสือที่โรงเรียนท้องถิ่นเป็นระยะเวลา 2 ปี เป้าหมายคือ การป้อนนักฟุตบอลขึ้นสู่ทีมชาติอังกฤษ ให้เด็กๆ เหล่านั้นได้ลงเล่นด้วยกัน ภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอนชั้นเยี่ยม และสนามฟุตบอลชั้นยอด

การจะเข้าไปเรียนที่ลิลลิชาลล์นั้น เด็กๆ ที่มีฝันอยากเป็นนักฟุตบอล จะต้องผ่านการคัดเลือกในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับชาติ แต่ละปีมีเด็กๆ เข้ามาสมัครกว่า 2,000 คน แต่จะมีแค่ 16 คนเท่านั้นได้รับคัดเลือก แล้วเชื่อไหมว่า ผู้เล่นอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด และ แฟรงก์ แลมพาร์ด สอบตก ไม่ผ่านการคัดเลือกให้ไปเรียนที่ลิลลิชาลล์

หนึ่งในศิษย์เก่าโรงเรียนแห่งความเป็นเลิศของสมาคมฟุตบอลอังกฤษคือ นีล แดนน์ส ที่สอบผ่าน และเข้าเรียนในปี 1997 ทุกวันนี้ในวัย 39 ปี แดนน์สยังเล่นฟุตบอลอยู่กับแม็คเคิลสฟิลด์ ทีมนอกลีก แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานกว่า 25 ปี อดีตกองกลางของแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส และเลสเตอร์ ซิตี้ ยังจำได้แม่นถึงการไปเรียนที่ลิลลิชาลล์ “ผมได้รับจดหมาย และมีตราทีมชาติอังกฤษแปะทับอยู่ พ่อของผมรอจนผมกลับมาจากโรงเรียนและให้ผมเปิดอ่าน มันเขียนแค่ว่า ผมได้รับเลือกให้ไปเรียนที่ลิลลิชาลล์ ไมเคิล โอเวน และนักฟุตบอลคนอื่นๆ ได้ไปเรียนที่นั่น ผมเป็นแค่เด็กจากย่านที่ยากลำบากของลิเวอร์พูล เรียนโรงเรียนเทศบาลและกำลังจะได้ไปที่นั่น”

ไม่ใช่แค่ต้องเป็นเลิศทางด้านฟุตบอล บรรดานักเรียนของลิลลิชาลล์ต้องเรียนดีด้วย เขาต้องไปโรงเรียนท้องถิ่น 5 วันต่อสัปดาห์ ถ้าทำงานที่โรงเรียนไม่เสร็จ การบ้านไม่ส่ง ทำงานไม่เรียบร้อย ก็จะมีผลต่อการลงสนาม อาจจะถูกดร็อปไม่ให้ลงเล่น เด็กๆ หลายคนมาจากครอบครัวชั้นกลาง ไม่เคยใช้ชีวิตในโรงเรียนประจำ จนนำมาสู่การปรับตัวที่ยากลำบาก

แดนน์สเกิดอาการคิดถึงบ้าน ไมเคิล โอเวน บอกว่า “มันทรมานมาก ผมร้องไห้บ่อยมาก” โจ โคล โทรศัพท์บอกให้พ่อมารับกลับบ้านหลายครั้ง อาการคิดถึงบ้านทำให้นักฟุตบอลวัยเยาว์หลายคนตัดสินใจเดินออกจากโรงเรียนฟุตบอลแห่งนี้ อย่าง อลัน สมิธ ที่ออกจากลิลลิชาลล์หลังจากมาอยู่ได้แค่ 2 เดือน ไม่ใช่ทุกคนที่ออกจากลิลลิชาลล์ไปแล้วจะมีอนาคตที่สดใส และไปได้ไกลในทีมชาติอังกฤษ

ลิลลิชาลล์ปิดตัวลงในปี 1999 ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่เปิดทำการ มีนักฟุตบอลวัยละอ่อนเรียนจบจากที่นี่ทั้งหมด 234 คน แต่มีแค่ 12 คนเท่านั้นที่ได้ลงสนามในนามทีมชาติอังกฤษ ส่วนใหญ่ได้โอกาสลงเล่นในดิวิชันต่ำกว่าลีกสูงสุด สาเหตุที่ต้องปิดตัวลง เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับแนวคิดของลิลลิชาลล์ รวมทั้งแต่ละสโมสรพัฒนาอะคาเดมีของตัวเองขึ้นมา “ผมจำได้ว่า เกรแฮม เทย์เลอร์ บอกผมว่า อย่าไป” ร็อด โธมัส หนึ่งในศิษย์เก่าลิลลิชาลล์ปี 1985 เจ้าของฉายา “จอห์น บาร์นส์ คนต่อไป” เอ่ย

เช่นกันกับ เจมี คาร์ราเกอร์ ที่ถูกกดดันจากลิเวอร์พูล เพราะหงส์แดงกลัวว่า ลิลลิชาลล์จะทำลายนักฟุตบอลวัย 14 ปีที่ดีที่สุดในประเทศ แต่ตำนานกองหลังของลิเวอร์พูลไม่เชื่อและไปใช้เวลา 2 ปีที่นั่น “ลิลลิชาลล์ สมบูรณ์แบบมากสำหรับนักฟุตบอลรุ่นเยาว์” คาร์ร่ายังบอกอีกว่า เป็นช่วงเวลา 2 ปีที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา

ทุกวันนี้ “ลิลลิชาลล์ ฮอลล์” กลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน สถานที่จัดงานประชุม และสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ แต่สำหรับแฟนบอลที่นี่ถูกจดจำในฐานะสถานที่ผลิตนักฟุตบอลอังกฤษที่ดี่ที่สุดแห่งหนึ่ง

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares