Link Copied!

The Express (2008) – ต่อเวลาได้ไหม

นักกีฬาบางคนต้องหยุดความก้าวหน้าของตนลงโดยที่พวกเขาเองไม่อาจปฏิเสธได้ แฟนๆ อยากต่อเวลาให้ประสบความสำเร็จเพิ่มอีก แต่ก็เกินจะช่วยไหว ผลงานยิ่งใหญ่ที่พวกเขาเคยทำเอาไว้กลายเป็นหลักไมล์ของนักกีฬาที่จะประสบความสำเร็จรุ่นต่อไป แต่น้อยคนนักที่จะไปถึง

แจ็คกี โรบินสัน เปิดศักราชนักกีฬาอัฟริกัน-อเมริกันในลีกเบสบอลอาชีพ ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนเป็นแรงบันดาลใจให้พลเมืองผิวสีทั่วสหรัฐอเมริกา …รวมไปถึง ด.ช. เออนี เดวิส ด้วย

จิม บราวน์ พาทีมออเรนจ์เม็น แห่งมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ขึ้นเป็นทีมชั้นนำ และถูกดราฟท์เข้าทีมคลีฟแลนด์ บราวน์ส เขากลายเป็นรันนิงแบ็กที่ดีที่สุดของลีกเอ็นเอฟแอลในยุคของตน (ช่วงปี 1957-65) และเป็นหนึ่งในผู้เล่นยอดเยี่ยมตลอดกาลของลีกจนถึงปัจจุบัน

เออนี เดวิส เด็กหนุ่มผู้สร้างสถิติใหม่ส่วนตัว และของทีมไว้มากมาย เขาได้รับไฮส์แมนน์โทรฟี (รางวัลที่ถือว่าเป็นเกียรติประวัติยิ่งใหญ่ที่สุด เก่าแก่ที่สุด จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1935 ตั้งชื่อตาม จอห์น ไฮส์แมนน์ ผู้เป็นทั้งนักกีฬาและผู้ฝึกสอนกีฬาหลายประเภท) ขณะที่ จิม บราวน์ ยังได้เป็นเพียง 1 ใน 5 คนสุดท้ายเท่านั้น

เออนีถูกส่งมาอยู่กับคุณตาคุณยายในรัฐเพนซิลเวเนียตั้งแต่พ่อเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ในช่วงเวลานั้นฮีโร่ของบรรดาอัฟริกัน-อเมริกันไม่มีใครโด่งดังเกิน แจ็คกี โรบินสัน สุภาพบุรุษนักกีฬาเบสบอล เออนีอยากเป็นยอดนักสู้ตามอย่างนักกีฬาคนโปรด

จนกระทั่งอายุ 12 ขวบเออนีได้ย้ายกลับไปอยู่กับคุณแม่ เอวิส มารี ที่รัฐนิวยอร์กอีกครั้ง เขาเข้าโรงเรียนเอลไมราประจำเมือง เล่นกีฬาทั้งเบสบอล บาสเกตบอล และอเมริกันฟุตบอล ช่วงปีสุดท้ายเขายังติดหนึ่งในออล-อเมริกันทีมระดับมัธยมอีกด้วย

หลัง จิม บราวน์ (แดร์ริน ดูวิทท์) เทิร์นโปร เบ็น ชวาร์ทซ์วอลเดอร์ (เดนนิส เควด) หัวหน้าโค้ชทีมออเรนจ์เม็น อยากหาตัววิ่งชั้นดีมาทดแทนกำลังสำคัญที่ขาดหายไป แมวมองของทีมค้นพบ เออนี เดวิส (ร็อบ บราวน์) เจ้าหนุ่มฮาล์ฟแบ็ก ของโรงเรียนมัธยมเอลไมรา ลีลาเหลือกิน สถิติโดดเด่นเกินใคร

ความคล่องตัวอันร้ายกาจของเออนีทำให้ได้รับฉายาว่า “ดิ เอลไมรา เอ็กซ์เพรส”

เบ็นเห็นกับตาตัวเองว่าความเร็วเขาช่างเหลือเชื่อ และข้อเท้าก็ไวกว่าเด็กมัธยมทุกคน ดีไม่ดีเร็วกว่าเด็กมหาวิทยาลัยทั้งหมดด้วยซ้ำ เบ็นจึงขอร้องให้จิมในฐานะศิษย์เอกช่วยไปชักชวนหนุ่มน้อยเออนีมาลงเล่นให้กับทีมสถาบันเก่าของเขา

การที่เบ็นโน้มน้าวให้จิมไปทาบทามเด็กหนุ่มมา ในภาพรวมแล้วมันก็คือการมอบโอกาสแก่นักกีฬาพรสวรรค์หน้าใหม่ ควบคู่กับการสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย จิมได้ส่งไม้ต่อให้รุ่นน้อง หน้าที่ศิษย์เก่าก็ลุล่วง เบ็นได้ผู้เล่นชั้นดี พัฒนาทีมแข็งแกร่งขึ้น มหาวิทยาลัยก็รับชื่อเสียงตามไป ดาวรุ่งมีเวทีได้โชว์ของ ได้โค้ชมืออาชีพคอยสอนแนะ ทั้งยังช่วยปลุกชาวเมืองให้ตื่นตาตื่นใจไปพร้อมๆ กัน

From left, football stars Jim Brown (Darrin Dewitt Henson) and Coach Ben Schwartzwalder (Dennis Quaid) recruit Ernie Davis (Ron Brown) in the true-life drama “The Express.” UNIVERSAL PICTURES

เออนีที่เป็นแฟนตัวยงของนักกีฬาชั้นนำอย่างจิมอยู่แล้ว จึงตอบตกลงโดยง่ายดาย

เออนีจะได้เล่นฮาล์ฟแบ็ก ตำแหน่งถนัด และสวมเสื้อหมายเลข 44 ที่จิมเป็นเจ้าของคนล่าสุด ขั้นต้นเออนีปฏิเสธว่าเขายังไม่คู่ควรกับหมายเลขนี้ แต่โค้ชเบ็นรู้อยู่ลึกๆ ในใจว่าสามารถต่อยอดศักยภาพของเออนีให้เกินกว่าจิมไปได้อีกหลายขั้น

เมื่อความสามารถแท้จริงของเออนีฉายออกมา เขาพิสูจน์ตัวเองได้ชัดเจน เรื่องเหยียดสีผิวในทีม และในรั้วมหาวิทยาลัยจึงคลี่คลายลงด้วยดี ทว่าช่วงทศวรรษนั้นชุมชนเมืองที่ทีมไปเยือนยังอารมณ์คุกรุ่นอยู่ ไม่ค่อยยินดีต้อนรับคนผิวสีสักเท่าไรนัก ไม่ว่าโรงแรมที่พักหรือสนามแข่งขัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคใหญ่ที่เออนีจะต้องพ้นผ่านไปให้ได้

ในอเมริกันฟุตบอลระดับอุดมศึกษา ผู้เล่นทั้ง 4 ชั้นปีไม่มีใครฝีมือเกินกว่าเออนีสักคนเดียว ทั้งรวดเร็ว แคล่วคล่อง ว่องไว อ่านเกมแม่น ไหวพริบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเยี่ยมยอด ทัศนคติดี มุ่งมั่น ขยันฝึกซ้อม นอกสนามไม่เกเร และน้ำใจนักกีฬาสูงส่ง เออนีมีพร้อมสรรพทุกอย่าง

เขาฝากสถิติชนะ 11 เกมรวดในปี 1959 พาทีมออเรนจ์เม็นเป็นแชมป์ระดับประเทศครั้งแรกของมหาวิทยาลัย ชนะ 7 แพ้ 2 ในปีต่อมา และชนะ 8 แพ้ 3 ในปีการศึกษาสุดท้าย เออนีได้รับไฮส์แมนน์โทรฟี รางวัลยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการอเมริกันฟุตบอลระดับอุดมศึกษา ทั้งยังเป็นชายผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์อีกด้วย ชื่อเสียงเขาโด่งดังไปทั่วประเทศ

เออนี เดวิส พร้อมจะเริ่มบทบาทนักกีฬาอาชีพแล้ว เขาเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในงานดราฟท์เข้าลีกเอ็นเอฟแอล ทีมบัฟฟาโล บิลส์ เล็งตัวเขาเอาไว้ก่อน แต่ทีมวอชิงตัน เรดสกินส์ กลับได้สิทธิ์คว้าตัวเขาไปแทน ทว่าผู้บริหารใหญ่ยังทำใจกับการใช้ผู้เล่นผิวสีไม่ได้ จึงเทรดต่อให้ทีมคลีฟแลนด์ บราวน์ส ไปในที่สุด

นั่นหมายความว่าเขาจะได้เล่นร่วมสนามทีมเดียวกับ จิม บราวน์ รุ่นพี่ขวัญใจของเขาจริงๆ แล้ว

โค้ชเบ็นขอให้เออนีที่เพิ่งรับรางวัลมาหมาดๆ ทำหน้าที่แบบเดียวกันกับจิม ด้วยการไปทาบทามนักกีฬาดาวรุ่งพุ่งแรงคือ ฟลอยด์ ลิตเติล มารับช่วงต่อจากเขา ขณะที่ผู้คร่ำหวอดในวงการต่างไม่อยากเชื่อว่า เออนีจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักกีฬารุ่นน้องมากขนาดนั้น

ฟลอยด์ ลิตเติล (แช็ดวิค โบสแมน) ตั้งใจเลือกศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยนอเทรอดาม ที่มีชื่อเสียงด้านอเมริกันฟุตบอลไว้นานแล้ว แต่กลับพลิกโผมาเลือกมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ในวินาทีสุดท้าย (ซึ่งหลายปีต่อมาฟลอยด์ก้าวสู่ระดับอาชีพกับทีมเดนเวอร์ บรองโกส์ ได้จารึกชื่อในทำเนียบหอเกียรติยศตามรุ่นพี่เช่นกัน)

เออนีเริ่มฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมอย่างขะมักเขม้น แต่ดูไม่กระฉับกระเฉงอย่างที่เคย เหล่าโค้ชยังคิดว่าเขาคงต้องการเวลาปรับตัวเพิ่มสักเล็กน้อย ทว่าหลังตรวจสุขภาพอย่างละเอียด กลุ่มอาการบ่งชี้ชัดว่าเขาเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว ทีมยืนยันให้เขาร่วมฝึกซ้อมต่อได้ แต่จะไม่ได้ลงสนามแข่งอย่างแน่นอน

…ยังไม่ทันพ้นปีเออนีก็สิ้นลมหายใจ โดยไม่เคยได้ลงสนามเล่นเกมเอ็นเอฟแอลสักเกมเดียว

แม้เออนีจะยังไม่ได้อวดฝีมือในระดับอาชีพ แต่ผลงานระดับสมัครเล่นขั้นสุดยอดที่ฝากเอาไว้ จะไม่มีใครสามารถพรากไปจากตัวเขาได้ คำกล่าวที่ว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลงาน” ยังคงเป็นจริงเสมอ

สิ่งที่เขาทิ้งไว้คือแรงบันดาลใจสำหรับเด็กรุ่นใหม่ สืบสานปณิธานสำคัญของรุ่นพี่ที่เริ่มปูทางเอาไว้ จิม บราวน์ ส่งต่อมาที่เขา เขาก็ส่งต่อให้ ฟลอยด์ ลิตเติล จากนั้นก็ไม่ใช่เฉพาะแค่คนผิวสีแล้ว มันขยายวงกว้างออกไปทั่วประเทศ และขยายต่อไม่มีที่สิ้นสุด

คนที่มีพร้อมทุกสิ่งอย่างทั้งร่างกายแข็งแกร่งสำหรับกีฬา จิตใจมั่นคง ทัศนคติชั้นเยี่ยม น้ำใจนักกีฬาชั้นยอด ความขยันหมั่นเพียร ความอุตสาหะครบถ้วน ทว่าเวลาต้องหมดลงอย่างกะทันหัน บางคนต้องหยุดชะงักเพราะโรคร้าย บางคนลาวงการเพราะอุบัติเหตุ หรือเสียชีวิตเพราะโรคอุบัติใหม่ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่เกินควบคุม พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตนที่ให้ดีที่สุด โดยที่ไม่เคยกังวลถึงเหล่าเรื่องร้ายสักนิดเดียว จนผลงานที่ปรากฏกลายมาเป็นหลักไมล์ให้รุ่นน้องต้องไปให้ถึง ก่อนจะเดินหน้าเอื้อมคว้าความยิ่งใหญ่ในขั้นต่อไป

หลายปีต่อมาทีมคลีฟแลนด์ บราวน์ส ยกเลิกใช้งานเสื้อหมายเลข 45 เพื่อสดุดีความสามารถของ เออนี เดวิส โดยเฉพาะ ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยลงเล่นให้ทีมแม้แต่นาทีเดียว หวังว่าผู้คนรุ่นหลังจะยังรำลึกถึงผลงานสำคัญของเขาอย่างต่อเนื่อง

ต้นไม้ที่พวกเขาเพียรรดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดินอย่างสม่ำเสมอ บัดนี้ผลิดอกใหม่อีกหลายร้อยหลายพันดอกแล้ว หากแจ็คกี เจ้าของเสื้อเบอร์ 42 จิม เบอร์ 44 และ เออนี เดวิส เบอร์ 45 ได้รับรู้คงชื่นใจไม่น้อยเลย

ขอแถมเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับหนังที่น่าสนใจเอาไว้ให้อีกนิด แช็ดวิค โบสแมน นักแสดงดาวรุ่งได้รับบทประกอบเล็กๆ เป็น ฟลอยด์ ลิตเติล ผู้ได้รับแรงบันดาลใจจากเออนี ซึ่งอีก 5 ปีต่อมาแช็ดวิคได้ก้าวขึ้นมารับบทนำเป็น แจ็คกี โรบินสัน ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของเออนีตั้งแต่เด็ก คนที่สร้างและคนที่รับแรงบันดาลใจเป็นนักแสดงคนเดียวกัน และตัวแช็ดวิคเองก็ยังรับบทในหนังที่ใจความว่าด้วยวีรบุรุษผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอีกหลายเรื่อง

ขณะที่บทหวานใจ คนหลังบ้านของสองวีรบุรุษจากหนังทั้งสองคือ เออนี เดวิส กับ แจ็คกี โรบินสัน ก็แสดงโดยนักแสดงสาว นิโคล เบฮารี คนเดียวกัน ส่วน เดนนิส เควด ที่รับบทเบ็น โค้ชของ จิม บราวน์ เขาเคยแสดงเป็นควอเตอร์แบ็กในหนัง Any Given Sunday (1999) ที่มี จิม บราวน์ ตัวจริงรับบทเป็นผู้ช่วยโค้ชมาก่อนด้วยเหมือนกัน

ในปีถัดมา อีเอสพีวาย (ESPY) ยกย่องหนังชีวประวัติของ เออนี เดวิส เรื่องนี้ให้เป็นหนังกีฬายอดเยี่ยมประจำปี 2009 วาดหวังไว้ว่าสามารถเชิญชวนผู้ชมให้มาซึมซับพลังบวกจากตัวละครเอกนี้ไปเต็มๆ

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares