Link Copied!

NFL ฤดูกาลนี้มีลุ้นตลอด!

ศึกอเมริกันฟุตบอล NFL ฤดูกาลนี้ ได้ทีมที่ผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟเกือบครบแล้ว แต่คาดเดายากเหลือเกินว่าทีมใดจะผ่านเข้าชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์ เพราะหลายทีมมีผลงานยอดเยี่ยมพอๆ กัน

การแข่งขันอเมริกันฟุตบอล NFL ฤดูกาลนี้ ผ่านมาจนจะจบฤดูกาลปกติ (Regular Season) แล้ว เหลือเพียงนัดที่ 17 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายช่วงสุดสัปดาห์นี้ ก็จะทราบแล้วว่าทีมใดจะผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟในฐานะแชมป์กลุ่ม และทีมไวล์คาร์ดหรือทีมที่สถิติดีที่สุดไม่นับทีมแชมป์กลุ่มของแต่ละสาย อีกสายละ 3 ทีม ต้องยอมรับว่าฤดูกาลนี้หลายทีมทั้งจากสาย AFC และ NFC มีผลงานที่ดีพอๆ กัน จนยากจะคาดเดาได้ว่าทีมใดจะผ่านเข้าถึงรอบชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ไม่เหมือนฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งผลงานในช่วงฤดูกาลปกติของทีมแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ดูโดดเด่นกว่าทีมอื่น

เพื่อเพิ่มอรรถรสในการติดตามการแข่งขันในรอบเพลย์ออฟจนถึงรอบชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์ มาดูกันว่าทีมใดบ้างที่มีผลงานน่าจับตาที่สุดของสาย AFC และ NFC

เริ่มที่สาย AFC ก่อนเลย ทีมแรก เทนเนสซี ไททันส์ (ทีมรุก no.17 – ทีมรับ no.12) ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะเป็นทีมวางอันดับ 1 ของสาย ทั้งๆ ที่เมื่อครั้งที่ เดอร์ริค เฮนรี ยอดรันนิงแบ็ก เจ็บเท้าต้องเข้ารับการผ่าตัดช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เกจิ NFL ส่วนหนึ่งเชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อโอกาสผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟของทีมไททันส์ แต่ไปๆ มาๆ ไททันส์ภายใต้การนำทีมของ ไรอัน แทนนีฮิลล์ ควอเตอร์แบ็กวัย 33 ปี กลับสามารถทำผลงานยอดเยี่ยมเกินความคาดหมาย นอกจากจะคว้าแชมป์กลุ่มใต้ได้แล้ว ยังมีโอกาสสูงมากที่จะจบฤดูกาลปกติในฐานะทีมวางอันดับ 1 ของสาย AFC ซึ่งหมายถึงในรอบเพลย์ออฟนอกจากจะได้บายในรอบแรก ยังได้เล่นในสนามของตนเองทุกนัดจนถึงรอบชิงแชมป์สาย

จุดเด่นของทีมไททันส์นอกเหนือจากจะมี เดอร์ริค เฮนรี ซึ่งเป็นตัววิ่งระดับแถวหน้าของ NFL แล้ว เกมรุกของพวกเขายังมีความสมดุลไม่น้อย เนื่องจาก เอเจ บราวน์ กับ ฮูลิโอ โจนส์ ถือเป็นคู่ปีกนอกที่ยอดเยี่ยมคู่หนึ่ง ประกอบกับ ไรอัน แทนนีฮิลล์ เป็นควอเตอร์แบ็กที่มีประสบการณ์สูง เกมรุกทางอากาศของไททันส์จึงไม่อาจมองข้ามได้ และการที่พวกเขามีโอกาสสูงมากที่จะเป็นทีมวางอันดับ 1 ของสาย ได้บายในเพลย์ออฟรอบแรก ทำให้ เดอร์ริค เฮนรี มีเวลาพักฟื้นเรียกความสมบูรณ์ของร่างกายนานขึ้น และน่าจะหายทันกลับมาช่วยทีมในรอบเพลย์ออฟได้ ถึงตอนนั้นไททันส์จะกลายเป็นพยัคฆ์ติดปีกที่น่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก

ส่วนทีมรับของไททันส์ถือว่าดุดันใช้ได้ ทีเด็ดอยู่ที่ แฮโรลด์ แลนดรี ผู้เล่นตำแหน่งเอาต์ไซด์ไลน์แบ็กเกอร์ ซึ่งฤดูกาลนี้บุกเข้าไปอัดควอเตอร์แบ็กทีมตรงข้ามได้แล้วถึง 12 แซ็ก รวมทั้ง เจฟฟรีย์ ซิมมอนส์ ผู้เล่นดีเฟนซีฟแทคเกิล ซึ่งฤดูกาลนี้ทำไปแล้วถึง 5 แซ็ก เหนือกว่าผู้เล่นตำแหน่งดีเฟนซีฟเอนด์เสียอีก นอกจากทีมบุกของไททันส์จะวิ่งได้ดีแล้ว การป้องกันการวิ่งของทีมไททันส์ยังถือเป็นจุดแข็งของทีมอีกด้วย และทีเด็ดอีกอย่างหนึ่งคือ เควิน ไบยาร์ด ผู้เล่นตำแหน่งฟรีเซฟตี้เป็นนักฉวยโอกาสชั้นดี ฤดูกาลนี้ทำไปแล้วถึง 5 อินเทอร์เซ็ปต์ จากความได้เปรียบที่ได้เล่นในสนามของตนเอง โอกาสผ่านเข้าถึงรอบชิงแชมป์สาย AFC ของทีมไททันส์ถือว่ามีสูงมาก

ทีมต่อมาถือเป็นทีมขาใหญ่ของสาย AFC ในช่วง 3-4 ฤดูกาลหลังสุด นั่นคือ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ (ทีมรุก no.3 – ทีมรับ no.26) ภายใต้การนำทีมของ แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กซูเปอร์สตาร์หมายเลข 1 ของ NFL ยุคปัจจุบัน ที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงแชมป์สายได้ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน และเข้าถึงรอบชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์ใน 2 ฤดูกาลหลังสุด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากทีมชีฟส์จะผ่านเข้าถึงรอบชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์อีกครั้ง ในเมื่ออาวุธหลักของทีมยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ว่าจะเป็น ทราวิส เคลซี ปีกในระดับเทพ และ ไทรีก ฮิลล์ ยอดปีกตัวจี๊ดที่อันตรายทุกเสี้ยววินาที ที่สำคัญปีนี้แนวออฟเฟนซีฟไลน์ที่เคยเป็นจุดอ่อนก็ดีขึ้นมากด้วย

ต้องยอมรับว่าในช่วงออกสตาร์ตฤดูกาลนี้ แฟนๆ ของทีมชีฟส์คงอดใจสั่นขวัญหายไม่ได้ เนื่องจากผ่านไป 7 นัด ทีมมีสถิติ ชนะ 3 แพ้ 4 เรื่องคว้าแชมป์กลุ่มไม่ต้องพูดถึง แค่เข้ารอบเพลย์ออฟยังต้องลุ้นหนัก แต่ไปๆ มาๆ พวกเขาเก็บชัยชนะ 8 นัดติดต่อกัน คว้าแชมป์กลุ่มมาครองก่อนจบฤดูกาลปกติเสียอีก หากไม่พลาดท่าแพ้ซินซินเนติ เบงกอลส์ ในนัดที่ 16 คงเป็นทีมวางอันดับหนึ่งของสายไปแล้ว ส่วนทีมรับแม้จะไม่แข็งแกร่งระดับแถวหน้า แต่การมีจอมแซ็กอย่าง คริส โจนส์ และ แฟรงก์ คลาร์ก ในแนวดีเฟนซีฟไลน์ และมีสุดยอดเซฟตี้อย่าง ไทแรน แม็ทธิว บัญชาการแนวคุมปีก ถือว่าไม่น้อยหน้าทีมใดเช่นกัน

หนทางที่จะเอาชนะทีมชีฟส์ ทุกทีมที่โคจรมาพบกันรู้อยู่แล้วว่าจะต้องหยุด แพทริก มาโฮมส์, ทราวิส เคลซี และ ไทรีก ฮิลล์ ให้ได้ แต่จะทำได้หรือเปล่าเท่านั้น หากทำได้ เกมรุกภาคพื้นดินของทีมชีฟส์ถือว่าธรรมดา ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่หากทำไม่ได้ ก็ต้องมั่นใจว่าทีมของตนจะทำคะแนนได้มากกว่าที่ทีมชีฟส์ทำได้ ซึ่งบอกตามตรงว่าไม่ง่ายเลย เนื่องจาก แพทริก มาโฮมส์ มักทำในสิ่งที่เกินความคาดหมายได้เสมอ ดังนั้นในสายตาเกจิอเมริกันฟุตบอลส่วนใหญ่จึงมองว่า ทีมชีฟส์มีโอกาสสูงมากที่จะคว้าแชมป์สาย AFC เป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน

นอกเหนือจากเทนเนสซี ไททันส์ กับแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ มีอีกทีมหนึ่งซึ่งมีดีพอจะคว้าแชมป์สาย AFC ได้ในวันที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่หากเล่นต่ำกว่ามาตรฐาน พวกเขาอาจตกรอบเร็วตั้งแต่ในเพลย์ออฟรอบแรก ทีมนั้นคือ บัฟฟาโล บิลส์ (ทีมรุก no.5 – ทีมรับ no.1) ทีมจอมอาภัพเจ้าของสถิติเข้าชิงซูเปอร์โบวล์ 4 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่แพ้รวดในยุคทศวรรษที่ 90 ที่มี จิม เคลลี เป็นจอมทัพ หลังจากตกต่ำมานานในช่วง 2 ฤดูกาลหลังสุด บิลส์กลายเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดทีมหนึ่งของสาย AFC เพราะควอเตอร์แบ็กวัยเบญจเพสชื่อ จอช อัลเลน ที่พัฒนาการเล่นได้อย่างก้าวกระโดดในฤดูกาลที่ผ่านมา หลังจากเคยถูกตราหน้าว่าโชว์ฟอร์มไม่สมกับการถูกดราฟต์ตัวสูงถึงอันดับที่ 7 ในปี 2018

ฤดูกาลที่ผ่านมาทีมบิลส์ผ่านเข้าถึงรอบชิงแชมป์สาย AFC นั้น ความจริงแล้วมีเกจิจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าพวกเขาน่าจะเอาชนะทีมแชมป์เก่า แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ได้ แต่กลายเป็นว่าลูกทีมของ ฌอน แม็คเดอร์ม็อตต์ ถูกสอนเชิงจนแทบหมดสภาพ เหตุผลหลักเป็นเพราะทีมรับไม่สามารถเข้าไปสร้างความกดดันให้กับ แพทริก มาโฮมส์ ได้ ช่วงดราฟต์ผู้เล่นในปีนี้ ทีมบิลส์จึงคว้าผู้เล่นดาวรุ่งตำแหน่งดีเฟนซีฟเอนด์เข้ามาเสริมทีมถึง 2 คน ทั้งในรอบ 1 และรอบ 2 และในการโคจรมาพบกันช่วงครึ่งแรกฤดูกาลนี้ ทีมบิลส์ก็เป็นฝ่ายแก้มือบุกไปชนะทีมชีฟส์สำเร็จ ทำท่าว่าปีนี้จะเป็นปีทองของทีมบิลส์ แต่ ไปๆ มาๆ กลับต้องลุ้นตำแหน่งแชมป์กลุ่มจนถึงนัดสุดท้าย

บัฟฟาโล บิลส์ เป็นทีมเดียวที่ทีมรุกและทีมรับติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของ NFL ทั้งสองทีม แต่ปัญหาใหญ่ของทีมบิลส์ คือ ขาดความแน่นอน พูดง่ายๆ ว่าชนะทีมเต็งอย่างแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ได้ แต่ก็แพ้ได้แม้กระทั่งหนึ่งในทีมที่ผลงานแย่ที่สุดอย่างทีมแจ็คสันวิลล์ จากัวร์ส และที่สำคัญคือพวกเขาป้องกันเกมรุกทางภาคพื้นดินไม่ดี และทีมบุกยังวิ่งทำระยะไม่ค่อยได้อีกด้วย จนถูกทีมนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ คู่แข่งร่วมกลุ่มบุกมาชนะคาบ้าน และทำให้โอกาสเข้ารอบเพลย์ออฟเริ่มไม่แน่นอน แต่สุดท้ายทีมบิลส์ ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่ยังมองข้ามไม่ได้ของสาย AFC ด้วยการบุกไปชนะทีมเพเทรียตส์ แก้มือ และหากไม่มีอะไรพลิกล็อกในเกมสุดท้าย พวกเขาจะคว้าแชมป์กลุ่มตะวันออกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

นี่คือ 3 ทีมที่คนส่วนใหญ่มองว่าน่าจะมีโอกาสคว้าแชมป์สาย AFC มากที่สุด ส่วนทีมอื่นๆ ดูแล้วอาจยังไม่ถึงเวลา ที่หวือหวาหน่อยอาจเป็นทีมซินซินเนติ เบงกอลส์ (ทีมรุก no.9 – ทีมรับ no.18) ซึ่งฤดูกาลนี้มาดีเกินความคาดหมาย เพราะได้ เจมาร์ เชส ปีกนอกดาวรุ่งซึ่งเล่นได้โดดเด่นเหลือเกิน จับคู่กับ ที ฮิกกินส์ ส่งผลให้ โจ เบอร์โรว์ ควอเตอร์แบ็กดาวรุ่งทำผลงานได้ดีขึ้นผิดหูผิดตา สมศักดิ์ศรีนัมเบอร์วันดราฟต์ชอยซ์ปี 2020 ประกอบกับ โจ มิกซัน รันนิงแบ็กก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน ทำให้ทีมรุกของทีมเบงกอลส์มีดีพอที่จะทำแต้มแข่งกับทุกทีม และเป็นเหตุผลหลักให้ทีมเบงกอลส์เอาชนะทีมชีฟส์ได้ในนัดที่ 16

ทีมรับของเบงกอลส์นำทีมโดย เทรย์ เฮนดริคสัน ดีเฟนซีฟเอนด์พันธุ์ดุที่ทำไปแล้ว 14 แซ็กในฤดูกาลนี้ กับ แซม ฮับบาร์ด คู่หูที่ทำได้ 7.5 แซ็ก รวมทั้ง โลแกน วิลสัน ไลน์แบ็กเกอร์ที่ทำได้ถึง 4 อินเทอร์เซ็ปต์ ดีกว่าคอร์เนอร์แบ็กหรือตัวคุมปีกส่วนใหญ่ใน NFL เสียอีก แต่เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ขาดประสบการณ์ในการเล่นเกมที่มีความกดดันสูงในรอบเพลย์ออฟ มันจึงอาจยังไม่ถึงเวลาสำหรับทีมเบงกอลส์ เช่นเดียวกับทีมนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ (ทีมรุก no.16 – ทีมรับ no.3) ซึ่งแม้จะมีทีมรับที่สุดแข็งแกร่ง และมียอดโค้ช บิลล์ เบลิชิก นำทีม แต่เนื่องจาก แม็ก โจนส์ ควอเตอร์แบ็กรุกกี้เพิ่งลงเล่นเป็นฤดูกาลแรก จึงยังไม่สามารถเป็นความหวังในการพาทีมผ่านเข้ารอบลึกๆ ได้

ช่วงหนึ่งที่ทีมเพเทรียตส์ทำผลงานยอดเยี่ยม ชนะ 7 นัดติดต่อกัน แฟนๆ เริ่มวาดฝันว่าจะได้เห็น บิลล์ เบลิชิก ยอดหัวหน้าโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ NFL พาทีมลงแข่งชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์กับทีมแชมป์เก่า แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ที่มี ทอม เบรดี อดีตควอเตอร์แบ็กที่เคยพาทีมเพเทรียตส์คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ 6 สมัยเป็นจอมทัพ ซึ่งไม่เพียงแต่แฟนทีมเพเทรียตส์เท่านั้นที่อยากเห็น แม้แต่แฟนทีมอื่นๆ ก็อยากรู้เช่นกันว่า ระหว่างโค้ชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกับควอเตอร์แบ็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ใครจะเหนือกว่ากัน แต่การแพ้อินเดียนาโพลิส โคลต์ส กับบัฟฟาโล บิลส์ 2 นัดติดต่อกัน ทำให้โอกาสคว้าแชมป์น่าจะหลุดลอยไปแล้ว

ข้ามไปที่สาย NFC กันบ้าง ทีมเต็งแชมป์ยังเป็นทีมหน้าเดิม เริ่มที่ กรีน เบย์ แพ็กเกอร์ส (ทีมรุก no.12 – ทีมรับ no.11) ซึ่งปีที่ผ่านมาท่าดีทีเหลวในรอบเพลย์ออฟ ปีนี้จึงหวังแก้มือเต็มที่ แม้ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล แอรอน ร็อดเจอร์ส จะมีปัญหาคาใจกับหัวหน้าโค้ช แม็ตต์ ลาเฟลอร์ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพทุกอย่างก็ยุติลงได้ จุดเด่นของทีมกรีนเบย์คงไม่ต้องบอก เกมรุกของพวกเขาครบเครื่องที่สุดทีมหนึ่ง โดยเฉพาะ เดอวอนเต อดัมส์ สุดยอดปีกนอกอันดับหนึ่งของ NFL ขณะที่ร็อดเจอร์สเองก็เล่นด้วยฟอร์มที่มีลุ้นตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งฤดูกาล ส่วน แอรอน โจนส์ และ เอเจ ดิลลอน สองรันนิงแบ็กยังไว้วางใจได้เสมอในยามที่ต้องแบ่งเบาภาระให้กับร็อดเจอร์ส

ที่น่าประทับใจที่สุดคือทีมแพ็กเกอร์สสามารถคว้าตำแหน่งทีมวางอันดับ 1 ของสาย NFC ได้ ทั้งๆ ที่ฤดูกาลนี้ประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายคน อาทิ เดวิด บักห์เทียรี ยอดแทคเกิลระดับโปร์โบวล์, ซาดาเรียส สมิธ ดีเฟนซีฟเอนด์จอมแซ็ก และ แจร์ อเล็กซานเดอร์ ตัวคุมปีกระดับโปรโบวล์ หากทั้งหมดหายเจ็บกลับมาเล่นในรอบเพลย์ออฟได้ โอกาสที่ทีมแพ็คเกอร์สจะผ่านเข้ารอบชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์จะเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย อย่าลืมว่าพวกเขานอกจากจะได้บายในรอบแรกแล้ว ยังได้เปรียบที่จะได้เล่นในสนามของตนเองทุกนัด จึงมีโอกาสสูงที่จะได้ล้างตากับทีมแทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ที่บุกมายัดเยียดความปราชัยให้ถึงถิ่นในศึกเพลย์ออฟฤดูกาลที่ผ่านมา แต่อย่าลืมว่าคราวนี้แฟนๆ จะได้เข้าชมเต็มความจุของสนาม!

ทีมต่อมายังคงเป็นทีมเต็งแชมป์ซูเปอร์โบวล์ฤดูกาลนี้ในสายเกจิจำนวนมากคือ แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส (ทีมรุก no.1 – ทีมรับ no.14) ที่ฝากรอยร้าวเอาไว้ให้กับทีมแพ็กเกอร์สในฤดูกาลที่ผ่านมานั่นเอง ตราบใดที่มี ทอม เบรดี เป็นจอมทัพ พวกเขายังเป็นทีมที่น่ากลัวเสมอ อย่างไรก็ตามปัญหาของทีมบัคคาเนียร์สตอนนี้คือ ผู้เล่นกำลังหลักหลายคนประสบอาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะ คริส ก็อดวิน ปีกนอกตัวเก่งที่หมดโอกาสช่วยทีมจนจบฤดูกาลนี้ และที่สำคัญ อันโตนิโอ บราวน์ ปีกนอกระดับอดีตซูเปอร์สตาร์ เกิดฟิวส์ขาดเดินถอดเสื้อออกจากสนามกลางคัน ในนัดชนะนิวยอร์ก เจ็ตส์ จึงถูก บรูซ เอเรียนส์ หัวหน้าโค้ชตัดหางปล่อยวัดออกจากทีม

ทำให้ตำแหน่งปีกนอกเหลือ ไมค์ อีแวนส์ รับบทหนักเพียงคนเดียว ดีที่ ทอม เบรดี ยังมี ร็อบ กรอนคาวสกี ปีกในคู่ใจเป็นอาวุธหนักอีกคน ไม่รวม เลียวนาร์ด โฟร์เน็ตต์ รันนิงแบ็ก ที่ทำให้เกมรุกของทีมมีความสมดุลทั้งการวิ่งและการขว้าง ที่สำคัญแนวออฟเฟนซีฟไลน์ของบัคคาเนียร์สแข็งแกร่งราวกับกำแพงมนุษย์ ทำให้เบรดีมีเวลาเลือกเป้าในการขว้าง ซึ่งเป็นฝันร้ายของแนวรับทีมคู่แข่งทุกๆ ทีม ส่วนทีมรับของบัคคาเนียร์สฤดูกาลนี้ แม้ผลงานจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเทียบเท่ากับฤดูกาลที่ผ่านมา แต่การได้กำลังหลักอย่าง แช็ก บาร์เร็ตต์, เจสัน ปิแอร์-พอล และ อังตวน วินฟีลด์ จูเนียร์ กลับมาในรอบเพลย์ออฟ ต้องถือว่าครบเครื่องมากพอจะลุ้นแชมป์ซูเปอร์โบวล์อีกสมัย

ทีมต่อไปน่าจะเป็นทีมที่ยอมทุ่มเพื่อการคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ฤดูกาลนี้มากที่สุด นั่นคือ ลอสแองเจลิส แรมส์ (ทีมรุก no.6 – ทีมรับ no.16) ซึ่งยอมเทรดตัว แม็ทธิว สแตฟฟอร์ด มาจากทีมดีทรอยต์ ไลออนส์ ซึ่งหากเปรียบเป็นเงินคงแพงลิบลิ่ว เพราะนอกจากต้องยอมปล่อยตัว จาเร็ด กอฟฟ์ ให้กับทีมไลออนส์แล้ว ยังต้องเสียสิทธิ์ในการดราฟต์ผู้เล่นรอบ 3 ฤดูกาลนี้ และรอบแรกปี 2022 และปี 2023 ด้วย เรียกว่าเป็นการเทรดตัวครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี ที่ยอมลงทุนขนาดนี้เพราะทีมต้องการจอมทัพชั้นดีมาเสริมจุดอ่อนในฤดูกาลที่ผ่านมา และแน่นอนสแตฟฟอร์ดไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง นำทีมเก็บชัยชนะจนไล่แซงแอริโซนา คาร์ดินัลด์ส คู่แข่งร่วมกลุ่มตะวันตกที่มาแรงมากในช่วงออกสตาร์ตฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ

แต่ผู้เล่นทีมรุกที่ทำผลงานดีที่สุดในทีมแรมส์ ไม่ใช่ แม็ทธิว สแตฟฟอร์ด แต่เป็น คูเปอร์ คัปป์ ปีกนอกที่ทำผลงานยอดเยี่ยมจนได้รับเลือกให้ติดทีมโปรโบวล์ฤดูกาลนี้ เรียกว่าการขว้างระยะใกล้ไกลรับได้หมด นอกจากนี้ทีมแรมส์ยังมี โอเดล เบ็คแคม จูเนียร์ ปีกจอมเก๋าเป็นตัวอันตรายอีกคน รวมทั้ง แวน เจฟเฟอร์สัน ซึ่งทำผลงานได้ดีเช่นกัน แต่ที่น่าสนใจคือทีมแรมส์มีผู้เล่นทีมรับระดับเทพอยู่ในทีมถึง 2 คนคือ แอรอน โดนัลด์ ผู้เล่นตำแหน่งดีเฟนซีฟแทคเกิล จอมแซ็ก ว่าที่ผู้เล่นฮอลล์ออฟเฟม และ จาเลน แรมซีย์ หนึ่งในยอดตัวคุมปีกที่เก่งที่สุดของ NFL ในปัจจุบัน พวกเขาจึงเป็นทีมที่สมดุลทั้งทีมรุกและทีมรับ และมีโอกาสผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์ไม่น้อย

ยังมีอีก 2 ทีมในสาย NFC ที่ประมาทไม่ได้คือ แอริโซนา คาร์ดินัลด์ส (ทีมรุก no.8 – ทีมรับ no.10) กับดัลลัส คาวบอยส์ ความจริงช่วงออกสตาร์ตฤดูกาลนี้ทีมคาร์ดินัลด์สมาแรงมาก เป็นทีมเดียวที่คว้าชัยชนะ 7 นัดรวด แม้หลังจากนั้นผลงานของทีมแผ่วลงมาเล็กน้อย แต่ยังผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟอย่างสบายๆ ทีเด็ดของทีมคือ ไคเลอร์ เมอร์เรย์ ควอเตอร์แบ็กร่างเล็กที่เก่งกาจเรื่องการวิ่งทำระยะเอง และการขว้างในยามอยู่นอกแนวป้องกัน ยิ่งเมื่อมีปีกนอกคู่ใจระดับเทพอย่าง เดออันเดร ฮ็อปกินส์ ก็ยิ่งอันตราย และที่สำคัญพวกเขายังมี เจมส์ คอนเนอร์ รันนิงแบ็กตัวเก่งที่ทำผลงานดีถึงขั้นติดทีมโปรโบวล์ฤดูกาลนี้ แอริโซนาจึงเป็นทีมที่ประมาทไม่ได้อีกทีมหนึ่ง

ส่วนทีมรับของแอริโซนา คาร์ดินัลด์ส เน้นการโจมตีอย่างรวดเร็วตั้งแต่ดาวน์แรก เพื่อแซ็กควอเตอร์แบ็ก หรือหยุดตัววิ่งของทีมคู่แข่งให้ทำระยะได้น้อยที่สุด หรือเสียระยะในแดนตนเอง แต่ก็ต้องแลกด้วยการเสียระยะเป็น 10-20 หลาในหลายครั้งที่รันนิงแบ็กฝ่ายตรงข้ามหลุดแนวป้องกันออกมาได้ ขณะเดียวกัน แม้ เจเจ วัตส์ ดีเฟนซีฟเอนด์จอมแซ็กจะบาดเจ็บ แต่ มาร์คัส โกลเดน กับ แชนด์เลอร์ โจนส์ ก็แซ็กควอเตอร์แบ็กทีมคู่แข่งได้เป็นกอบเป็นกำ หากวัตส์กลับมาได้ในรอบเพลย์ออฟ ทีมรับจะยิ่งดุขึ้นไปอีก ส่วนแนวคุมปีกมี บุดดา เบเกอร์ กับ ไบรอน เมอร์ฟี จูเนียร์ ที่มีผลงานยอดเยี่ยมทั้งคู่

ทีมสุดท้ายคือ ดัลลัส คาวบอยส์ (ทีมรุก no.2 – ทีมรับ no.19) หรือ “อเมริกาทีม” ซึ่งในอดีตมีแฟนๆ ในบ้านเราติดตามเป็นจำนวนไม่น้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทีมเชียร์ลีดเดอร์สวยกว่าทีมอื่นหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ฤดูกาลนี้ทีมดาวเดี่ยว ดัลลัส คาวบอยส์ ทำผลงานได้ดีไม่น้อย โดยเฉพาะ แด็ก เพรสค็อตต์ ทำผลงานดีคุ้มค่าจ้างเฉลี่ยปีละ 1,200 ล้านบาท เอซีเคียล เอลเลียต รันนิงแบ็ก ก็ทำให้ทีมมีเกมรุกที่สมดุลทั้งการวิ่งและการขว้าง แนวออฟเฟนซีฟไลน์ก็ถือว่าแข็งแกร่งมาก ปีกนอกมีดีทั้ง ซีดี แลมพ์ และ อามารี คูเปอร์ ส่วนปีกในอย่าง ดัลตัน ชูลต์ซ ก็ทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้ดีเช่นกัน ส่วนทีมรับไม่ต้องพูดถึง ว่ากันว่าหากทีมดัลลัสจะผ่านเข้าถึงรอบชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์ก็น่าจะต้องพึ่งทีมรับไม่น้อย

ผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในทีมรับคือ เทรวอน ดิกส์ ตัวคุมปีกรุกกี้ น้องชายของ สเตฟฟอน ดิกส์ ยอดปีกนอกของทีมบัฟฟาโล บิลส์ ซึ่งทำผลงานในฤดูกาลแรกได้อย่างสุดปัง ทำไปแล้วถึง 11 อินเทอร์เซ็ปต์ และติดทีมโปรโบวล์ เช่นเดียวกับ ไมกาห์ พาร์สัน ผู้เล่นตำแหน่งเอาต์ไซด์ไลน์แบ็กเกอร์ ที่ทำไปแล้วถึง 13 แซ็ก ได้รับเลือกติดทีมรวมดาราสาย NFC เช่นเดียวกับ เทรวอน ดิกส์ แต่ปัญหาคือในรอบเพลย์ออฟที่มีความกดดันสูงมาก ผู้เล่นที่มีประสบการณ์น้อยอย่างทั้งคู่จะรับมือไหวหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือในช่วงฤดูกาลปกติ ทีมรับของดัลลัสคือทีมรับระดับแนวหน้าของ NFL ในสายตาเกจิจำนวนไม่น้อย

นี่คือบรรดาทีมเต็งที่มีโอกาสผ่านเข้าถึงรอบชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์มากที่สุด รวมทั้งทีมที่มองข้ามไม่ได้ ส่วนทีมอื่นๆ นอกเหนือจากนี้คงยากที่จะผ่านด่านอรหันต์เข้าไปได้ ถึงตอนนี้ถ้าจะให้ฟันธงว่าคู่ชิงจะเป็นทีมใด ตอบยากเหลือเกินเพราะสูสีจัด แต่ละทีมต่างก็มีดีด้วยกันทั้งนั้น เอาเป็นว่ารักทีมใดติดตามเชียร์กันสนุกแน่นอน และในรอบเพลย์ออฟซึ่งเล่นกันเกมเดียว อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ โอกาสที่คู่ชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์จะเป็น 2 ทีมคู่ชิงหน้าเดิม กับโอกาสที่คู่ชิงจะเป็น 2 ทีมหน้าใหม่ มีมากพอๆ กัน!

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares