Link Copied!

การเดินทางสู่ดวงดาวของ “ดิ๊ก” คุณพ่อยอดนักวิ่งแห่งทีมฮอยด์

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2021 สื่อมวลชนในสหรัฐอมริการายงานข่าวการสูญเสียครั้งสำคัญ ริชาร์ด ยูจีน ฮอยต์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดิ๊ก คุณพ่อยอดนักวิ่งแห่ง “ทีมฮอยต์” เสียชีวิตในวัย 80 ปี ชายผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็นจิตวิญญาณแห่งบอสตันมาราธอน จากการเข็นวีลแชร์ของลูกซึ่งเป็นคนพิการลงแข่งมาราธอนร่วมร้อยรายการ

“ดิ๊กแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่างว่าความหมายของคำว่า ‘Boston strong’ คืออะไร และสร้างแรงบันดาลใจตลอดระยะทางที่ผ่านมา…บอสตันจะคิดถึงคุณเสมอ”

มาร์ติน เจ. วอลช์

นายกเทศมนตรีเมืองบอสตัน

1

ชื่อ ริชาร์ด ยูจีน ฮอยต์ หรือ ดิ๊ก อาจไม่เป็นที่คุ้นหูนักในหมู่นักวิ่งชาวไทย แต่ในวงการวิ่งระดับโลกแล้วชายคนนี้คือผู้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อเขาออกวิ่งมาราธอนนับครั้งไม่ถ้วนร่วมกับลูกชายคนโต ริชาร์ด ยูจีน ฮอยต์ จูเนียร์ หรือ ริก ซึ่งเป็นคนพิการ

ในทุกๆ สนามแข่งขัน ดิ๊กจะวิ่งเข็นวีลแชร์ที่มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งอยู่บนนั้น หากทั้งสองคนลงแข่งไตรกีฬา ถึงช่วงว่ายน้ำ ดิ๊กจะใช้เชือกมัดติดกับเสื้อกั๊กโยงเข้ากับเรือยางที่มีลูกชายนั่งอยู่ ออกแรงว่ายลากเรือยางของลูกไป เมื่อถึงช่วงขี่จักรยาน ดิ๊กจะอุ้มลูกขึ้นมานั่งบนจักรยานที่ได้รับการออกแบบมาพิเศษ เมื่อเข้าสู่ช่วงวิ่ง พ่อดิ๊กก็จะวิ่งเข็นวีลแชร์ของริกเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ

บันทึกไว้ว่า บอสตันมาราธอน สนามแข่งขันที่ทั้งคู่ผูกพันมากที่สุด ทั้งสองคนลงวิ่งด้วยกันถึง 32 ครั้ง เพิ่งจะยุติการวิ่งเมื่อไม่นานมานี้

แต่คงเหมือนกับการใช้ชีวิต เมื่อมีจุดสตาร์ตย่อมต้องมีเส้นชัย

เมื่อมีก้าวแรกแล้วย่อมมีก้าวสุดท้าย

วันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2021 สื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกาเผยแพร่ข่าวความสูญเสียครั้งใหญ่

ดิ๊ก ฮอยต์ ในวัย 80 ปี เสียชีวิต

2

สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จัก ดิ๊ก ชีวิตของเขาถูกเขียนขึ้นจากการวิ่งและการเล่นกีฬากลางแจ้ง

ย้อนกลับไปขณะมีอายุ 21 ปี ดิ๊กและภรรยาได้ให้กำเนิดลูกชาย คงเป็นโชคร้ายที่ภาวะแทรกซ้อนระหว่างคลอดทำให้เด็กน้อยไม่สามารถควบคุมร่างกาย หรือพูดคุยได้เหมือนคนปรกติ มีเพียงศีรษะและหัวเข่าที่สามารถควบคุมการขยับเขยื้อน มีแนวโน้มว่าลูกชายคนนี้จะกลายเป็นคนพิการที่ต้องนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต 

ดิ๊กเลี้ยงดูลูกชายอย่างดีที่สุด จนวันหนึ่งในปี ค.ศ. 1977 ลูกก็สื่อสารกับเขาด้วยการพิมพ์ข้อความว่า อยากมีส่วนร่วมในการวิ่งการกุศล หาเงินมาจุนเจือเพื่อนนักกีฬาโรงเรียนที่ประสบอุบัติเหตุจนเป็นอัมพาต

ดิ๊กเริ่มซ้อมวิ่งอย่างจริงจังเพื่อทำตามความปรารถนาของลูก เขาเข้าร่วมรายการวิ่งการกุศลระยะทาง 5 ไมล์ หรือประมาณ 8 กิโลเมตร โดยเข็นวีลแชร์ของลูกชายไปตลอดเส้น 

แม้จะเข้าสู่เส้นชัยเป็นคน (คู่) สุดท้าย แต่อย่างน้อยก็ทำสำเร็จ

หลังวิ่งเสร็จลูกชายบอกดิ๊กว่า “พ่อครับ เวลาวิ่ง ผมรู้สึกเหมือนไม่ได้พิการ” เป็นสาเหตุให้ดิ๊กยังคงวิ่งเรื่อยมา เพื่อพาลูกชายวิ่งไปด้วยกัน

ดิ๊กรู้ดีว่าแม้ร่างกายของลูกจะเป็นคนพิการ แต่สามารถรับรู้และมีอารมณ์ร่วมในทุกๆ การกระทำของพ่อ ยกตัวอย่างทุกๆ ครั้งที่ทะยานเข้าสู่เส้นชัย หรือวิ่งผ่านกองเชียร์ ริกจะโบกไม้โบกมือและส่งยิ้ม

พ่อมุ่งมั่นซ้อม ซ้อม และซ้อมเพื่อพัฒนาฝีเท้า จนสามารถวิ่งมาราธอน 42.195 กิโลเมตร จนถึงระยะทางไกลกว่านั้น

3

บอสตันมาราธอนซึ่งเป็นสนามใกล้บ้าน เป็นรายการที่ดิ๊กกับลูกชายวิ่งมาราธอนด้วยกันมากที่สุด ทั้งคู่ลงแข่งด้วยกันถึง 32 ครั้ง ติดต่อกัน 32 ปี เสมือนหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ของบอสตันมาราธอนไปแล้ว

บิลล์ รอดเจอร์ ยอดนักวิ่งซึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศบอสตันมาราธอนถึง 4 สมัย เคยเอ่ยคำสดุดีว่า “ดิ๊กและริก ทั้งสองคนเป็นหัวจิตหัวใจและจิตวิญญาณแห่งบอสตันมาราธอน”

ในขณะที่ เดฟ แมคกิลลิฟเรย์ ผู้อำนวยการการแข่งขันบอสตันมาราธอนเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาพบกับดิ๊กครั้งแรกระหว่างการแข่งขัน Falmouth Road Race ช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1970

“สุภาพบุรุษคนนี้วิ่งขึ้นมาข้างๆ ผม เขาวิ่งเข็นเด็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในรถวีลแชร์ หลังจากนั้นเราก็เริ่มแข่งกัน ในความคิดของผมจะปล่อยให้ผู้ชายคนที่กำลังเข็นวีลแชร์ของลูกชายเอาชนะผมไม่ได้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็เฆี่ยนตีผม”

ทอม กริลก์ ซีอีโอของ Boston Athletic Association (BAA) เป็นอีกคนที่รู้จักดิ๊ก เขาเล่าว่าพบดิ๊กครั้งแรกตอนทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศชื่อนักกีฬาเข้าเส้นชัยในการแข่งขันบอสตันมาราธอนเมื่อช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 ทอมเล่าว่าทั้งสองคนมีชื่อเสียงตั้งแต่หลังการลงแข่งครั้งแรกที่บอสตัน

“เราจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเขามา ไม่นานก่อนหน้าที่เราจะเห็นพวกเขา เราจะได้ยินเสียงฝูงชนตอบสนอง มันเป็นเสียงคำรามที่ไม่เหมือนใคร มีบางอย่างที่แตกต่างไปจากการส่งเสียงเชียร์นักวิ่งคนอื่นๆ”

4

ในนามสองพ่อลูกแห่ง “ทีมฮอยต์” (Team Hoyt) ชื่อที่ดิ๊กกับลูกใช้สมัครเข้าแข่งขัน มีการบันทึกสถิติว่าตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ทั้งคู่ลงแข่งกีฬาชนิดต่างๆ ร่วมกันมากถึง 1,130 รายการ ประกอบด้วยการวิ่งมาราธอนรวมทั้งหมด 72 รายการ ไตรกีฬา 257 รายการ และไตรกีฬาระยะ IRONMAN อีก 6 รายการ

สถิติการวิ่งมาราธอนเฉพาะรายการบอสตันมาราธอนของที่ดีที่สุดเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1986 เวลานั้นดิ๊กอายุ 45 ปี ลูกชายอายุ 24 ปี ทั้งสองคนใช้เวลา 2 ชั่วโมง 48 นาที 51 วินาที วิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร คิดเป็นความเร็วระดับเพซ 4:00 หรือประมาณ 4 นาทีต่อ 1 กิโลเมตร

ขณะที่สถิติการวิ่งมาราธอนดีที่สุดจากการระบุของ www.teamhoyt.com เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1992 งานนาวิกโยธินมาราธอน Marine Corps เวลานั้นดิ๊กอายุ 52 ปี ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที 47 วินาที วิ่งด้วยความเร็วระดับเพซ 3:49 ดิ๊กตั้งใจทำความเร็วการวิ่งครั้งนี้ให้เป็นสถิติ เพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ลูกชายที่มีอายุ 30 ปี

นอกจากวิ่งมาราธอนแล้วสองพ่อลูกผู้เป็นจิตวิญญาณแห่งบอสตันมาราธอนยังออกวิ่งและขี่จักรยานไปทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา พวกเขาวิ่งและขี่จักรยานข้ามประเทศระยะทาง 3,735 ไมล์ หรือประมาณ 6,010 กิโลเมตร และลงแข่งไตรกีฬาอีกหลายครั้ง

5

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ทั้งสองคนยุติการลงแข่งบอสตันมาราธอน คืออายุที่มากขึ้น

สนามสุดท้ายเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2014 ขณะนั้นดิ๊กมีอายุย่าง 74 ปี ส่วนริกอายุ 52 แฟนคลับของทั้งคู่ตลอดจนผู้จัดงานต่างรู้สึกใจหาย

ก่อนหน้านั้น 1 ปี มีเหตุก่อการร้ายวางระเบิดใกล้เส้นชัยบอสตันมาราธอน ยิ่งทำให้มีคนออกมาเปล่งเสียงเชียร์ดิ๊กกับริก เพื่อกล่าวคำอำลา และเพื่อปลอบขวัญกันและกันในเคมเปญ ‘Boston Strong’

สองพ่อลูกจารึกสถิติการวิ่งบอสตันมาราธอนครั้งสุดท้ายไว้ที่ 7 ชั่วโมง 37 นาที 33 วินาที

สำหรับผู้ที่มีโอกาสเห็นทั้งสองคนวิ่งด้วยกัน จะรู้ได้เลยว่าดิ๊กยังคงวิ่งเข็นวีลแชร์อย่างมีชีวิตชีวา

แม้ครั้งหนึ่งทั้งสองจะยืนยันผ่านเว็บไซต์ว่าการแข่งขันของพวกยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด และยากที่จะนึกถึงวันสิ้นสุด

แต่คล้อยหลังหลายปีต่อมา

สื่อด้านกีฬาก็พร้อมใจนำเสนอข่าวที่ไม่มีแฟนกีฬาคนใดอยากได้ยิน

วันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2021 ดิ๊กจากโลกนี้ไป

CBS Boston รายงานว่าเขาเสียชีวิตในขณะหลับหลังจากประสบปัญหาสุขภาพ รวมอายุ 80 ปี

ก่อนหน้านี้ดิ๊กและลูกชายได้รับการเสนอชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศไอรอนแมนและไตรกีฬาแห่งสหรัฐอเมริกา (Ironman and USA Triathlon halls of fame)

เมื่อปี ค.ศ. 2013 มีการติดตั้งอนุสาวรีย์สีบรอนซ์ของดิ๊กขณะเข็นรถเข็นของลูกชายที่ใช้ในการแข่งขัน ใกล้กับจุดปล่อยตัวบอสตันมาราธอนในเมืองฮอปกินตัน รัฐแมสซาชูเซตส์

เหนือสิ่งอื่นใดคือแรงบันดาลใจในการวิ่งที่สองพ่อลูกส่งผ่านไปยังผู้คนทั่วโลก

สัญลักษณ์อันทรงพลังของความมุมานะเพียรพยายาม แบบอย่างของความมุ่งมั่น และเสียสละทำเพื่อคนที่ตัวเองรักมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ

สำหรับ ริก บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่ร่วมแข่งขันเคียงบ่าเคียงไหล่บิดามายาวนาน คงมีเพียงความรักและอาลัย ถึงผู้ชายอันเป็นสุดยอดคุณพ่อ

ยอดนักวิ่งผู้เสียสละได้ออกเดินทางไปรอวิ่งเคียงค้างเขาบนดวงดาวแสนไกล

หมายเหตุ :

ด้วยรักและอาลัย อ่านเพิ่มเติมเรื่องราวของ ดิ๊ก และ ริก สองพ่อลูกแห่งทีมฮอยต์ได้ที่ ตำนานนักสู้สองพ่อลูกแห่งทีมฮอยต์ https://www.blockdit.com/posts/5fc207dd62cd0a0cf92cc997

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares