คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงซูเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูได้ในฟุตบอลโลก 5 สมัย
ก่อนทัวร์นาเมนท์ที่ กาตาร์ จะเริ่มแข่งขัน เปเล่ ตำนานบราซิล และ 2 แข้งเยอรมันอย่าง อูเว่ ซีเลอร์ กับ มิโรสลาฟ โคลเซ่ คือ 3 นักเตะนอกจาก โรนัลโด้ ที่ยิงได้ในฟุตบอลโลก 4 สมัย
และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ลีโอเนล เมสซี กลายเป็นอีกหนึ่งคนที่ยิงได้ในฟุตบอลโลก 4 สมัย จากลูกจุดโทษในเกมที่ อาร์เจนตินา แพ้ ซาอุดิอาระเบีย 2-1
จนกระทั่งเมื่อคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา โรนัลโด ออกสตาร์ตตัวจริงพร้อมสวมปลอกแขนกัปตันทัพ “ฝอยทอง” ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดแรก เฉือนชนะ กานา 3-2
โดยเกมช่วงนาทีที่ 65 โรนัลโด โดน โมฮาเหม็ด ซาลิซู ขัดขาล้มได้จุดโทษ แล้วลุกขึ้นมาสังหารเข้าไปอย่างเฉียบคม ซึ่งประตูดังกล่าวทำให้แข้งวัย 37 ปี ยิงได้ในฟุตบอลโลก 5 สมัยติด
จุดกำเนิดเริ่มจากลูกแรกเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ในปี 2006 ที่เยอรมนี โรนัลโด ยิงจุดโทษใส่ อิหร่าน ในรอบแบ่งกลุ่ม ช่วยให้ โปรตุเกส ชนะ 2-0
หลังจากนั้นในปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ โรนัลโด ยิงได้ 1 ประตู ในเกมถล่ม เกาหลีเหนือ 7-0 รอบแบ่งกลุ่ม
ปี 2014 ที่บราซิล โรนัลโด ยิงอีก 1 ประตู ในเกมชนะ กานา 2-1 รอบแบ่งกลุ่ม
และที่รัสเซีย ในปี 2018 โรนัลโด กดไป 4 ประตู จากแฮตทริกเกมเสมอ สเปน 3-3 และประตูชัยเหนือ โมร็อกโก 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม
รวมฟุตบอลโลก 5 สมัย โรนัลโด ซัดไป 8 ประตู และยังมีโอกาสใส่สกอร์เพิ่มที่กาตาร์ โดยนัดต่อไป โปรตุเกส จะพบกับ อุรุกวัย ในคืนวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน ต่อด้วยพบ เกาหลีใต้ ในวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม
นอกจากนี้ โรนัลโด ยังได้รับรางวัล “แมน ออฟ เดอะ แมทช์” อย่างเป็นทางการของ ฟีฟ่า จากผลงานในเกมกับ กานา
ซึ่งทำให้เขาสร้างอีกหนึ่งสถิติคือ การได้รับรางวัลดังกล่าวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก จากจำนวน 7 ครั้ง แซงหน้า เมสซี และ อาร์เยน ร็อบเบน ที่ได้คนละ 6 ครั้ง
แน่นอนว่า สถิติของ โรนัลโด คงยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้
