การแพ้ จอร์เจีย ทีมระดับ C ของยุโรป แค่ 0-8 ยังถือว่าโชคดีที่ไม่เละไปมากกว่านี้เพราะสถิติมากสุด ต้องย้อนกลับไปจนถึง 67 ปีก่อน ตอนโอลิมปิก ที่เราโดน สหราชอาณาจักร ไล่ยำ 0-9
แต่ที่ยับเยินมากกว่าผลการแข่งขันก็คือ “ภาพลักษณ์” ของทีมชาติไทย ที่ถูกมองว่า ไม่ให้เกียรติคู่แข่ง เมื่อส่งชุดสำรองมาเล่น
เป้าจึงไปตกที่ ผู้บริหารสโมสร(บางคน) ไม่ปล่อยนักเตะหลักมาเล่นทีมชาติ โดยอ้างว่ามีโปรแกรมชุก
ทั้งที่จริงแล้ว สมาคมฯ และไทยลีก ก็พร้อมจะสลับสับโปรแกรมให้ตามคำขอ
แล้วยิ่งทำให้หลายคนคาใจ ทำไมนักเตะต่างชาติถึงปล่อยได้ แต่นักเตะชาติตัวเองถึงปล่อยไม่ได้
ครั้งนี้แฟนบอลส่วนใหญ่จึงไม่โทษ “โค้ช” และ “นักเตะ” เพราะรู้ดีว่า มันเกิดอะไรขึ้น
อีกทั้งกระแสด่า “สมยศ” พร้อมวลีเด็ด “ใครไม่อาย ผมอาย” ก็แทบไม่มี เพราะแฟนบอลส่วนใหญ่รู้ดีว่า ทุกวันนี้ นายกสมาคมฟุตบอลฯ ไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการทีมชาติ เมื่อโยนไปให้กลุ่มผู้บริหารสโมสรใหญ่ดูแลแบบเบ็ดเสร็จ
กระแสครั้งนี้จึงพุ่งเป้าไปที่ผู้บริหารสโมสร(บางคน)ที่ปากบอกว่า “รักบอลไทย” แต่การกระทำสวนทางกับคำพูด
อุตส่าห์ออกมารณรงค์ #Saveบอลไทย #Saveไทยลีก กันแทบตาย แต่สุดท้าย ทีมชาติและไทยลีก ก็ไร้ค่าหมดราคา เพราะเพียงแค่ผู้บริหารสโมสร(บางคน)