ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ชื่นชมผลงานทัพนักกีฬาไทยในภาพรวม ทำสถิติคว้า 233 เหรียญทอง ครองเจ้าเหรียญทองมากที่สุดในประวัติศาสตร์
มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม มีการบรรจุแข่งขัน 50 ชนิดกีฬา รวมทั้ง 3 กีฬาสาธิต และ 1 กีฬาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากนับเฉพาะกีฬาหลัก 50 ชนิด ชิง 573 เหรียญทอง
ผลปรากฏว่า ทัพนักกีฬาไทยทำได้ 233 เหรียญทอง 154 เหรียญเงิน 108 เหรียญทองแดง รวม 495 เหรียญ ได้เป็นเจ้าเหรียญทองสมัยที่ 14 ซึ่งนับเป็นการทวงเจ้าเหรียญทองกลับคืนมาได้ในรอบ 10 ปี หลังเคยทำได้ครั้งล่าสุดในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี 2015 พร้อมกับทำลายสถิติคว้าเหรียญทองมากที่สุดในซีเกมส์ของ เวียดนาม ที่เคยทำไว้ 205 เหรียญทอง ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม เมื่อปี 2022
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เรามีความมั่นใจตั้งแต่แรกกับเป้าหมายเจ้าเหรียญทอง และอยากจะทำสถิติเป็นประเทศเจ้าภาพและได้เหรียญทองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งตัวเลขเหรียญทองที่ทำได้ใกล้เคียงกับที่สมาคมกีฬาได้มีการประเมินไว้ 241 เหรียญทอง อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีความมุ่งมั่นและมั่นใจว่าจะต้องทำได้เกิน 200 เหรียญทองแน่นอน
ดร.ก้องศักด ยอดมณี กล่าวว่า ในภาพรวม ทัพนักกีฬาไทยทำผลงานได้ประทับใจ หลายสมาคมกีฬาทำได้ดีเกินคาด แต่ต้องยอมรับว่าบางชนิดกีฬาอาจจะยังไม่เข้าเป้า ก็ต้องกลับมาทบทวนทำการบ้านกันต่อ แต่โดยทั่วไปแล้วผลจากการที่ได้มีการเก็บตัวต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี ก็ส่งผลสะท้อนเรื่องผลงานการกวาดเหรียญรางวัลในครั้งนี้ รวมทั้งเรื่องการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้มข้นในทุกมิติ อีกประการหนึ่งคือ เราได้เสริมเรื่องโภชนาการ ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ผู้ว่าการ กกท. กล่าวอีกว่า ในส่วนของกีฬาสากลในระดับโอลิมปิกสปอร์ตถือว่าผลงานของนักกีฬาไทยดีมาก โดยเรื่องของสถิติ แม้ว่าบางรายการอาจจะไม่ได้เหรียญทอง แต่มีการพัฒนาที่ดีขึ้น มีการทำลายสถิติหลายรายการ เช่น กรีฑา ที่ทำผลงานได้เด่นชัดในเรื่องของการทำลายสถิติ และ ยกน้ำหนัก ที่เป็นกีฬาความหวังโอลิมปิก ก็ทำลายสถิติโลก ยังรวมถึง เทควันโด และว่ายน้ำ ทำได้ดีเช่นกันด้วย ซึ่งไม่ค่อยจะเกิดขึ้นในกีฬาซีเกมส์ แต่ครั้งนี้ก็ได้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าประทับใจ