Link Copied!
testingsource

“ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก” ความโลภครองโลกฟุตบอล

12 สโมสรใหญ่ในยุโรปออกแถลงการณ์เข้าร่วม “ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก” โดยยืนยันว่าเป็นการทำเพื่อฟุตบอลส่วนรวม ท่ามกลางกระแสต่อต้านว่าจริงๆ แล้วเป็นเรื่องของความโลภล้วนๆ 

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร TOP 6 ในพรีเมียร์ลีก ทั้งอาร์เซนอล, สเปอร์ส, เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์ฉบับเดียวกันเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2021 ตามเวลาบ้านเรา เรื่องการเข้าร่วม “ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก” หรือ ESL โดยมีอีก 6 ทีมใหญ่ของยุโรปเข้าร่วมด้วยทั้งเรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา, แอตเลติโก มาดริด, เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน และยูเวนตุส รวมแล้วมีสมาชิกก่อตั้ง “ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก” ทั้งสิ้น 12 ทีม

เนื้อหาในแถลงการณ์นั้นระบุว่า วันนี้ 12 ทีมใหญ่ของยุโรปรวมตัวกันเพื่อประกาศว่า พวกเขาตกลงที่จะก่อตั้ง “ซูเปอร์ลีก” ซึ่งจะบริหารงานโดย 12 สโมสรผู้ก่อตั้ง และกำลังมองหาอีก 3 ทีมเข้าร่วม เพื่อให้ครบจำนวน 15 สโมสรร่วมก่อตั้งตามเป้าหมาย พร้อมบอกว่าทั้ง 12 ทีมพร้อมจะจับเข่าคุยกับยูฟ่าและฟีฟ่า เพื่อทำงานร่วมกันในการที่จะหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับลีกใหม่นี้และสำหรับวงการฟุตบอลโดยรวม

โดยอีก 3 ทีมที่คาดการณ์กันไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะเข้าร่วม ESL คือ บาเยิร์น มิวนิก, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และปารีส แซงต์-แชร์กแมง แต่ด้วยระบบของสโมสรฟุตบอลเยอรมัน ทำให้ทีมไม่สามารถเข้าร่วมได้ทันทีหากไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากแฟนบอล ถ้าเป็นไปตามแผนรูปแบบการแข่งขันของซูเปอร์ลีกจะมีทีมเข้าร่วมทั้งสิ้น 20 ทีม ประกอบด้วย 15 สโมสรผู้ก่อตั้ง และอีก 5 สโมสรที่มีผลงานดีที่สุดในฤดูกาลก่อนหน้า โดยจะทำการแข่งขันในช่วงกลางสัปดาห์ โดยวางโปรแกรมให้สอดคล้องและไม่รบกวนการแข่งขันฟุตบอลในประเทศ 

การแข่งขันจะเริ่มในเดือนสิงหาคมของทุกปี ด้วยการแบ่งทีมออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 ทีม แข่งขันแบบเหย้าเยือนพบกันหมดแบบเก็บคะแนน ทีมอันดับที่ 1-3 ของแต่ละกลุ่มจะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายอัตโนมัติ ทีมที่ได้ที่ 4 และ 5 ของแต่ละกลุ่ม จะลงเล่นแบบน็อกเอาต์ เหย้า-เยือน เพื่อหาอีก 2 ทีมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังจากนั้นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายและรอบรองชนะเลิศจะลงเล่นแบบน็อกเอาต์ เหย้า-เยือน โดยมีกำหนดแข่งขันนัดชิงชนะเลิศที่สนามเป็นกลางในเดือนพฤษภาคม โดยทาง ESL มีแผนจะก่อตั้งลีกแบบเดียวกันให้กับฟุตบอลหญิงด้วย ทั้งนี้ ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานของเรอัล มาดริด จะทำหน้าที่ประธานคนแรกของ ESL

ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก

การออกแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นการประกาศตัดหน้ายูฟ่า ที่มีกำหนดจะคอนเฟิร์มการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก รูปแบบใหม่ในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ทั้ง 12 สโมสรยังไม่เข้าร่วมประชุม European Club Association ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสโมสรต่างๆ ในยุโรปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งหลังจากที่แถลงการณ์ดังกล่าวเผยแพร่ออกสู่สาธารณชน ก็ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย และเป็นการต่อต้านเสียส่วนใหญ่ 

เริ่มจากพรีเมียร์ลีกที่เรียกประชุมบอร์ดบริหารด่วน และส่งจดหมายถึงทั้ง 20 สโมสรของลีกโดยมีใจความสำคัญว่า ให้ถอนตัวออกจากซูเปอร์ลีกทันทีก่อนที่จะมีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้น เพราะการจัดตั้งลีกดังกล่าวนั้นเป็นการละเมิดกฎของพรีเมียร์ลีก ข้อ L.9 ที่ว่า 20 สโมสรที่เข้าร่วมพรีเมียร์ลีกจะต้องได้รับการอนุญาตจากบอร์ดบริหารเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า ถ้าหากต้องการจะเข้าร่วมการแข่งขันรายการใดๆ นอกเหนือไปจากยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก, ยูโรป้า ลีก, เอฟเอ คัพ, เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์, คาราบาว คัพ หรือ การแข่งขันใดๆ ที่จัดขึ้นโดยองค์กรท้องถิ่น

ด้านยูฟ่าก็ออกมาบอกว่า ซูเปอร์ลีกก่อตั้งขึ้นโดยสนใจแต่ประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก พร้อมทั้งบอกว่าสโมสรที่เข้าร่วมจะถูกแบนจากการแข่งขันทุกรายการในประเทศของตัวเอง ในระดับยุโรป และในระดับโลก รวมทั้งผู้เล่นอาจจะเสียโอกาสในการเข้าร่วมเล่นให้กับทีมชาติของตัวเอง ด้าน บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษก็แสดงความคิดเห็นผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “แผนการก่อตั้งยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก จะสร้างความเสียหายให้กับฟุตบอล และพวกเราสนันสนุนให้ผู้ดูแลเรื่องฟุตบอลลงมือจัดการ พวกเขา (ESL) จะโจมตีหัวใจของการแข่งขันในประเทศและจะสร้างความกังวลให้กับแฟนบอลทั้งประเทศ สโมสรที่เข้าร่วมต้องตอบคำถามของแฟนบอล และวงการฟุตบอลในวงกว้างก่อนที่จะเดินหน้าต่อไป” 

ทั้งนี้กลุ่มแฟนบอลของสโมสร TOP 6 ออกจดหมายเปิดผนึกถึงสโมสรว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยที่ทีมเข้าร่วมกับการก่อตั้งซูเปอร์ลีก และสโมสรกำลังทรยศความภักดีที่แฟนบอลมีให้กับทีม เช่นกันกับบรรดาอดีตนักฟุตบอลซึ่งผันตัวมาเป็นนักวิเคราะห์เกมที่ออกมาพูดในเสียงเดียวกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น “น่ารังเกียจ” นอกจากนี้ในฐานะผู้เขียนเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล มีกระแสข่าวหนักมากเรื่องที่ เจอร์เกน คล็อปป์ อาจจะลาออกจากการคุมทีม ถ้าหากหงส์แดงเดินหน้าต่อกับการเข้าร่วมซูเปอร์ลีก ซึ่งนายใหญ่ชาวเยอรมันเคยประกาศเอาไว้ในปี 2019 ว่าเขาจะทำแบบนั้นถ้าเกิดขึ้นจริง แฟนบอลลิเวอร์พูลอาจลุกขึ้นต่อต้านสโมสรแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

จำนวนเงินมหาศาลที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อล่อตาล่อใจบรรดาเจ้าของสโมสรยักษ์ใหญ่ คาดกันว่า 15 ทีมที่เข้าร่วมก่อตั้งจะได้รับเงินเฉลี่ยราวๆ 303 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล ซึ่งมากกว่าที่ได้รับจากการเข้าร่วมแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีกหลายเท่าตัว นอกจากนี้บรรดาทีมที่ก่อตั้งยังมีโอกาสเข้าถึงเม็ดเงินกว่า 3.5 พันล้านยูโรเพื่อนำมาพัฒนารากฐานของสโมสร ทั้งสนามฝึกซ้อม สนามแข่งขัน และอื่นๆ แม้ว่าในเงื่อนไขจะมีการแบ่งปันเงินให้กับสมาคมฟุตบอลของแต่ละประเทศ และฟุตบอลลีก แต่มองดูยังไงก็หนีไม่พ้นผลประโยชน์ของสโมสรที่ร่วมก่อตั้งเป็นหลัก

ถ้าหากซูเปอร์ลีกเกิดขึ้นจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น ทีม TOP 6 ของพรีเมียร์ลีกอาจจะถูกตัดสิทธิ์จากการลงแข่งขันทุกรายการในประเทศ นั่นหมายถึงการไม่ได้ลงแข่งในลีกสูงสุดของประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบแน่นอนกับทุกสโมสรที่เหลืออยู่ เพราะยอมรับกันตรงๆ ว่า TOP 6 คือสิ่งที่ดึงดูดแฟนบอลทั่วโลกให้ความสนใจในพรีเมียร์ลีก ถ้าหากไม่มีคนดู รายได้ของพรีเมียร์ลีกจะลดลง เงินที่ถูกนำไปสนันสนุนฟุตบอลลีกรองๆ ก็ลดลง ผลกระทบของซูเปอร์ลีกจะเป็นลูกโซ่ ในฐานะแฟนบอล เราคงรับไม่ได้ถ้าหากทีมที่เชียร์ไม่ได้ลงเล่นในลีกสูงสุดของประเทศ

ไม่ว่าใครจะบอกว่า การต่อสู้ระหว่างระหว่าง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก กับ ยูฟ่า หรือกับฟุตบอลลีกของแต่ละประเทศ เป็นเรื่องของความโลภ VS หลักการและความถูกต้อง เรากลับมองว่ามันคือการงัดข้อกันของอำนาจเงินล้วนๆ Money VS Money โดยเอาความรู้สึกของแฟนบอลเป็นตัวประกัน

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares