Link Copied!

ศึกชิง “รองเท้าทองคำ” ฟุตบอลยูโร

อองตวน กรีซมันน์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสเป็นเจ้าของรางวัล “รองเท้าทองคำ” ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร” เมื่อปี 2016 ศูนย์หน้าน้ำหอมทำไป 6 ประตู มากกว่าคนอื่นๆ อย่างน้อย 3 ลูก โดยสถิติการยิงประตูสูงสุดประจำทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ของเขาเป็นรองเพียงแค่ มิเชล พลาตินี ตำนานดาวเตะจากฝรั่งเศสเช่นกันที่ทำไว้ 9 ประตูใน “ยูโร 1984” 

5 ปีผ่านไปหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลง เช่นกันกับฟอร์มการเล่นของนักฟุตบอล จากศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของยุโรป กรีซมันน์ประสบปัญหามากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ย้ายจากแอตเลติโก มาดริด ไปใส่เสื้อบาร์เซโลนา ขณะเดียวกันก็มีเพชฌฆาตหน้าปากประตูฟอร์มดีอีกมากมายที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ในฐานะดาวซัลโวประจำฟุตบอลยูโร

ไม่เสมอไปที่นักฟุตบอลจากชาติที่ได้แชมป์ยูโรจะเป็นเจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำ นับตั้งแต่ปี 1996 มีแค่นักเตะสเปนสองคนเท่านั้นที่ได้ทั้ง “รองเท้าทองคำ” ควบตำแหน่งแชมป์ยูโรด้วย คือ เฟร์นานโด ตอร์เรส ในปี 2012 และ ดาวิด ซิลวา ในปี 2008 ดาวซัลโวคนอื่นอย่างกรีซมันน์ (2016), มิลาน บารอส (2004), แพทริค ไคลเวิร์ต (2000), ซาโว มิโลเซวิช (2000) และ อลัน เชียร์เรอร์ (1996) ไม่สามารถช่วยให้ทีมชาติของตัวเองคว้าแชมป์ยูโรมาครองได้

คริสเตียโน โรนัลโด ในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก ย่อมถูกจับตามากเป็นพิเศษว่ามีโอกาสที่จะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำจากฟุตบอลยูโรครั้งนี้ และหากดูจากสถิติโดยรวม ถึงตรงนี้ CR7 ทำไปแล้ว 9 ประตู จากการลงสนามในฟุตบอลยูโรรอบสุดท้าย 21 นัด ซึ่งเท่ากับสถิติของ มิเชล พลาตินี ที่ยิงไป 9 ประตูเช่นกัน โดยโรนัลโดเป็นนักฟุตบอลคนเดียวที่ลงเล่นฟุตบอลรายการนี้มาแล้ว 4 ครั้ง ยิงประตูได้ทั้ง 4 ครั้ง คือ 2004, 2008, 2012 และ 2016 ทั้ง 9 ประตูยิงได้ในกรอบเขตโทษ ซึ่ง 5 ประตูในนั้นเป็นลูกโหม่ง ดังนั้นในยูโรครั้งนี้ถ้าซูเปอร์สตาร์โปรตุเกสทำประตูเพิ่มได้ เขาจะกลายเป็นนักฟุตบอลที่ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์รอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร

นับตั้งแต่ปี 2008 ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด ผลัดกันคว้ารางวัลบัลลงดอร์มาครอง ยกเว้นในปี 2018 ที่ ลูกา โมดริช แซงหน้าคว้ารางวัลนี้ไป ถ้าฟรองซ์ฟุตบอลไม่ยกเลิกรางวัลลูกบอลทองคำในปี 2020 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี น่าจะเป็นคนที่คว้ารางวัลดังกล่าวมาครอง ในบุนเดสลีกา 2 ฤดูกาลหลังสุด 2019/20 และ 2020/21 กองหน้าโปแลนด์ทำไปทั้งหมด 75 ประตูจาก 60 นัดที่ลงสนาม เขาติดทีมชาติโปแลนด์มาตั้งแต่ปี 2008 ทำไปแล้ว 66 ประตูในนามทีมชาติ

ความสามารถในการทำประตูของเลวานดอฟสกีไม่ใช่ปัญหา แต่ที่น่าหนักใจคือ โปแลนด์ไม่ใช่ทีมเต็งที่จะไปได้ไกลในยูโร โอกาสการคว้าดาวซัลโวของศูนย์หน้าบาเยิร์น มิวนิก เลยอาจจะขึ้นอยู่กับจำนวนประตูที่เขาทำได้ในรอบแบ่งกลุ่ม 3 นัด ซึ่งถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของยูโร เจ้าของดาวซัลโวเคยทำประตูน้อยที่สุดที่ 2 ประตูเท่านั้น แต่นั่นเกิดขึ้นใน 3 ครั้งแรกของฟุตบอลรายการนี้ ซึ่งรอบสุดท้ายมีแค่ 4 ทีม (แข่งตั้งแต่รอบรองชนะเลิศ และชิงชนะเลิศ) ถ้านับรอบสุดท้ายที่มีการแข่งรอบแบ่งกลุ่มซึ่งเกิดขึ้นในปี 1980 เป็นต้นมา นักฟุตบอลที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวมีสถิติยิงประตูได้ตั้งแต่ 3 ลูกขึ้นไป

ความหวังการยิงประตูของทีมชาติอังกฤษฝากเอาไว้กับ แฮร์รี เคน ฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ศูนย์หน้าสเปอร์สโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดฤดูกาลหนึ่งในอาชีพ นอกจากจะคว้ารางวัลดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวน 23 ประตู เจ้าตัวยังจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูมากที่สุดในลีก ในฟุตบอลโลกปี 2018 เคนเป็นเจ้าของตำแหน่งดาวยิงสูงสุดที่ 6 ประตู เขาเลยเป็นตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในฟุตบอลยูโรปีนี้ แล้วถ้าสิงโตคำรามไปได้ไกล จะทำให้เคนมีโอกาสมากขึ้น 

ด้าน โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าเบลเยียม ที่ช่วยยิง 24 ประตูในลีกพาต้นสังกัดอย่างอินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์เซเรีย อา ในฤดูกาลล่าสุด ลูกากูยังเป็นเจ้าของสถิติยิงประตูให้ทีมชาติเบลเยียมมากที่สุดที่ 60 ประตูใน 93 นัดที่ลงสนาม ในฟุตบอลโลกปี 2018 เบลเยียมเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดประจำทัวร์นาเมนต์ ในยูโรคราวนี้เบลเยียมยังเป็นทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์ เพราะประกอบด้วยนักฟุตบอลฝีเท้าดีมากมายที่ค้าแข้งทั่วยุโรป ลูกากูจะมี เควิน เดอ บรอยน์ (ถ้าลงสนามได้) คอยจ่ายบอลให้ อย่างที่เรารู้ว่ามิดฟิลด์เท้าช่างทองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีสถิติการแอสซิสต์ไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว นั่นยิงทำให้ลูกากูมีโอกาสในการทำประตูมากขึ้นตามไปด้วย

คีเลียน เอ็มบัปเป เป็นอีกคนที่มีลุ้นคว้ารองเท้าทองคำในฟุตบอลยูโรหนนี้ เขาพิสูจน์ตัวเองมาแล้วทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ แต่อุปสรรคใหญ่คือ ฝรั่งเศสดันจับสลากไปอยู่ในกรุ๊ป ออฟ เดต ซึ่งมีทั้งโปรตุเกส, เยอรมนี และฮังการี อยู่ร่วมสาย ซึ่งโอกาสยิงประตูเยอะๆ ถล่มทลายก็ยากตามไปด้วย 

นอกจากนักบอลที่เราเอ่ยไปแล้ว ยังมีศูนย์หน้าอีกหลายคนที่มีลุ้นคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ เช่น คาริม เบนเซมา ที่มีเรื่องต้องพิสูจน์ตัวเองนามทีมชาติ หลังจากไม่ติดทีมน้ำหอมมาตั้งแต่ปี 2015 เมมฟิส เดอปาย อาจจะเป็นม้ามืด โดยไม่สามารถมองข้าม อัลวาโร โมราตา ของสเปน และ ติโม แวร์เนอร์ ของเยอรมนีได้เช่นกัน แม้ว่าฟอร์มในระดับสโมสรจะไม่ดีนักก็ตาม

แล้วคุณว่าใครจะเป็นเจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวในฟุตบอลยูโรคราวนี้

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares