ในความเห็นของคุณผู้อ่าน ทีมที่อยู่ในเส้นทางสู่แชมป์น่าจะมีลักษณะเด่นแบบไหนครับ
ฟอร์มการเล่นดีคงเส้นคงวา ผู้เล่นคนสำคัญโชว์ฟอร์มเทพได้สม่ำเสมอ
หรือว่า ไม่เพลี่ยงพล้ำในเกมง่าย ได้ชัยในเกมยาก
หรือว่า ทีมประเภทโกงความตาย ตามหลังกลับมาชนะอย่างไม่น่าเป็นไปได้
หรือ ทีมที่ทำได้ดีในเวลาที่ตัดสินแพ้ชนะ
ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช่ลักษณะของทีมยูเอสเอในโตเกียวเกมส์เลย ไม่ว่าจะเป็นช่วงตั้งแต่ที่พวกเขาฟอร์มทีมขึ้นมา ช่วงแข่งซ้อมอันกระท่อนกระแท่น แพ้กระทั่งทีมไนจีเรีย จนมาเพลี่ยงพล้ำท้ายเกมให้ฝรั่งเศสในเกมวันเปิดสนามกีฬาบาสเกตบอลโอลิมปิก
แต่ในวันที่ 3 สิงหาคม หลังจากที่พวกเขาเอาชนะสเปน คู่ปรับชาติสำคัญนับตั้งแต่เปลี่ยนศตวรรษในปี 2000 ได้อย่างเด็ดขาดด้วยสกอร์ 95-81 ทีมยูเอสเอได้ประกาศให้โลกรู้ว่าพวกเขากลับเข้าสู่เส้นทางล่าเหรียญทองสามสมัยซ้อนเรียบร้อยแล้ว
อะไรทำให้เกจิลูกสีส้มเชื่อมั่นว่าทีมที่เคยต้องลุ้นเข้ารอบแปดทีมสุดท้าย ได้เปลี่ยนไปเป็นทีมเต็งแชมป์
🏀🏀🏀
หลังพ่ายแพ้ต่อฝรั่งเศส 76-83 ซึ่งนับเป็นการถูกกำราบโดยทีมเมืองน้ำหอม 2 ครั้งติดกันในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ทั้งรายการชิงแชมป์โลกและโอลิมปิก นักวิจารณ์หลายสำนักต่างพร้อมลงปากกาขีดฆ่าชื่อทีมยูเอสเอออกจากรายชื่อทีมลุ้นแชมป์ ไม่เว้นแม้แต่นักวิเคราะห์เกมชาวอเมริกันเองที่ต่างชี้ให้เห็นผลของการไม่เลือกผู้เล่นที่ดีที่สุดในลีกมาลงแข่งขัน
ยิ่งปฏิกริยาหลังเกมของนักยัดห่วงเมืองน้ำหอมที่ไม่ได้แสดงอาการลิงโลดในชัยชนะ ก็ยิ่งทำให้แฟนบาสทั่วโลกเริ่มเชื่อว่าคงจะเป็นการยากมากที่ทีมยูเอสเอจะมาคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 3 สมัยซ้อน
“มันก็แค่แพ้เกมหนึ่งนะครับ เราอยู่ในกระบวนการหลอมรวมทีม ซึ่งความไม่เป็นทีมก็ส่งผลให้เห็นด้วยการพลาดของทีมเราช่วงท้ายเกม แต่ผมรู้สึกดีนะครับที่ทั้งผมและโค้ช (สตีฟ) เคอร์ เห็นความบกพร่องของทีมเราอย่างชัดเจน”
“และพวกคุณก็เลิกพูดซะทีว่าผู้เล่น 12 คนนี้ไม่ใช่ผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมยูเอสเอ สำหรับผม ผู้เล่นที่ใส่เสื้อติดธงชาติลงเล่น นั่นคือผู้เล่นที่ดีที่สุด พวกคุณพูดแบบนี้ เหมือนไม่ให้เกียรตินักกีฬาของผม แถมยังไปให้เครดิตนักกีฬาที่นั่งดูเกมที่บ้านอีก”
นี่คือวาทะของ เกร็ก โพโพวิช หัวหน้าโค้ชทีมยูเอสเอ หลังเกมพ่ายฝรั่งเศส
🏀🏀🏀
ในเกมถัดมา ทีมยูเอสเอถล่มตัวแทนเอเชีย อิหร่าน ไปตามคาด แต่ที่เกินคาดคือพวกเขาชนะไปถึง 54 คะแนนด้วยผล 120-66
แต่ถึงอย่างนั้นนักวิจารณ์ก็ไม่ได้มองทีมยูเอสเอดีขึ้นเท่าไรนัก ด้วยอิหร่านเป็นทีมที่อ่อนที่สุดในทัวร์นาเมนต์ อีกเหตุผลหนึ่งคือ มือหนึ่งของทีม เควิน ดูแรนท์ ก็มีเกมที่ธรรมดา ทำไปเพียง 10 คะแนน
แม้ชัยชนะจะถล่มทลาย แต่ตัวเลขสถิติของทีมก็บ่งชี้บางอย่างที่น่าสนใจ กล่าวคือ ทีมยูเอสเอเอาชนะจากเกมรับเป็นหลัก
พวกเขากดดันให้อิหร่านเสียบอลเอง 23 ครั้ง
ขโมยบอลจากมือผู้เล่นอิหร่าน 10 ครั้ง
บล็อกการทำแต้มอีก 10 ครั้ง
ทั้งเกมอิหร่านยิงลงเพียง 37%
ในเมื่อเกมบุกยังไม่เข้าที่ เพราะผู้เล่นพึ่งเล่นด้วยกันมาไม่นาน แต่พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะเริ่มต้นจากการช่วยกันเล่นเกมรับ เมื่อเกมรับส่งผล สิ่งที่ต้องการจากเกมบุกก็คือ ผู้เล่นคนสำคัญทำคะแนนในเวลาที่สำคัญ ซึ่งทั้ง ดูแรนท์และ เดเมียน ลิลลาร์ด การ์ดจ่ายของทีมก็ทำหน้าที่นั้นในกลางควอเตอร์แรก และต้นควอเตอร์ที่ 2 หลังจากนั้นทีมยูเอสเอก็ไม่เคยเหลียวหลังอีกเลย
นี่เป็นชัยชนะที่ผู้เล่นทุกคนในทีมมีส่วนในการทำแต้ม ผู้เล่นที่เคยเป็นตัวหลักในระดับสโมสรแบบ จรู ฮอลิเดย์ ยินดีลดบทบาทลงด้วยการทำเกมมากกว่าทำแต้ม เพราะแม้ว่าเขาจะทำคะแนนเพียง 8 แต้ม แต่ในช่วงเวลาที่ฮอลิเดย์ลงเล่นนั้น ทีมยูเอสเอจะได้เปรียบอยู่ 32 คะแนน
เดวิน บุ๊กเกอร์ การ์ดซึ่งเป็นผู้เล่นมือหนึ่งของทีมรองแชมป์ ฟีนิกซ์ ซันส์ ยอมรับบทบาทผู้เล่นที่เป็นทางเลือกลำดับสาม ในการทำแต้มต่อจากดูแรนท์และลิลลาร์ด ทำหน้าที่ตัวเองได้ดีในเวลาที่มือหนึ่งของทีมเจอเกมที่ยากลำบาก เขาทำไป 16 คะแนน…เมื่อมือหนึ่งมีเกมที่ไม่ดี มือสามพร้อมเสมอที่จะก้าวขึ้นมาสานต่อหน้าที่
หลังจบเกม ผู้สื่อข่าวถามฮอลิเดย์เกี่ยวกับฟอร์มของดูแรนท์ที่ดูยังไม่เข้าที่เข้าทาง
“มันก็แค่รอเวลานะคุณ สำหรับผู้เล่นที่มีความสามารถทำแต้มแบบดูแรนท์ คนที่จะหยุดเขาได้ก็มีแต่ตัวเขาเอง…”
🏀🏀🏀
เกมตัดสินแย่งกันเข้ารอบกับสาธารณรัฐเช็กเป็นเกมถัดมา และทีมยูเอสเอต้องเจอกับการท้าทายแบบไม่เกรงใจ และเช็กอาศัยความแม่นตามตำรับบาสเกตบอลยุโรป ออกนำไปในควอเตอร์แรก 25-18 ในช่วงหนึ่งเช็กนำห่างถึง 10 คะแนน ทำเอาแฟนบาสทั่วโลกเริ่มไม่มั่นใจว่าชะตากรรมทีมยูเอสเอจะจบยังไง
ในวันนั้นทั้งลิลลาร์ดและบุ๊กเกอร์เจอกับวันดับ ทั้งเกมทำกันไป 8 แต้ม และ 5 แต้ม ห่างจากมาตรฐานของพวกเขาหลายปีแสง
นั่นเป็นสถานการณ์ที่ฮีโร่แบบดูแรนท์รอคอย เขาหลุดจากกับดักความกดดัน และเล่นเป็นตัวของตัวเอง ทำคะแนนเกมนี้ไป 23 คะแนน แต่นั่นไม่สำคัญเท่าการยิงลูก 3 คะแนนสำคัญๆ ในช่วงควอเตอร์ที่ 2 และ 3 และเมื่อเขาเค้นฟอร์มเทพออกมา ทั้งทีมก็เล่นเข้าจังหวะกันมากขึ้น
ผู้เล่นความสูงขนาดดูแรนท์เมื่อออกมายิง 3 คะแนน จะช่วยถ่างพื้นที่โซนของเช็กให้กว้างขึ้น ทำให้ผู้เล่นที่มีความเร็ว เจาะเข้าทำแต้มได้ง่าย
ทีมยูเอสเอมีเกมมหาแม่น ยิงระยะ 2 คะแนนลงถึง 81% และระยะ 3 คะแนนเกือบ 50% ด้วยความแม่นระดับนี้ เช็กจึงไม่มีโอกาสไล่ตามได้ทัน
23 แต้มของดูแรนท์ไม่ใช่สกอร์สูงสุดของผู้เล่นทีมยูเอสเอ แต่เป็น เจย์สัน เททัม ที่ลุกจากม้านั่งสำรองมาทำ 27 คะแนน กด 3 คะแนนไป 5 ลูก ลูกยิง 3 คะแนนของเททัมและดูแรนท์ไม่ต่างจากหมัด 1-2 ที่ส่งเช็กลงไปให้กรรมการนับครั้งแล้วครั้งเล่า และเมื่อ จาวาล แม็กกี เซ็นเตอร์ตัวสำรองลงมายิงลงหมดทุกลูก เช็กก็หมดพลังและความหวังที่จะไล่ตาม
ทีมยูเอสเอเอาชนะเช็กไปได้ด้วยคะแนน 119-84 และผู้เล่นสำรองของทีมยูเอสเอทำแต้มรวมกัน 66 คะแนน เป็นครั้งแรกของทัวร์นาเมนต์นี้ที่ทำแต้มรวมมากกว่าตัวจริง
🏀🏀🏀
ทีมยูเอสเอผ่านเข้าสู่รอบแปดทีมสุดท้าย และโคจรมาเจอกับสเปน ทีมที่ชิงเหรียญทองกับพวกเขาในปักกิ่งเกมส์ และลอนดอนเกมส์ ถือเป็นคู่รักคู่แค้นกันมายาวนาน และต้องมาเจอกันก่อนเวลาอันควร เพราะสเปนเจอทีเด็ดของสโลวีเนีย ทำให้เข้ารอบในฐานะทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม
ทีมจากแดนกระทิงดุนั้น พกศักดิ์ศรีแชมป์โลกบาสเกตบอลมาโตเกียว พวกเขานำทัพโดยผู้เล่นทรงคุณค่าประจำทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์โลก ริกกี รูบิโอ การ์ดจ่ายผู้คร่ำหวอดและถือเป็นผู้เล่นคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์ด้านยัดห่วงที่ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่โลกนี้เคยเห็นมา
และถึงแม้ว่าต้องมาเจอกับคู่ปรับแบบทีมยูเอสเอ รูบิโอก็มีการเล่นที่ยอดเยี่ยม ทำคะแนนสูงที่สุดของเกม 38 คะแนน
เกมยักษ์ชนยักษ์แบบนี้ มือหนึ่งของทีมมักจะเป็นผู้ตัดสินเกม…
เควิน ดูแรนท์ ก็มีเกมที่ดี เขาทำได้ 29 คะแนน สูงที่สุดสำหรับเขาในโตเกียวเกมส์ แต่ก็ยังไม่เท่าที่รูบิโอทำในเกมนี้
ดูแรนท์เทียบรูบิโอไม่ได้ในการแข่งทำคะแนน แต่ในช่วงที่เขาลงเล่น ทีมยูเอสเอจะได้เปรียบ 15 คะแนน ในขณะที่เมื่อรูบิโอลงเล่น สเปนจะเสียเปรียบตามอยู่ 23 คะแนน
สถิติดังกล่าวบ่งชี้ว่า รูบิโอทำแต้มแต่ไม่ทำเกม ข้อสรุปดังกล่าวถูกยืนยันด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าเขาทำแอสซิสต์ไปเพียง 2 ครั้ง ผิดวิสัยจอมทัพผู้บงการเกม
อีกมุมหนึ่งที่สถิติดังกล่าวชี้ให้เห็นก็คือ ดูแรนท์มีผู้ช่วยทำคะแนน ซึ่งในเกมนี้ผู้เล่นทีมยูเอสเอ 5 คน ช่วยกันทำแต้มอย่างน้อย 10 คะแนน
นี่เป็นครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์ที่ทีมยูเอสเอมีเกมบุกที่สมดุล
ในเกมนี้ทั้งสองทีมเสมอกันในครึ่งแรก 43-43 แต่เกมมาตัดสินในครึ่งหลัง ด้วยเกมการเล่นบาสเกตบอลแบบไม่เห็นแก่ตัว (Selfless Basketball) ของทีมยูเอสเอ หลายต่อหลายลูกที่พวกเขายิงลง เกิดจากการผ่านบอลมากกว่า 5 ครั้ง ผ่านบอลจนกระทั่งเจอคนที่ว่างจริงๆ แล้วขึ้นยิงแบบแทบที่จะไม่มีตัวป้องกัน
หลายครั้งเป็นการผ่านบอลแบบไม่ต้องมอง เสมือนรู้กันว่าเพื่อนร่วมทีมจะเคลื่อนที่อย่างไร
และเมื่อ เจย์สัน เททัม และดูแรนท์ยิง 3 คะแนนลูกสำคัญลงในควอเตอร์สุดท้าย เราได้เห็น เกร็ก โพโพวิช และ สตีฟ เคอร์ ยิ้มตาหยีอยู่ข้างสนามด้วยความมั่นใจว่าเกมนี้อยู่ในมือพวกเขาแน่นอนแล้ว
โมเมนต์ที่น่ารักน่าชังอีกโมเมนต์หนึ่งในเกมคือ เมื่อใกล้หมดเวลาและเกมขาดแล้ว ผู้เล่นทีมยูเอสเอตั้งใจให้บอลที่ เดวิน บุ๊กเกอร์ และปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจชอบ เพราะทุกคนรู้ดีว่าบุ๊กเกอร์ที่เป็นผู้นำทำคะแนนมาตลอดชีวิตการเล่นอาชีพของเขา ต้องลดบทบาทลงมาเป็นผู้ทำเกม ความกระหายที่จะทำคะแนนยังคงมีอยู่เต็มอก เพื่อนร่วมทีมเข้าใจความรู้สึกเขาดี และสร้างโอกาสให้บุ๊กเกอร์ได้เป็นตัวของตัวเอง
🏀🏀🏀
เส้นทางข้างหน้าของทีมยูเอสเอยังคงเป็นทางวิบากออฟโรดอยู่ดังเดิม แต่ก็เป็นโอกาสที่พวกเขาได้ล้างอายกับคู่แข่งที่เคยพลาดท่าให้ ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย อาร์เจนตินา หรือฝรั่งเศส รวมทั้งทีมดาวรุ่งหน้าใหม่ที่พึ่งลงแข่งโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติแบบสโลวีเนีย
ไม่มีใครบอกได้ว่า ทีมยูเอสเอจะไปถึงแชมป์หรือไม่ แต่ในตอนนี้ไม่มีเกจิคนไหนที่จะขีดฆ่าชื่อพวกเขาออกจากทีมลุ้นแชมป์อีกต่อไป
พวกเขาพ่ายในเกมแรก แต่โค้ชยังเชื่อมั่นและช่วยปกป้องเกียรตินักกีฬา…
เมื่อเกมรุกยังไม่นิ่ง ก็ตั้งหลักด้วยเกมรับ กำชัยเกมที่สอง…
มือหนึ่งหลุดจากแรงกดดัน และตัวสำรองก้าวขึ้นมาช่วยตัวจริง พาทีมเข้ารอบควอเตอร์ไฟนอล…
เกมรุกที่สมดุล และการเล่นแบบไม่เห็นแก่ตัว ช่วยให้พวกเขาปราบคู่ปรับตัวฉกาจแบบสเปน
และนี่คือสูตรกลับสู่เส้นทางตามล่าเหรียญทองของทีมยูเอสเอ
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม
