ปลดอุดมการณ์ทางการเมืองทิ้ง เปลื้องความเป็นชาติเหนือใต้ออกไป ไม่ต้องมีเธอ ไม่ต้องมีฉัน ทีมปิงปองนี้เหลือแต่ “เรา” เท่านั้นพอ
เมื่อปี 1990 กีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 11 ที่ปักกิ่ง ฮยันจังฮวา จากเกาหลีใต้เข้ามาดวลปิงปองหญิงเดี่ยวกับ ลีบันฮุย จากเกาหลีเหนือในรอบรองชนะเลิศและเอาชนะได้ ผ่านเข้าสู่รอบชิงที่สาวจีนฉายาแม่มดปิงปอง เติ้งหยาผิง ยืนรออยู่ สุดท้ายเธอโดนแม่มดร่ายมนตร์ปราบเสียราบคาบ สาวแดนมังกรคว้าเหรียญทองอีกหนึ่งเหรียญนี้ไป เสียงเพลงชาติจีนบรรเลงผ่านลำโพงอีกครั้ง
ณ เมืองปูซาน อีก 6 เดือนต่อมา ฮยันจังฮวา ขะมักเขม้นฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งรายการเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกครั้งที่ 41 ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น บรรดาแฟนปิงปองทั่วประเทศคาดหวังสูงว่าเธอจะคว้าเหรียญทองครั้งนี้ จึงกลายกลายเป็นแรงกดดันก้อนมหึมาที่จังฮวาต้องแบกเอาไว้ ซ้ำร้ายเธอต้องวุ่นวายกว่าเดิมเพราะพ่อเพิ่งเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน
ตั้งแต่สงครามคาบสมุทรเกาหลีสงบลงราวปี 1987 สองประเทศเกาหลีทั้งเหนือและใต้ดำเนินนโยบายรวมประเทศกันตลอดมา ความพยายามคืบหน้าไปก็มากแต่ยังไม่เรียบร้อยสมบูรณ์เสียที มาถึงปี 1991 เริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น รัฐบาลเหนือและใต้ตกลงกันว่าจะส่งนักกีฬาประเภทต่างๆ เข้าร่วมแข่งขันทีมเดียวกัน ใช้ธงผืนเดียวกัน ในนามประเทศรวมเกาหลี
ต่อมาสมาคมเทเบิลเทนนิสแต่งตั้งให้ โจนัมพุง คนฝ่ายเหนือเป็นหัวหน้าโค้ชดูแลทีมชาติ เขาเริ่มคัดเลือกนักปิงปองระดับท็อปจากทั้งสองเกาหลีมาเก็บตัว ฝึกซ้อมร่วมกันเพื่อทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์โลก แผนของสองประเทศที่เคยวางเอาไว้ต้องปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ นักกีฬาสองสัญชาติที่ไม่เคยรู้จักกันส่วนตัวมาก่อน แถมเป็นคู่ต่อสู้กันมาตลอด กลับต้องมาเป็นเพื่อนร่วมทีมแบบด่วนจี๋เช่นนี้ เล่นเอางุนงงกันไปหมด
คนที่แตกต่างกันทั้งวิถีชีวิต แนวทางการฝึกซ้อม และอุดมการณ์การเมืองในส่วนลึก ทั้งเจือด้วยความเคลือบแคลงสงสัยในใจ บวกกับระดับฮอร์โมนพลุ่งพล่านของวัยรุ่นที่ยังประสบการณ์เล็กจ้อยเข้าไปอีก พวกเขาสร้างเกราะป้องกันตัวที่มองไม่เห็นขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว นำไปสู่การแบ่งก๊กแบ่งเหล่า แบ่งชนชั้น บรรยากาศอึมครึมปกคลุมแคมป์เก็บตัว ทั้งๆ ที่เป้าหมายแท้จริงคือการรวมประเทศ เรื่องความสามัคคีกลับกลายเป็นไร้ตัวตนเสียแล้ว
ลีบันฮุย เล่นปิงปองคู่กับ ยูซันบก ภายใต้ธงเกาหลีเหนือมานาน แต่ตอนนี้ซันบกโดนความเครียดรุมเร้าจนจิตตก ฟอร์มหล่นฮวบฮาบ โค้ชนัมพุงจึงให้บันฮุยจับคู่กับ ฮยันจังฮวา จากแดนใต้แทน ไม่รู้ว่าจะได้ผลอย่างไร แต่คงดีกว่าคู่หูเดิมแน่นอน ทว่าสุดยอดฝีมือจากถิ่นเหนือและแดนใต้มารวมตัวกันกลับได้ทีมเวิร์กห่วยแตกมาซะอย่างนั้น
วันคืนของทัวร์นาเมนต์เริ่มต้นและเดินหน้าไป ลงแข่งกันเกมแล้วเกมเล่า จนเมื่อนักกีฬาหญิงสองฝ่ายที่เคยแต่เผชิญหน้ากันจากสองฝั่งของโต๊ะสีเขียวเข้ม ตัดสินใจละวางสิ่งอื่นๆ ไว้ข้างหลัง เปิดใจกว้างรับมิตรภาพและน้ำใจนักกีฬาของอีกคน ปรับลดความทะยานอยากส่วนตัว แล้วนำไปเพิ่มกับส่วนรวมแทน สองสาวสองสัญชาติค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แปลงร่างเป็นนักปิงปองหญิงคู่หูไร้เทียมทาน
แม้ลมการเมืองจะพัดเปลี่ยนทิศอย่างกะทันหันอีกรอบ ทั้งสองสาวและทีมก็ไม่ยอมลู่ตามลม ถึงรัฐบาลจะเรียกตัวกลับ แต่ทีมก็ยังยืนกรานจะแข่งต่อและขอชิงชัย พิสูจน์น้ำหนึ่งใจเดียวร่วมกันจนจบ ต้องบันทึกเอาไว้เป็นอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์กีฬานานาชาติว่าทีมรวมเกาหลีพิชิตทีมชาติจีนที่เป็นแชมป์ต่อเนื่องมา 9 สมัยซ้อนได้สำเร็จในที่สุด
46 วันในทัวร์นาเมนต์ครั้งเดียวในโลกที่สองเกาหลีรวมกันเป็นหนึ่งและประสบความสำเร็จ พลิกทัศนคติและวิถีชีวิตของสองนักปิงปองหญิงระดับเวิลด์คลาสไปตลอดกาล นานวันเข้าเหรียญรางวัลที่เสมือนเป็นของชำร่วยจากการแข่งขัน ถูกผู้กำกับ มูนฮยุนซัง นำกลับมาจุดประกายความทรงจำ นำชัยชนะครั้งนั้นกลับมาป่าวประกาศผ่านหนังจอเงินอีกหน เขาคงอยากกระตุ้นผู้คนว่า ชาติเกาหลีเมื่อรวมกันแล้วไม่เป็นรองใคร มีความสุขทั่วกันทั้งชาวเหนือชาวใต้ อย่างน้อยก็หนึ่งวันที่ครองชัยร่วมกัน ได้รับรู้พร้อมๆ กันว่ามิตรภาพอันงดงามเป็นตัวตั้งต้นให้ได้เหรียญนี้มา
หนังสะกิดใจชวนให้รู้สึกว่า อุดมการณ์ทางการเมืองน่าจะเป็นเรื่องท้ายๆ ที่หยิบมาคุยกันระหว่างคนสองคน ยิ่งในเกมกีฬาก็ยิ่งไม่จำเป็นใดๆ ไม่ได้ช่วยให้เกมสนุกสนานหรือเข้มข้นขึ้น ทั้งไม่น่าจะช่วยให้ทีมชนะหรือแพ้อีกด้วย หรือจะเรียกว่าไม่สำคัญทั้งในและนอกสนามก็ยังได้
เมื่อปลดอุดมการณ์ทางการเมืองทิ้ง เปลื้องความเป็นชาติเหนือใต้ออกไป ไม่ต้องมีฉัน ไม่ต้องมีเธอ เหลือแต่ “เรา” เท่านั้นพอ จากคนแปลกหน้าจึงกลายเป็นเพื่อนแท้ในเกมกีฬา ปรับจังหวะหัวใจเต้นประสานกันเป็นหนึ่ง พร้อมพุ่งชนเป้าหมายเดียวกัน แต่ที่ยั่งยืนกว่านั้นคือมิตรภาพและน้ำใจนักกีฬาระหว่างกัน เชื่อเหลือเกินว่าไม่ว่าชาติไหนๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น ซึ่งในปัจจุบันนี้มิตรภาพนั้นยังผลิดอกออกผลเป็นการแลกเปลี่ยนเทคนิค แทคติก เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์การกีฬา ตลอดจนความรู้ด้านต่างๆ และสินค้าอีกหลากหลายตามมาติดๆ
หนังกีฬาแดนกิมจิเรื่องนี้เล่าเรื่องกระชับ จังหวะลื่นไหล มีฉากแอ็กชั่นขับเคี่ยวกันสนุกสนาน ขนาดที่รู้ผลแล้วยังลุ้นตามได้อย่างระทึกตลอด พร้อมกับโมเมนต์สวยงาม ซาบซึ้งจนน้ำตาริน ทั้งยังได้เห็นวิถีชีวิตแปลกตา และทัศนคติอันแตกต่างของฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ที่ซ่อนแฝงไว้ในฉากหลัง นอกจากจะได้สองนักแสดงสาวหัวแถว ฮาจีวอน รับบท ฮยันจังฮวา สาวแดนใต้ และเบดูนา รับบท ลีบันฮุย สาวถิ่นเหนือแล้ว ยังได้ ฮยันจังฮวา ตัวจริงมารับหน้าที่ฝึกสอนเทคนิคปิงปองให้นักแสดงทุกคน รวมทั้งรับบทเป็นหนึ่งในโค้ชของทีมรวมเกาหลีในหนังอีกด้วย
แฟนกีฬาและแฟนหนังเกาหลีรีบหามาชม ดูจบแล้วหวังว่าจะได้รับพลังบวกไปเต็มๆ
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม