Link Copied!

“ช้างศึก” กับภารกิจทวงแชมป์อาเซียน เวลาน้อย ซ้อมน้อย น่าเป็นห่วงไม่น้อย

“เราไม่มีเวลาก็คือเราไม่มีเวลา จะให้งอแงไปเรื่อย มันก็ไม่ใช่ ไม่ว่าคุณจะมีเวลาฝึกซ้อม 1 เซสชั่น หรือ 7 เซสชั่น เราจะมองในแง่บวก เราจะได้ผู้เล่นที่ดีที่สุดมารวมตัวกัน นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด”คำกล่าวด้วยท่าทีและน้ำเสียงอันฮึกเหิมของ มาโน โพลกิง หัวหน้าโค้ชทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่ ก่อนนำทีมช้างศึกลุยเกมฟาดแข้งแห่งศักดิ์ศรี รายการชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020” บ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง

หนึ่ง

คือ ยอมรับว่าพลพรรคลูกหนังไทยจะมีเวลาเตรียมตัวไม่มากนักสำหรับรายการนี้ ด้วยเพราะสถานการณ์โควิด-19 ที่โจมตีแดนสยาม ทำให้โปรแกรมการฟาดแข้งไทยลีกถูกเลื่อนมาเกินกำหนดกว่า 1 เดือนจากเดิมที่จะเปิดฤดูกาลวันที่ 13 สิงหาคม จำเป็นต้องเลื่อนเปิดวันที่ 3 กันยายน ซึ่งการเลื่อนครั้งนั้นทำให้โปรแกรมมาอัดชุกปลายปี เพราะมีทั้งฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพและลีกคัพ เป็นรายการแทรกเสริม

จนในที่สุดแม้ว่าจะประชุมเครียดพยายามหาทางออกร่วมกันแล้ว ระหว่าง พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล, นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานบริษัทไทยลีก และ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม หลังเห็นถึงบทเรียนของการเตรียมตัวน้อยจากทีมชุด 23 ปี รวมถึงการขอความเห็นของเหล่าสโมสรสมาชิก

แต่ในที่สุดก็ไม่อาจจะเลื่อนเกมเตะในแมตช์เดย์ที่ 15 นัดวันที่ 27-28 พฤศจิกายนออกไปได้ แม้ทีมช้างศึกจะมีคิวลงสนามนัดแรกกลุ่มเอ ในรายการชิงแชมป์อาเซียน กับ ติมอร์-เลสเต ในวันที่ 5 ธันวาคมก็ตาม ทำให้มาโนกล่าวในเชิงทำใจยอมรับและมองไปข้างหน้าดีกว่า

สอง

คือ คำกล่าวแรกของมาโนยังวิเคราะห์ได้อีกว่าจะใช้เวลาที่มีจำกัดอย่างเต็มที่ที่สุด ตรงที่บอกว่า “เราจะมองในแง่บวก และเราจะได้ผู้เล่นที่ดีที่สุดมารวมกัน” หมายความคือ กำลังลงมือทำให้เกิดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดด้วยการลิสต์รายชื่อผู้เล่นที่อยู่ในข่ายเป็น 30 คนสุดท้ายไว้ถึง 69 คน และได้ทยอยเดินทางไปดูผู้เล่นเหล่านั้นถึงขอบสนามทุกที่เท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย แม้ว่าอดีตเฮดโค้ชของทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จะรู้จักนักเตะ ฝีเท้า สไตล์การเล่นของผู้เล่นไทยทุกคนเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องอัพเดตข้อมูล เพื่อให้ได้นักเตะที่ดีที่สุดมารวมกัน ซึ่งหมายรวมถึงผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ต่างแดน ทั้ง “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน, “กัน” ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร และ โจนาธาน เข็มดี ด้วย

สาม

จากคำสัมภาษณ์แรกผ่านสื่อของมาโนที่จะถูกแปลไปอีกหลายภาษา ทุกชาติอาเซียนจะได้เห็นคำกล่าวนี้ แสดงให้เห็นว่า เราจะหงอย เซ็ง หรือเครียดกับเวลาการเตรียมตัวอันน้อยนิดนี้ไม่ได้ หากกลับกัน สมมุติกุนซือชาวบราซิล-เยอรมนีให้สัมภาษณ์ว่า “เรากังวลพอสมควรกับเวลาที่ซ้อมน้อย ทำให้เราอาจจะไม่พร้อมในการสู้ศึกรายการนี้” ก็คงไม่ได้ปลุกใจเหล่าบรรดาแข้งในทีมเท่าใดนัก และยังทำให้คู่แข่งชูมือดีใจอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม

จากคำกล่าวของโค้ชจอมแพสชั่น แม้จะไม่ได้แสดงความวิตกออกมา แต่ในความเป็นจริงอาจจะมีแววตาอันกังวลปนอยู่บ้าง เพราะแม้ลีกจะจบเลกแรกวันที่ 28 พฤศจิกายน และใช้เวลาอีก 7 วันกว่าจะถึงเกมนัดแรกก็จริง แต่ด้วยมาตรการการเข้าเก็บตัว ต้องมีแบ่งวันให้ตรวจโควิด แบ่งวันเดินทาง แบ่งวันกักตัวเมื่อเดินทางถึงประเทศสิงคโปร์ ทำให้กำหนดการเบื้องต้น ทีมช้างศึกอาจจะมีเวลาฝึกซ้อมร่วมกันแบบฟูลทีมเพียงแค่ 3 วันเท่านั้นก่อนจะประเดิมแมตช์แรก แถมจะยังไม่มีแมตช์อุ่นเครื่องใดๆ ให้ลองทีมก่อน

โดยหากมองไปที่สิงคโปร์ อดีตแชมป์ 4 สมัยซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับไทย ดูจะเอาจริงเอาจังกับรายการนี้เป็นอย่างมาก

ทัตสึมะ โยชิดะ กุนซือชาวญี่ปุ่น พาทีมไปเก็บตัวที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ระหว่างวันที่ 8-17 พฤศจิกายน แถมจัดแมตช์อุ่นเครื่องด้วย 2 นัดกับทีมแกร่งคือ คีร์กีซสถาน และทีมรวมนักเตะโมร็อกโก ทำให้นักเตะแดนลอดช่องดูจะพร้อมกว่าในการเตรียมตัว

ดังนั้น

สิ่งที่มาโนทำได้ในตอนนี้ คือ ทำให้ดีที่สุดกับเวลาที่มี แม้จะไม่พร้อมก็ต้องพร้อม เนื่องจากการออกศึกครั้งนี้ แม้จะไม่ใช่รายการที่จะต่อยอดไประดับเอเชีย หรือฟุตบอลโลก แต่ก็ถือว่าเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี ที่มีคะแนนฟีฟ่าแรงกิ้ง รวมถึงเป็นการกู้ศรัทธาฟุตบอลไทยให้กลับมาอีกครั้ง จากความล้มเหลวในระยะหลัง ทั้งพลาดแชมป์อาเซียน 2018 ตกรอบแรกซีเกมส์ 2019 รวมถึงล่าสุดที่ตกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 2 ฟุตบอลโลก 2022

และเมื่อบทสรุปผลการแข่งขันออกมา จะไม่มีใครมาดูว่าชาติไหนมีเวลาซ้อมน้อยหรือซ้อมมาก เพราะในประวัติศาสตร์จะจารึกว่า ประเทศใดเป็นแชมป์ โดยไม่มีวงเล็บว่า (ซ้อม 14 วัน)

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares