“ตำนาน” คือเรื่องเล่าขาน บอกกล่าวเล่าต่อกันมา ซึ่งบางตำนานก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือไม่จริง เสริมเติมแต่งต่อๆ กันไป แต่กับนักบิดซูเปอร์สตาร์ที่ชื่อว่า วาเลนติโน รอสซี นักบิดสัญชาติอิตาลี เป็นตำนานที่เป็นเรื่องจริง คือตำนานที่ยังมีลมหายใจ เพราะเขาคือของจริง!!
“เรื่องเล่าของตำนาน”
ในสัปดาห์สุดท้ายของการแข่งขันโมโตจีพี ฤดูกาล 2021 มีเรื่องน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เรื่องแรกคือสนามนี้เป็นสนามสุดท้ายของการแข่งขัน ซึ่งแชมป์โลกจักรยานยนต์ทางเรียบปี 2021 ได้แก่ ฟาบิโอ ควอตากาโร นักบิดสัญชาติฝรั่งเศส แต่ไฮไลต์อยู่ที่การแขวนหมวกกันน็อก อำลาวงการของซูเปอร์สตาร์อย่าง “เดอะดอกเตอร์ วาเลนติโน รอสซี” นักบิดชาวอิตาลี หนึ่งในนักบิดที่ประสบความสำเร็จมากอีกคนหนึ่งของวงการโมโตจีพี เทียบเท่าตำนานมอเตอร์สปอร์ตอย่าง มิชาเอล ชูมัคเกอร์ หรือ มิค ดูฮัน
ด้วยพรสวรรค์ ด้วยความสามารถ สปิริต ความกล้า การสร้างความสนุกสนาน ความตื่นเต้นเร้าใจ ประกอบกับหน้าตาที่มีเสน่ห์บวกด้วยคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน เป็นตัวของตัวเอง และมีพลังบวกของเขา ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ชาวโลกสองล้อ มีผู้คนติดตามมากมาย มีอิทธิพลต่อบรรดาแฟนๆ อย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นซุปสตาร์ของวงการโมโตจีพีก็ไม่ผิด ตัวตนของรอสซีได้สร้างความเปลี่ยนแปลงแก่วงการโมโตจีพี ให้เป็นการแข่งขันที่ตื่นตาตื่นใจมากขึ้น เป็นที่นิยมมากขึ้น เขาโดดเด่นและดึงดูดเหล่าบรรดาสื่อต่างๆ จนได้รับฉายา เดอะดอกเตอร์ เพราะเป็นนักบิดที่รู้อาการทุกอย่างเกี่ยวกับตัวรถ และสามารถนำมาสื่อสารกับทีมงานได้เข้าใจอย่างดี เสมือนเป็นคุณหมอที่คอยรักษาคนไข้
“ทำอะไรก็เป็นตำนาน”
ปัจจุบันรอสซีอายุ 42 ปี หมายเลขประจำตัวคือ 46 ครองตำแหน่งแชมป์โลก 9 สมัย ลงแข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วน คว้าแชมป์มานักต่อนัก สร้างสถิติไว้มากมาย รอสซีมีพรสวรรค์ที่เด่นชัดมาตั้งแต่เด็กๆ เริ่มหัดขี่รถตั้งแต่อายุ 3 ปี แข่งโกคาร์ทก็ได้แชมป์ระดับประเทศ พออายุประมาณ 10-11 ปี ก็เปลี่ยนมาลงแข่งรายการ Mini Moto ครั้งแรกที่ลงแข่งก็คว้าแชมป์สำเร็จ จากนั้นแข่งมาเรื่อยๆ จากระดับประเทศ ไประดับยุโรป จนถึงระดับโลก ด้วยสไตล์การขี่ที่ดุดัน รวดเร็ว แต่แม่นยำ เข้าโค้งอย่างพลิ้วไหว เสียบนอกเสียบในอย่างมีชั้นเชิง และยังมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเครื่องยนต์เป็นอย่างดี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอสซีเป็นนักบิดที่มีทั้งพรสวรรค์และความสามารถอย่างแท้จริง
ย้อนกลับไปแต่เดิมการแข่งขันมี 5 ระดับ ได้แก่ 125cc 250cc 350cc 500cc และ Sidecar ใช้เครื่องยนต์สองจังหวะ ในฤดูกาล 2001 รอสซีสามารถคว้าแชมป์รุ่นพรีเมียร์คลาสได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ก่อนที่ต่อมาในฤดูกาล 2002 ได้มีการเปลี่ยนชื่อจากเดิมมาเป็น MotoGP โดยใช้เครื่องยนต์สี่จังหวะ รอสซีจึงกลายเป็นนักบิดแชมป์โลกคนสุดท้ายแห่งยุคสองจังหวะ และยังเป็นแชมป์โลกคนแรกในชื่อรายการการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก MotoGP ภายใต้สังกัด Repsol Honda Team
สถิติการเป็นแชมป์โลก 9 สมัยของรอสซีเริ่มต้นในปี 1997 รุ่น 125cc, ปี 1999 รุ่น 250cc, ปี 2001 รุ่น 500cc, ปี 2002–2005 และปี 2008–2009 รุ่น MotoGP ในช่วงปีอื่นๆ แม้เจ้าตัวไม่อาจคว้าแชมป์โลกได้แต่ส่วนใหญ่จะคว้ารองแชมป์โลกอันดับ 1 ไม่ก็อันดับ 2 มาครอบครองแทน และตลอดระยะเวลาของการเป็นนักบิดขวัญใจแฟนๆ ชาวสองล้อทั่วโลก รอสซีได้ทำงานร่วมกับทีมค่ายต่างๆ มากมายตั้งแต่ Aprilia, Honda, Yamaha และ Ducati
สิ่งที่โดดเด่นสำหรับเจ้าตัวอย่างหนึ่งคือ ลายหมวกกันน็อกที่มีการออกคอลเล็กชั่นมากมายตลอดชีวิตการแข่งขันของเขา จนมาถึงโฮมเรซสุดท้ายที่อำลาชีวิตนักแข่ง หมวกกันน็อกที่เขาใช้นั้นยังเป็นลวดลายพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อขอบคุณแฟนๆ ที่สนับสนุนกันมาโดยตลอด ด้วยการนำภาพเหล่าแฟนคลับที่โบกสะบัดธงสีเหลืองหมายเลข 46 ที่เรามักจะเห็นในทุกๆ สนามมาทำเป็นลวดลาย ซึ่งคาดว่าหมวกกันน็อกใบนั้นอาจมีราคาสูงถึง 100,000 ยูโร เลยทีเดียว ตอกย้ำความนิยมในตัวเขาขึ้นไปอีกแม้ในวันอำลา
“ปิดตำนาน”
ร่วม 25 ปีที่โลดแล่นอยู่บนสนามแข่ง รอสซีได้สร้างความสุข สร้างรอยยิ้ม สร้างความทรงจำให้บรรดาแฟนๆ มาอย่างเนิ่นนาน เขาเป็นฮีโร่ เป็นต้นแบบ เป็นขวัญใจของหลายๆ คน จนถึงคนดังฝั่งฮอลลีวูดอย่าง ทอม ครูซ, คีอานู รีฟส์ หรือ แบรด พิทท์ แม้กระทั่งเหล่าบรรดานักบิดรุ่นหลังส่วนใหญ่ก็มีรอสซีเป็นแรงบันดาลใจ ไม่ว่าใครก็ต้องมีรูปถ่ายคู่กับเขาในฐานะไอดอล
แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา รอสซีตัดสินใจแขวนหมวกกันน็อกหลังจบฤดูกาล 2021 เนื่องด้วยอายุและร่างกายที่เริ่มถดถอย การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความตกใจให้กับใครหลายๆ คน แต่ทุกคนก็พร้อมรับการตัดสินใจในครั้งนี้ของเขา และอยากขอบคุณที่สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ จนกลายเป็นตำนาน แน่นอนว่าเขาจะอยู่ในใจบรรดาแฟนๆ ตลอดไปในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของวงการรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโตจีพี “วาเลนติโน รอสซี”
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม
