ไม่เคยมีนักกอล์ฟชายคนใดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำ “Grand Slam” หรือคว้าแชมป์เมเจอร์ทั้ง 4 รายการได้ในปีเดียว และมีนักกอล์ฟเพียง 5 คนที่ทำ “Career Grand Slam” หรือคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ครบทั้ง 4 รายการต่างปีกันได้ แต่ปี 2022 มีนักกอล์ฟถึง 3 คนที่มีโอกาสลุ้นทำ “Career Grand Slam”
กีฬากอล์ฟและเทนนิสอาชีพชายมีการแข่งขันรายการใหญ่ที่เรียกว่ารายการเมเจอร์หรือรายการแกรนด์สแลมเพียง 4 รายการในแต่ละฤดูกาล หากใครสามารถคว้าแชมป์ทั้ง 4 รายการมาครองได้สำเร็จในฤดูกาลเดียวกัน จะเรียกว่าการทำแกรนด์ สแลม (Grand Slam) ซึ่งถือเป็นความสำเร็จระดับสุดยอด ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเพียง ร็อด เลเวอร์ นักเทนนิสระดับตำนานจากออสเตรเลียเพียงคนเดียว ที่ทำได้ถึง 2 ครั้งในปี 1962 และ 1969 ส่วนในการแข่งขันกอล์ฟชายยังไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จ และมีเพียงนักกอล์ฟ 5 คนเท่านั้นที่สามารถคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ครบทั้ง 4 รายการต่างปีกันได้ ซึ่งคนล่าสุดที่ทำได้คือ ไทเกอร์ วูดส์ เมื่อปี 2000 ขณะที่อายุเพียง 24 ปี
อีก 4 คนก่อนหน้านั้น ได้แก่ ยีน ซาราเซน, เบน โฮแกน, แกรี เพลเยอร์ และ แจ็ก นิคลอส ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นยอดนักกอล์ฟระดับตำนานด้วยกันทุกคน และนับตั้งแต่ผ่านพ้นยุคแห่งความยิ่งใหญ่ของ ไทเกอร์ วูดส์ แล้ว แม้ไม่มีนักกอล์ฟคนใดผงาดขึ้นมาประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ในระดับใกล้เคียงกับไทเกอร์ แต่ถึงกระนั้นยังมีนักกอล์ฟถึง 3 คนที่มีโอกาสทำ “Career Grand Slam” ได้แก่ รอรี แม็คอิลรอย โปรกอล์ฟวัย 32 ปีจากไอร์แลนด์เหนือ และ 2 นักกอล์ฟต่างวัยแห่งสหรัฐฯ คือ จอร์แดน สปีธ นักกอล์ฟวัย 28 ปี กับ ฟิล มิคเคลสัน อดีตนักกอล์ฟซูเปอร์สตาร์วัย 51 ปีที่เคยขับเคี่ยวกับไทเกอร์มาอย่างยาวนาน
กอล์ฟเมเจอร์ทั้ง 4 รายการในแต่ละปี เริ่มจาก เดอะ มาสเตอร์ส ในช่วงเดือนเมษายน, พีจีเอ แชมเปียนชิพ ซึ่งปกติจะแข่งช้ากว่าเมเจอร์รายการอื่น ขยับมาแข่งในเดือนพฤษภาคม, ยูเอส โอเพ่น ในเดือนมิถุนายน และปิดท้ายด้วย บริติช โอเพ่น ในเดือนกรกฎาคม จึงเท่ากับว่าทั้ง 3 คนนี้คว้าแชมป์เมเจอร์รายการใดรายการหนึ่งได้มาแล้ว 3 รายการ หากใครคนใดใน 3 คนนี้สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์อีกรายการเดียวที่ยังไม่เคยได้แชมป์มาครองสำเร็จ จะถือว่าทำ “Career Grand Slam” ได้เป็นคนที่ 6 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่นักกอล์ฟน้อยคนนักจะสามารถทำได้
รอรี แม็คอิลรอย เคยได้แชมป์ยูเอส โอเพ่น ปี 2011, พีจีเอ แชมเปียนชิพ ปี 2012 และ 2014 และบริติช โอเพ่น 2014 ขาดแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส รายการเดียว ส่วน จอร์แดน สปีธ เคยได้แชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2015, ยูเอส โอเพ่น ปี 2015 และบริติช โอเพ่น ปี 2017 ยังไม่เคยได้แชมป์พีจีเอ แชมเปียนชิพ ส่วน ฟิล มิคเคลสัน คว้าแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2004, ปี 2006 และปี 2010, แชมป์พีจีเอ แชมเปียนชิพ ปี 2005 และแชมป์บริติช โอเพ่น ปี 2013 แม้มิคเคลสันจะเป็นนักกอล์ฟขวัญใจชาวอเมริกัน แต่เขากลับไม่เคยได้แชมป์ยูเอส โอเพ่น เลย ทำได้ดีที่สุดคือได้รองแชมป์หรืออันดับ 2 ร่วมถึง 6 ครั้ง!
หากถามแฟนกอล์ฟทั่วโลกว่าอยากให้ใครทำ Career Grand Slam ได้สำเร็จมากที่สุด น่าจะเป็น รอรี แม็คอิลรอย ขณะเดียวกันคงมีคนเอาใจช่วย ฟิล มิคเคลสัน ไม่น้อย เพราะเห็นว่าเขาอายุมากแล้ว คงมีเวลาลุ้นแชมป์ ยูเอส โอเพ่น ได้อีกเพียงไม่กี่ปี แต่ทั้งมิคเคลสันและ จอร์แดน สปีธ ก็เป็นนักกอล์ฟสหรัฐฯ ต่างจากแม็คอิลรอยที่เป็นนักกอล์ฟไอร์แลนด์เหนือ แฟนกอล์ฟทั่วโลกโดยเฉพาะจากทวีปยุโรปจึงอยากเห็นเขาทำ Career Grand Slam เนื่องจากที่ผ่านมา ยกเว้น แกรี เพลเยอร์ ที่มาจากประเทศแอฟริกาใต้เพียงคนเดียวที่ทำ Career Grand Slam ได้ อีก 5 คนที่เหลือเป็นนักกอล์ฟสหรัฐฯ ล้วนๆ ประกอบกับแม็คอิลรอยห่างเหินจากการคว้าแชมป์เมเจอร์ยาวนานที่สุดในบรรดา 3 คนนี้
ครั้งหนึ่ง รอรี แม็คอิลรอย นักกอล์ฟแฟนบอลทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้นี้ เคยได้รับการยกย่องว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนักกอล์ฟผู้สืบทอดตำนานความยิ่งใหญ่ต่อจาก ไทเกอร์ วูดส์ เนื่องจากฉายแววนักกอล์ฟอัจฉริยะมาตั้งแต่ยังเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น และเป็นนักกอล์ฟดาวรุ่งที่โดดเด่นที่สุดในรอบหลายสิบปีของยูโรเปียนทัวร์ ขณะที่อายุได้ 18 ปีก็ทำผลงานได้ดีจนได้สิทธิ์เป็นนักกอล์ฟยูโรเปียนทัวร์ขณะที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ และสามารถคว้าแชมป์กอล์ฟอาชีพรายการแรกได้ตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี จน ไทเกอร์ วูดส์ ถึงกับต้องส่งจดหมายเชิญร่วมลงแข่งขันรายการพิเศษที่ตนเองเป็นเจ้าภาพ
รอรี แม็คอิลรอย คว้าแชมป์รายการเควล ฮอลโลว์ แชมเปียนชิพ ปี 2010 เป็นแชมป์พีจีเอทัวร์รายการแรกในอาชีพ ถือเป็นคนแรกถัดจาก ไทเกอร์ วูดส์ ที่สามารถคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ก่อนอายุครบ 21 ปี ได้สิทธิ์ลงแข่งพีจีเอทัวร์ 2 ฤดูกาล แต่ช่วงนั้นเขายังคงลงแข่งยูโรเปียนทัวร์เป็นหลัก โดยเลือกลงแข่งพีจีเอทัวร์บางรายการเหมือนเดิม ปีต่อมาหลังจากพลาดคว้าแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ชนิดสุดแสนเจ็บปวด แม็คอิลรอยแก้ตัวด้วยการระเบิดฟอร์มยอดเยี่ยม คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น ปี 2011 เป็นแชมป์เมเจอร์รายการแรกในอาชีพ โดยทำคะแนนทิ้งห่าง เจสัน เดย์ จากออสเตรเลียถึง 8 สโตรก
คะแนนรวม 4 วัน 16 อันเดอร์พาร์ 268 ยังเป็นการทำลายสถิติคะแนนรวมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูเอส โอเพ่น เท่านั้นยังไม่พอ ด้วยการคว้าแชมป์ในวัยเพียง 22 ปี ทำให้ รอรี แม็คอิลรอย กลายเป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดที่ได้แชมป์ยูเอส โอเพ่น นับตั้งแต่ บ็อบบี โจนส์ ได้แชมป์ขณะที่อายุ 21 ปีเมื่อปี 1923 ทำให้แม็คอิลรอยกลายเป็นนักกอล์ฟซูเปอร์สตาร์คนใหม่ของโลกอย่างเต็มตัว!
ปี 2012 ยังเป็นปีที่ รอรี แม็คอิลรอย ทำผลงานได้ดี หลังจากคว้าแชมป์ฮอนดา คลาสสิก ขณะที่อายุ 22 ปี 10 เดือน เขาขยับขึ้นมาเป็นนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกเป็นครั้งแรก ทำสถิติเป็นมือหนึ่งของโลกที่อายุน้อยที่สุดรองจาก ไทเกอร์ วูดส์ ที่ทำได้ขณะที่อายุเพียง 21 ปี ก่อนที่อีก 3 ปีต่อมา จอร์แดน สปีธ จะแซงแม็คอิลรอยด้วยการครองมือหนึ่งของโลกได้ในขณะที่อายุ 22 ปี กับอีก 20 วัน และในปีนั้นแม็คอิลรอยยังคว้าแชมป์เมเจอร์ที่ 2 ในอาชีพได้ในรายการพีจีเอ แชมเปียนชิพ ทิ้งห่างคู่แข่งถึง 8 สโตรก เป็นสถิติของรายการ และจบฤดูกาลด้วยการเป็นนักกอล์ฟทำเงินรางวัลสูงสุดของทั้งยูโรเปียนทัวร์และพีจีเอทัวร์
หลังจากใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับอุปกรณ์กอล์ฟที่เป็นสปอนเซอร์อยู่นานพอสมควร ปี 2014 กลับมาเป็นปีทองของ รอรี แม็คอิลรอย อย่างแท้จริง เขาสามารถคว้าแชมป์บริติช โอเพ่น ที่สนามรอยัล ลิเวอร์พูล เป็นเมเจอร์ที่ 3 ในอาชีพได้สำเร็จ ทำให้แม็คอิลรอยกลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 2 ถัดจาก ไทเกอร์ วูดส์ ที่เคยคว้าเหรียญรางวัลนักกอล์ฟสมัครเล่นที่ทำผลงานดีที่สุดในการแข่งขันกอล์ฟบริติช โอเพ่น และเป็นแชมป์บริติช โอเพ่น ได้ในเวลาต่อมา ซึ่งในพิธีรับถ้วยรางวัล แม็คอิลรอยขอบคุณแฟนๆ ติดตลกว่า แม้ตนเองจะเป็นแฟนทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็ต้องขอบคุณผู้ชมชาวเมืองลิเวอร์พูลที่ให้กำลังใจเขาตลอดการแข่งขันทั้ง 4 วันเป็นอย่างดี เรียกเสียงโห่และเสียงหัวเราะจากผู้ชมในสนามได้ไม่น้อย
ในปีเดียวกันนั้นเอง รอรี แม็คอิลรอย คว้าแชมป์เมเจอร์ที่ 4 ในรายการพีจีเอ แชมเปียนชิพ โดยเฉือนชนะ ฟิล มิคเคลสัน เพียงสโตรกเดียว ผลงานของนักกอล์ฟสายเลือดไอริชผู้นี้ทำให้ แจ็ก นิคลอส เจ้าของสถิติคว้าแชมป์เมเจอร์มากที่สุด 18 รายการ ประทับใจถึงขนาดยกย่องว่า แม็คอิลรอยเป็นนักกอล์ฟที่มีทักษะความสามารถสูงอย่างน่าทึ่ง ทำให้เขาเชื่อว่าแม็คอิลรอยมีดีพอที่จะคว้าแชมป์เมเจอร์ 15-20 รายการ เหมือนที่เขาเคยให้คำทำนาย ไทเกอร์ วูดส์ มาก่อนแล้ว น่าเสียดายที่แม้จะฉายแววอันรุ่งโรจน์ได้ในขณะที่อายุเพียง 25 ปี แต่หลังจากนั้นนักกอล์ฟไอริชผู้นี้กลับไม่เคยคว้าแชมป์เมเจอร์รายการใดได้อีกเลย
เป็นเรื่องแปลกพอสมควร เพราะในช่วงปี 2015-2021 ซึ่งเป็นช่วงที่ รอรี แม็คอิลรอย ล้มเหลวในการลงแข่งรายการเมเจอร์มาตลอด เขายังสามารถคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ได้เกือบทุกปี ยกเว้นปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่เขาเปลี่ยนอุปกรณ์การเล่นใหม่ เนื่องจากสปอนเซอร์เจ้าเดิมถอนตัวจากกีฬากอล์ฟ และช่วงเวลาที่แม็คอิลรอยฟอร์มตกจริงๆ คือในช่วงปลายปี 2019 ต่อเนื่องจนจบปี 2020 ที่เขากลายป็นคุณพ่อ และต้องลงแข่งขันท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 เป็นช่วงที่แม็คอิลรอยไม่ได้แชมป์รายการใดเลย ยาวนานประมาณ 18 เดือน ก่อนจะกลับมาคว้าแชมป์ได้ถึง 2 รายการในปี 2021 เนื่องจากผลงานโดยรวมของเขาไม่ได้เลวร้ายแต่อย่างใด การว่างเว้นจากการคว้าแชมป์เมเจอร์ 7 ปีหลังสุดจึงดูราวกับปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้
ด้วยอายุที่ยังไม่มาก การที่อยู่ๆ ผลงานในรายการเมเจอร์ของ รอรี แม็คอิลรอย ตกลง จึงถูกผู้สันทัดกรณีในวงการกอล์ฟนำไปวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าเกิดจากอะไร บ้างก็ว่าเป็นเพราะ รอรี แม็คอิลรอย พยายามปรับวงสวิงของตนเองให้ไกลขึ้น เพื่อแข่งขันกับนักกอล์ฟพีจีเอทัวร์รุ่นใหม่ๆ นำโดย ไบรสัน ดีแชมโบ ที่ไดรฟ์ได้ไกลกว่านักกอล์ฟรุ่นพี่มาก ทั้งที่วงสวิงเดิมของแม็คอิลรอยเองก็ได้รับการยกย่องว่าดีอยู่แล้ว เนื่องจากไกลเกือบ 320 หลาและค่อนข้างแม่นยำ บ้างก็ว่าเป็นเพราะเขาประสบความสำเร็จเร็วเกินไป จนความทะเยอทะยานลดลง บ้างก็ว่าเป็นเพราะนักกอล์ฟรุ่นใหม่ไดรฟ์ไกลไม่แพ้แม็คอิลรอย แต่เล่นช็อตระยะกลางและพัตต์ได้ดีกว่า
หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า รอรี แม็คอิลรอย จะมีโอกาสกลับมาคว้าแชมป์เมเจอร์ได้อีกหรือไม่? คำตอบคือ นักกอล์ฟระดับแนวหน้าของโลกทุกคนมีดีพอที่จะคว้าแชมป์เมเจอร์ด้วยกันทั้งนั้น เพราะเอาเข้าจริงๆ แม้การคว้าแชมป์กอล์ฟรายการเมเจอร์จะยากกว่าการคว้าแชมป์เทนนิสรายการเมเจอร์ เนื่องจากต้องเอาชนะนักกอล์ฟทุกคนที่ลงแข่งตลอด 4 วัน ไม่ใช่เอาชนะคู่ต่อสู้ในแต่ละรอบเหมือนเทนนิส แต่ข้อดีคือความเป็นไปได้ที่นักกอล์ฟคนใดคนหนึ่งแม้อันดับโลกไม่สูง จะคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ หากช่วงนั้นเล่นดีขึ้นมาจริงๆ มีสูงกว่าโอกาสที่นักเทนนิสมือรองๆ จะผ่านด่าน ราฟาเอล นาดาล, โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, โนวัก โยโควิช คว้าแชมป์รายการแกรนด์สแลม
ดังนั้นโอกาสที่ รอรี แม็คอิลรอย หรือ ไทเกอร์ วูดส์ จะกลับมาคว้าแชมป์รายการเมเจอร์จึงยังคงเปิดกว้างเสมอ โดยเฉพาะเมื่อดูจากการที่ ฟิล มิคเคลสัน สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์รายการพีจีเอ แชมเปียนชิพ ได้สำเร็จในฤดูกาลที่ผ่านมา ขณะที่อายุปาเข้าไปถึง 50 ปี ทำสถิติเป็นแชมป์เมเจอร์อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ดังนั้นอะไรๆ ย่อมสามารถเกิดขึ้นได้ และแน่นอนว่าหากแม็คอิลรอยมีโอกาสกลับมาคว้าแชมป์เมเจอร์อีกครั้งได้สำเร็จ รายการที่เขาอยากได้แชมป์มากที่สุดหนีไม่พ้น เดอะ มาสเตอร์ส ซึ่งเป็นแชมป์เมเจอร์รายการเดียวที่เขายังไม่เคยสัมผัส ทำได้ดีที่สุดคืออันดับ 4 ในปี 2015
ความจริงแล้วโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดในการคว้าแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ของ รอรี แม็คอิลรอย เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2011 ขณะที่เขาอายุยังไม่ครบ 22 ปีดี ครั้งนั้นแม็คอิลรอยออกสตาร์ตด้วยผลงานที่สุดยอด ทำ 7 อันเดอร์พาร์ โดยไม่ออกโบกี้เลย เป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นนำกอล์ฟ เดอะ มาสเตอร์ส หลังจบวันแรก ผ่านไปจนจบวันที่ 3 แม็คอิลรอยยังมีคะแนนรวมนำอยู่ที่ 12 อันเดอร์พาร์ ทิ้งห่างคู่แข่ง 4 สโตรก เรียกว่าโอกาสคว้าแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส เป็นแชมป์เมเจอร์แรกในอาชีพค่อนข้างสดใส อย่างไรก็ตามวันสุดท้าย นักกอล์ฟดาวรุ่งชาวไอริชเล่นผิดพลาดเสียจนถูกบันทึกไว้ว่า เป็นผู้นำหลังจบวันที่ 3 ที่ทำคะแนนวันสุดท้ายได้แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เดอะ มาสเตอร์ส!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ วันสุดท้าย ช่วงจบ 9 หลุมแรก รอรี แม็คอิลรอย ทำ 1 โอเวอร์พาร์ แต่คะแนนรวมก็ยังคงดีพอรักษาอันดับผู้นำไว้ได้ เพียงแต่จากที่นำอยู่ 4 สโตรก ลดเหลือเพียงสโตรกเดียว หลุม 10 ฝันร้ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อแม็คอิลรอยตีลูกตกในแนวต้นไม้ แก้ไขออกมาไม่ดี ออกทริปเปิลโบกี้ หรือเสีย 3 สโตรกในหลุมเดียว หลุมถัดมาออกโบกี้อีก แต่ไม่เลวร้ายเท่ากับหลุมที่ 12 ที่ออกดับเบิลโบกี้ ถึงตอนนั้นโอกาสคว้าแชมป์ไม่ต้องพูดถึงแล้ว แม็คอิลรอยจบวันสุดท้ายที่ 8 โอเวอร์พาร์ คะแนนรวม 4 อันเดอร์พาร์ แพ้ ชาร์ล ชวาร์ทเซล จากแอฟริกาใต้ 10 สโตรก ได้อันดับที่ 15 ร่วม!
ความผิดหวังครั้งนั้นเป็นบทเรียนสุดแสนเจ็บปวด แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ รอรี แม็คอิลรอย เรียนรู้ จนสามารถคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น เป็นแชมป์เมเจอร์แรกในอาชีพได้ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา หากตัดเรื่องที่เขายังไม่เคยได้แชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ออกไป ผลงานที่ผ่านของแม็คอิลรอยถือว่าประสบความสำเร็จมากจนน่าอิจฉา หากเปรียบเทียบกับนักกอล์ฟส่วนใหญ่ เพราะเขาผ่านมาแล้วทั้งการครองมือหนึ่งของโลก การคว้าแชมป์แกรนด์สแลม 4 รายการ แชมป์พีจีเอทัวร์ 20 รายการ แชมป์ยูโรเปียนทัวร์อีก 14 รายการ รวมทั้งเคยได้รับเลือกให้เป็นนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปีของโลกอีกถึง 3 สมัย
ไม่มีใครกล้าปรามาสว่า รอรี แม็คอิลรอย ไม่มีทางคว้าแชมป์เมเจอร์ได้อีก เพราะ ไทเกอร์ วูดส์ ทำให้เห็นมาแล้วจากการคว้าแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2019 ขณะที่อายุ 43 ปี ซึ่งหมายถึงด้วยอายุที่น้อยกว่าเป็น 10 ปี แม็คอิลรอยก็น่าจะมีโอกาสลุ้นแชมป์เมเจอร์อีกอย่างน้อย 10 ปี เพียงแต่แชมป์เมเจอร์ที่อาจทำได้ในอนาคต จะเป็นแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากแม็คอิลรอยทำสำเร็จในปี 2022 นี้เลย ความมั่นใจของเขาจะกลับมาอีกหลายเท่าตัว และน่าจะเดินหน้าคว้าแชมป์เมเจอร์รายการอื่นๆ ได้อีกหลายรายการ เพราะมันเหมือนกับเป็นการปลดล็อกให้แม็คอิลรอยกลับมาเชื่อมั่นอย่างแท้จริงอีกครั้งว่า ตนเองยังเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่เก่งที่สุดในยุคนี้
สิ่งที่ทำให้ รอรี แม็คอิลรอย มั่นใจว่าปีนี้ตนเองจะกลับมาสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้อีกครั้ง นอกเหนือจากการมี พีท โคเวน ยอดโค้ชวงสวิงชาวอังกฤษมาติวเข้มให้แล้ว เจ้าตัวยังยอมรับด้วยว่าที่ผ่านมาบางทีเขาอาจวางแผนผิดพลาด ที่เน้นตีไกลมากกว่าการตีให้แม่นแฟร์เวย์ และดูจากฟอร์มล่าสุดของเขาในรายการดีพี เวิลด์ ทัวร์ แชมเปียนชิพ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาถือว่าน่าพอใจไม่น้อย หากไม่พลาดตีตกน้ำในหลุมสุดท้าย มีลุ้นถึงแชมป์เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามว่ากันว่าอุปสรรคสำคัญที่สุดที่ทำให้แม็คอิลรอยว่างเว้นจากการคว้าแชมป์รายการเมเจอร์มานานกว่า 7 ปี คือไม่สามารถรับมือกับความกดดันทั้งของเจ้าตัวเองและความคาดหวังของแฟนกอล์ฟได้
รอรี แม็คอิลรอย ยอมรับว่าสนาม ออกัสตา เป็นสนามที่ต้องวางแผนการเล่นให้ดี และต้องใช้จินตนาการในการเล่นแต่ละช็อต เนื่องจากกรีนค่อนข้างเร็วมาก การลงแข่ง เดอะ มาสเตอร์ส จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย และต้องใช้เวลาพอสมควร กว่าจะคุ้นเคยกับการเล่นที่สนามแห่งนี้ ซึ่งถึงตอนนี้เขาปรับตัวให้คุ้นเคยกับสนามได้แล้ว ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาทำผลงานใน เดอะ มาสเตอร์ส ได้ค่อนข้างน่าพอใจ แม้ยังไม่ได้แชมป์ แต่หากทำให้ได้ดีกว่าเดิม หรือเล่นด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดของตนเอง แม็คอิลรอยยังมั่นใจว่าตนเองมีโอกาสคว้าแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2022 เช่นกัน
การแข่งขันกอล์ฟ เดอะ มาสเตอร์ส จะแข่งขันกันในช่วงระหว่างวันที่ 7-11 เมษายนนี้ ดังนั้นต้องจับตาดูว่าในเดือนมีนาคมซึ่งถือเป็นช่วงอุ่นเครื่องก่อน เดอะ มาสเตอร์ส ซึ่งมีการแข่งขันรายใหญ่ถึง 4 รายการคือ อาร์โนลด์ พาล์มเมอร์ อินวิเตชันนัล, เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปียนชิพ, เวิลด์ แมตช์เพลย์ และ เท็กซัส โอเพ่น นักกอล์ฟคนใดจะทำผลงานในช่วงเดือนนี้ได้ดีที่สุด หาก รอรี แม็คอิลรอย ทำผลงานใน 4 รายการนี้ได้ดี หรือคว้าแชมป์รายการใดรายการหนึ่งได้ โอกาสลุ้นแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ได้เป็นครั้งแรก และเป็นคนที่ 6 ที่ทำ Career Grand Slam ได้สำเร็จก็มีไม่น้อย
กอล์ฟเป็นกีฬาที่นานๆ จะมีซูเปอร์สตาร์แบบ ไทเกอร์ วูดส์ เกิดขึ้นสักคน เพราะคนที่จะมีศักยภาพสูงขนาดนั้น ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ และครั้งหนึ่ง รอรี แม็คอิลรอย เคยได้รับการยกย่องให้เป็นนักกีฬาที่มีศักยภาพทางด้านการตลาดสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นรองเพียง คริสเตียโน โรนัลโด, เนย์มาร์ และ ลิโอเนล เมสซี ทั้งที่กอล์ฟไม่ได้เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วไปเหมือนฟุตบอล เทนนิส หรือบาสเกตบอล แสดงให้เห็นว่านักกอล์ฟสายเลือดไอริชผู้นี้ไม่ธรรมดา และหากเขาสามารถคว้าแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส มาครองสำเร็จ ไม่แน่ มันอาจทำให้เขากลับมาเป็นนักกอล์ฟซูเปอร์สตาร์อย่างเต็มตัวอีกครั้ง
ในทางตรงกันข้าม หาก รอรี แม็คอิลรอย ยังล้มเหลวในการลงแข่งที่สนามออกัสตา อีก 1 ปี หรือในปีถัดไป ฝันร้ายใน เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2011 วันสุดท้าย จะยังคงตามหลอกหลอนเขาไปอีกนานแสนนาน และคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย หากในอีก 10 ปีข้างหน้า นักกอล์ฟที่มีศักยภาพสูงที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษนี้จะต้องเลิกเล่น โดยไม่มี กรีน แจ็กเกต ในฐานะแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ประดับไว้ในตู้เกียรติยศส่วนตัว!
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม