Link Copied!

โมซาร์ทลูกหนัง

ในวันที่มีการซื้อขายตัว อันเดรีย​ส แฮร์​โซก กันระหว่าง บาเยิร์น​ มิวนิค​ กับ แวร์เดอร์​ เบรเมน เมื่อปี 1995

เป็นเวลาที่ทีมเสือใต้อยู่ในช่วงที่ขาดความสม่ำเสมอในผลงานการเล่น จนทำให้มีการปลดโค้ชทั้งระหว่าง​ฤดูกาล​ และ ปลดหลังจบฤดูกาล​ในช่วง​นั้นเป็นว่าเล่น

ระหว่างฤดูกาล​ 1990/91 -​ 1994/95 เสือใต้มี จุปป์ ไฮน์ยเกส, โซเรน เลอร์​บี, เอริก ริบเบค, ฟราน​ซ์ เบคคันบาวเออร์, จิโอวานนี ทราปัตโตนี วนเวียน​กันเข้ามาคุมทัพสโมสรที่ว่ากันว่า ตั้งความหวังว่าจะต้องประสบความสําเร็จ​ในระดับที่ต้องแชมป์​เอาไว้สูงมากไม่แพ้สโมสรใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด​ หรือ บาร์เซโลนา

แต่มีเพียง ฟราน​ซ์ เบคคันบาวเออร์​ ตำนานของชาติคนเดียวเท่านั้น ที่เข้ามาคุมทีมกลางทางจนช่วยทำให้ยอดทีมแห่งเยอรมนี​ได้ 1 แชมป์​บุนเดสลีกาในรอบ 5 ฤดูกาล​ที่ว่า

::

จนถึงช่วงก่อนเปิดฤดูกาล​ 1995/96

บอร์ด​บริหาร​ของเสือใต้แต่งตั้งให้ อ็อตโต เรห์ฮาเกล ที่พา แวร์เดอร์​ เบรเมน​ เป็นแชมป์​บุนเดสลีกา 2 สมัย เมื่อฤดูกาล​ 1987/88 และ 1992/93

ซึ่งในตอนนั้น คิงอ็อตโต เป็นกุนซือ​ที่มากฝีมือคนหนึ่งของวงการฟุตบอล​เยอรมนี​

พร้อมกับมีการทุ่มเงินซื้อนักเตะตามสไตล์​ “เตะตัด​ขา​คู่แข่ง” ด้วยการซื้อตัวดาวดังอย่าง ซิริอาโซ สฟอร์ซา มาจากทีมไกเซอร์สเลาเทิร์น, โธมัส สตรุนซ์ จากทีมสตุทการ์ท, อันเดรีย​ส แฮร์โซก จอมทัพของ เรห์ฮาเกล จากเบรเมน และ เจอร์เกน​ คลินส์มันน์​ มาจากสเปอร์ส

นี่คือหนึ่งในการทุ่มเงินที่มากที่สุดแห่งยุคนั้น และ นักเตะทุกคนคือเบอร์​ต้นๆ ของวงการฟุตบอล

ในส่วนของ อันเด​รียส​ แฮร์​โซก คือนักเตะอันดับ​หนึ่ง​ของออสเตรีย​ และ เป็นจอมทัพที่ทรงอิทธิพล​ในสนามของทีมนกนางนวล ด้วยสไตล์​การเล่นที่สวยงาม คลาสสิก แต่มีประสิทธิภาพ​ จนได้รับฉายาจากสื่อว่า “โมสาร์ทลูกหนัง”

แต่ในการใช้ชีวิต​ทั้งใน และ นอกสนามของเขา ทั้งตอนเล่นที่ ราปิด เวียนนา และ แวร์เดอร์​ เบรเมน​ เขาคือคนที่เก็บตัวมากๆ รวมทั้งทีมเก่าก็เป็นสโมสรที่เรียบง่ายสไตล์​คนในครอบครัว

ส่วนที่ บาเยิร์น​ มิวนิค​ ซึ่งเป็นทีมชั้นนำของโลก มีบอร์ด​บริหาร​ที่เคร่งครัดเรื่องความสำเร็จ​ที่ต่อเนื่องที่สนแค่ชนะ ชนะ และ ชนะ, ​ มีผู้เล่นที่มีชื่อเสียงเกิน 11 ตัวจริง และ เต็มไปด้วยมวลคลื่นของความกดดันอันมหาศาล​รออยู่

จนทำให้สิ่งที่แฟนบอลคาดหวัง กับ บอร์ด​บริหาร​ตั้งเป้าหมายที่เรียกกันว่า “แชมป์” กลายเป็นความกดดันในรูปแบบที่ แฮร์โซก ไม่เคยพบเคยเจอ

เสือใต้ประเดิม 7 นัดแรกด้วยการชนะรวด 100% แฮร์โซก ยิงได้ในนัดเปิดตัวทันที แต่ช่วงเวลาฮันนีมูน​มันจบอยู่แค่เวลานั้น

เขาปรับตัวไม่ได้กับแผนการเล่นของที่นี่ แม้จะมีกุนซือ​คนเดิม และ รับมือกับความคาดหวังไม่ไหว จนทำให้การเล่นที่เคยเต็มไปด้วยจินตนาการ​หายไปจากการเล่นด้วยสไตล์​จักรกลสังหารของเสือใต้

แม้ว่า เรห์ฮาเกล, คลินส์มันน์​ และ โลธาร์ มัทเธอุส จะคอยให้ความช่วยเหลือมากแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่า แฮร์​โซก จะไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผู้เล่นของสโมสร​แห่ง​นี้​

จนกระทั่งเข็มนาฬิกา​หมุนมาถึงวันที่เขาเล่นไม่ได้อย่างใจที่กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว อันเป็นวันที่ได้สร้างจุดแตกหักระหว่างเขากับสโมสร จนทำให้เขาได้รู้ว่าความสนุกสนาน​ที่ตนเองคุ้นเคย ไม่สามารถหาได้จากยอดทีมแห่งนี้​ที่สนใจแค่ถ้วยแชมป์​เท่านั้น

วันที่ 13 เมษายน ในแมตช์​ที่ 28 เสือใต้เดินทางไปแข่งกับ วีเอฟบี สตุทการ์ท​ ตอนนั้นสถานการณ์​ของทีมไม่ค่อยดี เพราะมีคะแนนตามหลัง โบรุ​สเซีย​ ดอร์​ทมุนด์ อยู่พอสมควร

ในขณะที่กำลังนำอยู่ 1-0 แต่การเล่นช้าที่เหมือนขาดความกระตือรือร้น​ของ แฮร์โซก ได้เป็นที่ขัดตาของ โอลิเวอร์​ คาห์น นายทวารเลือดเดือดที่ขึ้น​ชื่อลือชามากๆ ในการเรื่องเอาเรื่องคน

จนทำให้ คาห์น ในวันที่ยังมีอายุที่ไล่เลี่ยกัน​กับ แฮร์โซก เดินเข้ามาใช้มือขยุ้มคอเสื้อของ แฮร์โซก แล้วผลักให้เขารีบออกไปเล่น พร้อมกับตะคอกใส่ว่า “อย่าทำตัวเป็นไอ้พวกขี้แพ้”

อันทำให้คนในสนามทุกคนตกตะลึง ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น​ทั้งสองทีม, สต๊าฟฟ์โค้ช​ และ แฟนบอลในสนาม

ในช่วงพักครึ่งเวลาแรก ผู้เล่นทุกคนกลับเข้าห้องพักเพื่อ​เตรียม​ตัวรอฟังการแก้เกมจากโค้ช โดยที่ไม่มีใครรู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่​ขึ้น

แฮร์โซก ปรี่เข้าไปหา คาห์น แล้วชี้หน้าเตือนว่า “ถ้าทำแบบนี้อีกครั้ง แกได้โดนตะบันหน้ากลับแน่ๆ”

คาห์นนิ่ง ไม่ตอบโต้ แต่เป็น อูลี เฮอเนส กับ คาร์ล-ไฮน์ซ​ รุมเมนิกเก ฝ่ายบริหารที่เข้ามาแทรกในเรื่องนี้ พร้อมกับสวน แฮร์​โซก กลับไปว่า “นายนั่นแหล่ะที่สมควรถูกต่อยปาก และ ควรเก็บปากของนายไว้ให้ดี”

อ็อตโต เรห์ฮาเกล เข้ามาออกตัวแทนศิษย์​รัก แต่กลับโดนเล่นงานจากผู้บริหาร​ต่อหน้าลูกทีมเป็นรายถัดไป

(จากเหตุการณ์​นี้ รวมถึงผลงานที่ไม่เป็นไปตามคาดหวัง คิงอ็อตโต ถูกไล่ออกในอีก 2 นัดถัดมาหลังทำทีมหมดลุ้นแชมป์​ไปแล้ว)​

::

แฮร์​โซก กลายเป็นส่วนเกินของทีมในทันที ส่วน คิงอ็อตโต หมดความน่าเชื่อถือในสายตาลูกทีม

สองนายบ่าวจาก แวร์เดอร์​ เบรเมน​ ไม่ใช่จิ๊กซอว์ที่ บาเยิร์น​ มิวนิค​ ต้องการ

แฮร์​โซก ยังเล่าอีกว่าในห้องแต่งตัวมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน โดยมีกลุ่ม​ของมัทเธอุส, กลุ่มของ โธมัส เฮลเมอร์​ และ กลุ่มผู้เล่นต่างชาติซึ่งมี ฌอง ปีแอร์​ ปาแปง รวมอยู่ด้วย ส่วน คลินส์มันน์​ ค่อนข้างโดดเดี่ยว​แม้ว่าจะเป็นสตาร์ดังของทีม

สำหรับ แฮร์​โซก ก็ไม่ได้ถูกทิ้งขว้าง​จากทุกคน เพราะเขาได้ทั้งมัทเธอุส, คลินส์มันน์​ ผลัดกันแวะเวียนเข้ามาให้กำลังใจ และ ให้คำแนะนำอยู่บ่อยครั้ง

สุดท้ายเมื่อจบฤดูกาล​ บาเยิร์น​ มิวนิค​ เข้าป้ายรองแชมป์​บุนเดส​ลีกา แต่ได้แชมป์​ยูฟา คัพ มาปลอบใจ ซึ่งในแมตช์​ชิงชนะเลิศทั้ง 2 นัด​ ฟรานซ์ เบคคันบาวเออร์ ไม่ส่งเขาลงสนามเลยแม้แต่นาทีเดียว

แล้วตัวของ เบคคันบาวเออร์ ที่อยู่กับทีมทั้งในฐานะโค้ช และ ในฐานะปูชนียบุคคลของประเทศ ​ได้บอกกับทุกคนในทีมว่า “ถ้วยแชมป์​ใบนี้มีไว้สำหรับ​ผู้แพ้ ซึ่งพวกนายทุกคนจะได้ไปป้องกันแชมป์​ในปีหน้า ขอแสดงความยินดีด้วย”

หลังจากนั้น แฮร์​โซก ที่ตัดสินใจเอาไว้ตั้งแต่ช่วงมหาสงกรานต์​แล้วว่าจะขอย้ายทีม ก็ได้แจ้งให้สโมสรได้ทราบ

คนแรกที่เข้ามาพูดคุย​ และ เป็นคนที่ใช้ความพยายามมากที่สุดในการยื้อเขาไม่ให้ย้ายทีมก็คือ โอลิเวอร์​ คาห์น คนที่เอาเรื่องจนเขาเสียความมั่นใจ ด้วยคำพูดว่า​

“ฤดูกาล​แรกสำหรับ​ที่นี่จะยากแบบนี้เสมอ แต่นายก็ผ่านมันมาได้นะ นายทำได้ไม่เลว เชื่อฉันนะแอนดี ฤดูกาล​หน้าจะดีขึ้น”

แต่โชคร้าย​ที่ แฮร์โซก ตัดสินใจไปแล้ว เขาจึงพลาดช่วงเวลาดีๆ ในอีก 2-4 ฤดูกาล​ต่อมาอย่างที่ คาห์น พยายามบอกเอาไว้จริงๆ

::

จุดที่น่าสนใจในฤดูกาล​ดังกล่าวก็คือ ท่ามกลางฤดูกาล​อันแสนวุ่นวายนั้น ได้เป็นฤดูกาล​แรกๆ ที่ บาเยิร์น​ มิวนิค​ เต็มไปด้วยดาวดังที่ต่างที่มา และ หลายคนล้วนมีมวลมหาอีโกฝังอยู่ในตัวเอง

รวมทั้งยังคงมีบอร์ด​บริหาร​ที่เน้นในเรื่องความสำเร็จ​นำหน้า แล้วยังชอบทำตัวเป็นผู้มีบารมีที่อยู่เหนือสต๊าฟฟ์โค้ช​ทุกคน และ มักจะออกไปวิพากษ์วิจารณ์​เรื่องภายในต่อหน้าสื่อมากขึ้น

สื่อมวลชนในยุคนั้นจึงตั้งฉายาให้สโมสรอันดับ​หนึ่ง​ของ​ประเทศ​เอาไว้ว่า “Hollywood FC” อันแปลเป็นคำนิยามถึง “ทีมอลวน คนอลเวง ของเหล่าดาราดัง”

สำหรับ แฮร์​โซก ที่นี่คือจุดด่างในชีวิต​ของเขา แต่ก็ไม่ใช่มีแต่อะไรที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย

เพราะที่นี่มีทั้งมุมมองดีๆ ที่เขาได้รับมาจาก มัทเธอุส, คลินส์มันน์, เฮลเมอร์ 3 แชมป์​โลก 1990

มีตัวอย่างของความมุ่งมั่นที่จริงจังจาก คาห์น, การได้มุมมองในการเคลื่อนที่ของกองหน้าบัลลงดอร์​อย่าง ปาแปง, การเล่นในยามที่ไม่มีบอลของ เมเม็ต โชล

รวมทั้งความเป็นมืออาชีพของบอร์ด​บริหารทุกคนที่อาจจะดูวุ่นวาย แต่เพราะทุกคนต่างแค่ต้องการเป้าหมายที่สูงสุดเท่านั้น

ซึ่งเรื่องพวกนี้เขานำมาปรับใช้ในการทำงานเป็นโค้ช และ นำไปปรับใช้สำหรับดูแลลูกทีมในเวลาต่อๆ มา

สื่อมวลชน หรือ แฟนบอล ได้พยายามหาเหตุ​ผล​อื่นมารองรับ​ความล้มเหลวของสุดยอดดาวเตะจากออสเตรีย​ผู้นี้

ซึ่งก็มีการอ้างกันเล่นๆ ว่า คงเป็นเพราะวัฒนธรรม​รับน้องใหม่ที่ แวร์เดอร์​ เบรเมน​ ด้วยเหล้าจินโทนิก ที่นักเตะแกนนำของทีมจะมีการมอมเหล้านักเตะใหม่ แล้วให้ตอบคำถามทุกคำถามที่ตั้งขึ้นกันเอง

จนทำให้ แฮร์​โซก ที่เคร่งศาสนา ผิดทั้งศีลข้อพูดจาเรื่อยเปื่อย และ ข้อที่ว่าอย่าร่ำสุราเยอะ คือเหตุผล​ของความแจ้งเกิดไม่ได้นั่นเอง

ซึ่งมันเกี่ยวกับทีมใหม่อีกทีมไหมละนั่น

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares