ซาอุดีอาระเบีย 1 ใน 6 ชาติเอเชียของฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ได้สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก ด้วยการพลิกสยบหนึ่งในทีมเต็งแชมป์อย่าง อาร์เจนตินา ในนัดประเดิมสนามไปแบบหักปากกาเซียน 2-1 หลังจากก่อนหน้านี้ชาติเจ้าภาพอย่าง กาตาร์ และ อิหร่าน พ่าย เอกวาดอร์ กับ อังกฤษ ไปแบบหมดสภาพ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้เคยมีชาติในเอเชียที่สร้างเหตุการณ์น่าจดจำ ทั้งเรื่องราวน่าประทับใจ ตลอดจนประเด็นฉาวจารึกไว้ในเวิลด์คัพ และนี่คือ 5 แมตช์แห่งความทรงจำของชาวเอเชียในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
1. เกาหลีเหนือ ชนะ อิตาลี 1-0 (ฟุตบอลโลก 1966 รอบแบ่งกลุ่ม)
เวิลด์คัพบนเกาะอังกฤษ พลพรรค “โสมแดง” หนึ่งเดียวจากเอเชีย ที่ได้สิทธิ์มาเล่นรอบสุดท้าย ด้วยขุมกำลังทั้งหมดไม่ได้เป็นแข้งอาชีพ แถมประเทศเพิ่งจะพ้นวิกฤตสงครามเกาหลีมาได้ไม่นาน แต่กลับสร้างความฮือฮาผงาดเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย จากการคว้าชัยเหนือ อัซซูรี ในนัดส่งท้ายกลุ่ม 1-0 จากประตูชัยในนาทีที่ 41 ของ ปัค ดู อิค แข้งที่รับราชการทหารในกองทัพ ส่งให้ เกาหลีเหนือ เป็นชาติแรกในเอเชียที่ทะลุรอบน็อคเอาท์ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนพ่าย โปรตุเกส 3-5
2. อิหร่าน ชนะ สหรัฐอเมริกา 2-1 (ฟุตบอลโลก 1998 รอบแบ่งกลุ่ม)
ฟรองซ์ 98 มีแมตช์แห่งความทรงจำคือการเผชิญหน้ากันของทัพ “นักรบเปอร์เซีย” กับพลพรรค “พญาอินทรี” สองชาติที่มีปัญหาไม่ลงรอยกัน จึงต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทว่าบรรยากาศในสนามเต็มไปด้วยมิตรภาพ ก่อนที่ อิหร่าน จะเบียดชนะไปได้ 2-1 จากการทำประตูของ ฮามิด เอสติลี นาทีที่ 41 และ เมห์ดี มาดาวิเกีย นาทีที่ 83 ส่วน สหรัฐฯ ตีไข่แตกได้จาก ไบรอัน แมคไบรด์ ในนาทีที่ 87 แต่สุดท้ายทั้งสองชาติก็กอดคอกันตกรอบ
3. เกาหลีใต้ ชนะ อิตาลี 2-1 (ฟุตบอลโลก 2002 รอบ 16 ทีม)
เจ้าภาพร่วมผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์หนแรกในฐานะแชมป์กลุ่ม มาเจอกับยักษ์ใหญ่จากยุโรปอย่าง อิตาลี แต่แม้ชื่อชั้นของเจ้าถิ่นจะเป็นรอง แถมโดนยิงนำ แต่ด้วยพลัง “โสมขาว” บวกการตัดสินที่อื้อฉาวไปทั่วโลก ทั้งไม่ให้ประตู อัซซูรี และชูใบแดงไล่ ฟรานเชสโก ต๊อตติ แบบค้านสายตา ก่อนที่จะโกงความตายพลิกชนะไป 2-1 ด้วยสกอร์โกลเดนโกล นาทีที่ 117 ของ อาห์น จุง วาน ส่งให้ เกาหลีใต้ ทะลุสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะเข้าไปปราบ สเปน ในการดวลจุดโทษ 5-3 กลายเป็นทีมจากเอเชียชาติแรกที่ทะลุถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายท่ามกลางเสียงครหาไปทั่วโลก
4. ญี่ปุ่น ชนะ เดนมาร์ก 3-1 (ฟุตบอลโลก 2010 รอบแบ่งกลุ่ม)
เวิลด์คัพครั้งแรกบนทวีปแอฟริกา ทัพซามูไรบลู แม้จะอยู่ร่วมกลุ่มกับ ฮอลแลนด์, แคเมอรูน และเดนมาร์ก แต่สามารถทะลุเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยทำไว้สมัยที่เป็นเจ้าภาพร่วมกับ เกาหลีใต้ เมื่อปี 2002 โดยสองแรก ประเดิมเฉือนทีมหมอผี 1-0 แต่มาพ่ายอัศวินสีส้ม 0-1 ทำให้ต้องชี้ชะตากับทัพโคนม ก่อนที่ ญี่ปุ่น จะรวมพลังไล่อัดทีมจากยุโรปไปได้แบบเหนือชั้น 3-1 จากลูกฟรีคิกของทั้ง เคซุเกะ ฮอนดะ และ ยาสึฮิโตะ เอนโด ส่วนอีกลูกได้จากชินจิ โอคาซากิ แต่ก็ต้องจอดป้ายแค่รอบน็อคเอาท์ เมื่อพ่ายจุดโทษ ปารากวัย 3-5 อย่างน่าเสียดาย
5. เกาหลีใต้ ชนะ เยอรมนี 2-0 (ฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม)
ไม่มีอะไรให้ได้ลุ้นแล้วสำหรับ “โสมขาว” ที่แพ้ 2 นัดรวดในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนมาเจอ เยอรมนี แชมป์เก่า ที่ต้องการชัยชนะเพื่อตั๋วเข้ารอบ แต่ต้องเจอลูกบ้าของขุนพลแดนกิมจิ บดเอาชนะไปได้แบบไม่มีใครอยากจะเชื่อ เมื่อมาได้ 2 ประตูในช่วงทดเจ็บจาก คิม ยอง กวอน และ ซน ฮึงมิน ทำให้ เกาหลีใต้ เอาชนะ เยอรมนี ได้เป็นหนแรกในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย พร้อมฉุด “อินทรีเหล็ก” ตกรอบแรกไปพร้อมกัน