ปกติพรีเมียร์ลีกจะเตะกัน 10 คู่ในช่วงสุดสัปดาห์ แต่นัดล่าสุดที่ผ่านมามีลงสนามได้แค่ 4 คู่ 8 ทีมเท่านั้น ที่เหลือถูกพิษโควิดเล่นงานจนต้องเลื่อนเกมการแข่งขัน และในวันจันทร์ที่ 20 ธันวาคมนี้ ทางพรีเมียร์ลีกจะมีการประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางการรับมือกับโควิด และตารางการแข่งขันที่ถูกเลื่อน โดยมีข่าวลือว่าถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจจะหยุดการแข่งขันชั่วคราว นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่นักฟุตบอลไม่ยอมฉีด “วัคซีน” โควิดอีกด้วย
เชลซีเป็นอีกทีมที่ถูกโควิดบุกและพยายามจะขอเลื่อนเกมการแข่งขันกับวูล์ฟแฮมป์ตันออกไป แต่ทางพรีเมียร์ลีกออกมาปฏิเสธคำร้อง สุดท้ายพวกเขาเสมอกับวูล์ฟแบบไร้สกอร์ โทมัส ทูเคิล ผู้จัดการทีมสิงโตน้ำเงินครามแสดงความไม่พอใจถึงพรีเมียร์ลีก “ผมคิดว่าเรามีข้อเรียกร้องที่ดีเกี่ยวกับความปลอดภัยและสุขภาพของผู้เล่น เรามีเคสโควิด 7 เคส พวกเขาต้องเดินทางด้วยรถบัสและอยู่ในนั้นด้วยกันนาน 3 ชั่วโมง พวกเราประชุมทีม ทานอาหารเย็นและอาหารกลางวันด้วยกัน สถานการณ์ไม่ทำให้รู้สึกว่ามันจะจบลง พวกเราผิดหวัง”
เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล เป็นข่าวมาตลอดทั้งสัปดาห์ในเรื่องการแสดงความเห็นเกี่ยวกับโควิด เริ่มจากที่เขาไม่เห็นด้วยถ้าหากจะมีการหยุดการแข่งขัน เพราะไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่า เมื่อหยุดแข่งแล้วสถานการณ์จะดีขึ้น โควิดไม่ได้หายไปไหน เกมที่ลิเวอร์พูลบุกไปเสมอกับสเปอร์สแบบสนุก 2-2 ประตู หงส์แดงลงสนามแบบไม่มีกองกลางตัวจริงและกองหลังคนสำคัญ ฟาบินโญและ ติอาโก อัลคันทารา ติดเชื้อโควิด เช่นกันกับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
ไม่เท่านั้น กุนซือชาวเยอรมันยังตั้งคำถามไปถึงเรื่องการไม่ยอมฉีด “วัคซีน” ของนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอีกด้วย ทั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่นอนว่ามีจำนวนผู้เล่นมากน้อยแค่ไหนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิดในพรีเมียร์ลีก แต่จากการออกมาเรียกร้องให้ผู้เล่นเข้ารับการฉีดวัคซีน พอจะเดาได้ว่าไม่สูงนัก ซึ่งถ้ายึดตามตัวเลขที่เคยเปิดเผยออกมาเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้เล่นในลีกสูงสุดได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแค่ 68 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
โดย EFL หรือ English Football League ที่ดูแล 3 ดิวิชันที่ต่ำกว่าพรีเมียร์ลีกลงไป เปิดเผยว่ามีผู้เล่นกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ปฏิเสธการฉีดวัคซีน เมื่อเทียบกับลีกอื่นๆ ในยุโรปอย่างเซเรีย อา ที่ 98 เปอร์เซ็นต์ของผู้เล่นฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ในลีกเอิง กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของนักฟุตบอลได้รับวัคซีน ไม่ต่างจากบุนเดสลีกา ที่ 94 เปอร์เซ็นต์รับวัคซีนแล้ว ส่วนลาลีกามีสัดส่วนอยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์
สำหรับในพรีเมียร์ลีก บางทีมมีอัตราส่วนผู้เล่นที่ฉีดวัคซีนแล้วมากกว่าทีมอื่นๆ คล็อปป์บอกว่าลิเวอร์พูลมีผู้เล่นที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 99 เปอร์เซ็นต์ และเป็นแนวทางของทีมที่จะไม่เซ็นสัญญากับผู้เล่นที่ไม่ฉีดวัคซีน “ตอนนี้อาจยังไม่ถึงเวลาซื้อตัวผู้เล่น แต่ใช่ สถานการณ์ฉีดวัคซีนจะมีอิทธิพล ถ้าหากผู้เล่นไม่ได้รับวัคซีนเลย เขาจะเป็นอันตรายกับเราทุกคน เขาไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น”
ไม่ใช่แค่คล็อปป์เท่านั้นที่บอกว่าจะไม่เซ็นสัญญากับผู้เล่นที่ไม่ฉีดวัคซีน ทั้ง มิเกล อาร์เตตา ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล, สตีเวน เจอร์ราร์ด นายใหญ่แอสตัน วิลลา และ เอ็ดดี ฮาว ผู้จัดการทีมนิวคาสเซิล ก็คิดไม่แตกต่างกันในนโยบายการเลือกผู้เล่นที่ฉีดวัคซีนแล้วเท่านั้นเข้าสู่ทีม นายใหญ่หงส์แดงยังบอกต่ออีกว่า “ผมรู้ว่าพวกต่อต้านการฉีดวัคซีนจะพูดว่า ‘คล็อปป์บอกให้ไปฉีดวัคซีน แต่ตอนนี้ผู้เล่นของเขาติดโควิด’ แต่มันทำให้คุณมีโอกาสติดเชื้อได้น้อยลง และถ้าคุณเกิดติดเชื้อขึ้นมา มันหมายความว่าคุณจะผ่านมันไปได้ในแบบที่ถูกต้อง”
เรื่องราวของ โจชัว คิมมิช ของบาเยิร์น มิวนิก ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะรับวัคซีนดีหรือไม่ ปรากฏเป็นข่าวออกมาเมื่อเขามีปัญหาที่ปอดและต้องพักยาวจนถึงช่วงปีใหม่ หลังจากที่เจ้าตัวติดเชื้อโควิดในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และคิมมิชถึงกับบอกว่าเขาน่าจะฉีดวัคซีนให้เร็วกว่านี้ คงเป็นตัวอย่างชัดเจนว่าทำไมนักฟุตบอลถึงควรฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ถ้าดูจากกราฟการฉีดวัคซีนในสหราชอาณาจักร ในกลุ่มคนอายุต่ำกว่า 40 ปี มีผู้ได้รับวัคซีนแค่ 75 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และนั่นสะท้อนมายังกลุ่มผู้เล่น โดยเฉพาะผู้เล่นที่อายุ 20 ต้นๆ จากรายงานของ The Athletic เริ่มมีการพูดถึงผลกระทบทางการเงินของนักฟุตบอลถ้าหากไม่ได้รับวัคซีน เช่น ถ้าคุณลงเล่นไม่ได้เพราะโควิด คุณก็จะได้รับค่าเหนื่อยน้อยลง เป็นต้น
เอาล่ะ วัคซีนไม่ได้ป้องกันคุณไม่ให้ติดโควิด เหมือนที่เข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ไม่ได้ป้องกันคุณจากการเกิดอุบัติเหตุ แต่การคาดเข็มขัดนิรภัยหรือการฉีดวัคซีนย่อมดีกว่าการไม่ป้องกันอะไรเลย คุณไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่คุณยังทำเพื่อคนอื่น ถ้าหากฟุตบอลต้องลงสนามแบบไม่มีคนดูอีกรอบ หลายสโมสรอาจจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติทางการเงิน ซึ่งสุดท้ายจะย้อนกลับมายังอนาคตของนักฟุตบอลเอง
และโควิดกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการฟุตบอลไปตลอดกาล ใครจะคิดว่านอกจากฝีเท้าต้องดีแล้ว ยังต้องฉีดวัคซีนโควิดครบด้วยถึงจะได้สัญญาจากสโมสรฟุตบอล
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม