ทุกๆ สโมสรฟุตบอลมี “คัลต์ ฮีโร่” (Cult Hero) นักฟุตบอล ซึ่งเป็นที่รักมากเป็นพิเศษ หรือมีคนติดตามมากกว่าคนอื่นๆ คนที่โดดเด่นขึ้นมา มีชื่อเล่นที่แฟนบอลเรียก มีเพลงเชียร์ ทิ้งความทรงจำทั้งในและนอกสนามไว้ในใจแฟนบอลมากมาย
บรรดา “คัลต์ ฮีโร่” อาจจะไม่ใช่คนที่มากพรสวรรค์ หรือยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ บางครั้งออกแนวเฟอะฟะ แต่ได้ความรักจากแฟนๆ เพราะทำงานหนักเพื่อทีม ซื่อสัตย์กับสโมสร ยิงประตูได้ในนัดสำคัญ และมีช่วงเวลาที่น่าจดจำ หรืออาจจะขบขันในบางที หลายคนเป็น นักฟุตบอล ที่เดาทางได้ยาก น่าตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ลงสนาม เป็นที่ถูกพูดถึงต่อมายาวนานแม้ว่านักฟุตบอลคนนั้นจะออกจากสโมสรหรือแขวนสตั๊ดไปแล้ว
โดยส่วนใหญ่คัลต์ ฮีโร่จะมีจุดอ่อนที่ทำให้แฟนบอลหลงรักและเอาใจช่วย เช่น ดันแคน เฟอร์กูสัน ของเอฟเวอร์ตัน “บิ๊กดั๊งก์” มีชื่อเสียงเรื่องของอารมณ์ที่เดือดง่ายเหลือเกิน ทำเอาคู่แข่งขยาด แต่แฟนบอลทอฟฟี่สีน้ำเงินหลงรักกองหน้าร่างใหญ่จากสกอตแลนด์แบบหัวปักหัวปำ หลายคนสงสัยว่า แล้ว คัลต์ ฮีโร่ กับ มาเวอริก แตกต่างกันยังไง ซึ่งบางครั้งก็แยกกันแทบไม่ออก เช่น จอร์จ เบสต์ ที่เป็นทั้งสองอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นทั้งคัลต์ ฮีโร่ และนักบอลหัวขบถ หลุยส์ การ์เซีย ที่บรรดาเดอะค็อปต่างเรียกเขาว่า “คิงส์หลุยส์” เพราะชอบยิงประตูยากๆ โดยประตูที่อยู่ในความทรงจำของแฟนหงส์แดง คงหนีไม่พ้นลูกยิงใบไม้ร่วงใส่ยูเวนตุสในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีกปี 2005 ดาวเตะสเปนเป็นคัลต์ ฮีโร่ แต่เขาไม่ใช่มาเวอริก
อีกหนทางที่จะก้าวขึ้นมาเป็นคัลต์ ฮีโร่ คือ ต้องยิงประตูชัยได้ในช่วงท้ายเกมสำคัญๆ เช่น จิมมี กลาสส์ อดีตผู้รักษาประตูของคาร์ไลล์ ยูไนเต็ด ในดิวิชัน 3 ซึ่งยิงประตูในช่วงท้ายเกมทำให้ต้นสังกัดคว้าชัย และไม่ตกชั้นจากฟุตบอลลีก หรือ โอเล กุนนาร์ โซลชา ที่ยิงประตูส่งให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าทริปเปิลแชมป์ในปี 1999
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่นักฟุตบอลธรรมดากลายมาเป็นฮีโร่ของแฟนบอลก็คือ การเป็นผู้เล่นแบบ One Man Club แจ้งเกิด ลงเล่น และแขวนสตั๊ดให้สโมสรเดียว หรืออย่างน้อยๆ ก็ลงเล่นให้ทีมเดิมทีมเดียวเกือบทั้งชีวิต ซึ่งบางครั้งมันทำให้พวกเขาเหล่านั้นเป็นตำนาน แต่ไม่ใช่คัลต์ ฮีโร่ เช่น สตีเวน เจอร์ราด, ไรอัน กิ๊กส์ และ จอห์น เทอร์รี ทั้งสามคนเป็น “ตำนาน” (Legend) แต่ แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ของเซาแธมป์ตันนั้น เป็นทั้งคัลต์ ฮีโร่ และเป็นตำนานด้วย
ในอังกฤษ ผู้เล่นต่างชาติหลายคนได้สถานะคัลต์ ฮีโร่ประจำสโมสร เช่น เปาโล ดิ คานิโอ ที่เวสต์แฮม กองหน้าที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง เจ้าอารมณ์ และยิงประตูระดับโลก เช่น ลูกวอลเลย์ที่ยิงใส่วิมเบิลดัน แม้ว่าดูขี้โมโห แต่ดาวเตะอิตาลีก็มีน้ำใจนักกีฬาในระดับที่หาตัวจับได้ยาก เช่น ในเกมที่พบกับเอฟเวอร์ตัน เขามีโอกาสยิงประตู แต่กลับเอามือจับลูกบอลและหยุดเล่น เมื่อเห็นว่าผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้ามได้รับบาดเจ็บ หรือ ยูริ จอร์เกฟฟ์ ที่ย้ายมาร่วมทีมโบลตัน แบบเซอร์ไพส์ไปทั้งยุโรป เมื่อ แซม อัลลาไดซ์ สร้างทีมขึ้นมาใหม่ ร่วมด้วย อิวาน คัมโป และ เจย์-เจย์ โอโคชา ดาวเตะฝรั่งเศสชุดแชมป์โลกและแชมป์ยุโรปยิงประตูสวยๆ มากมายที่โบลตัน เช่น ลูกจักรยานอากาศที่ยิงใส่ชาร์ลตัน
หรือสำหรับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฌอน โกเตอร์ (Shaun Goater) คือ คัลต์ ฮีโร่ เขาคือ The GOAT ก่อนที่เรือใบสีฟ้าจะมี เซร์คิโอ อเกวโร เรื่องราวของนักบอลจากเบอร์มิวดาที่กุมใจชาวเรือใบสีฟ้า วันที่ 21 มิถุนายนของทุกปีถูกเรียกว่า “วันของ ฌอน โกเตอร์” เจ้าของฉายา เดวิด เบ็คแฮม แห่งเบอร์มิวดา ยิง 103 ประตู ใน 189 นัด พาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากดิวิชัน 3 ขึ้นสู่ลีกสูงสุด อาจจะไม่ใช่จอมเทคนิคหรือวิ่งได้เร็ว แต่เมื่อไรที่ทีมต้องการประตู เขาจะอยู่ตรงนั้น
ไม่เสมอไปที่คัลต์ ฮีโร่จะต้องพาทีมประสบความสำเร็จ หรือยิงประตูที่น่าจดจำ แต่บางครั้งความไม่เอาอ่าว ยิงประตูไม่ได้ ก็ทำให้แฟนบอลหลงรักได้เช่นกัน เช่น ดิเอโก ฟอร์ลัน กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ศูนย์หน้าอุรุกวัยยิงประตูเป็นกอบเป็นกำได้ทุกสโมสรที่เขาไปค้าแข่ง ทั้งแอตเลติโก มาดริด หรือบียาร์เรอัล แต่ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาทำตัวเป็นศูนย์หน้าจอมเฟอะฟะ ชอบทำหมูหกหน้าปากประตูเสมอๆ ยิงได้แค่ 10 ประตูใน 63 นัดให้ปีศาจแดง โดยมี 2 ประตูสำคัญที่แอนฟิลด์ที่ทำให้เขาเป็นที่รักของแฟนบอล มีเรดอาร์มีกลุ่มหนึ่งเอาใจช่วย
มันไม่มีหนทางที่แน่นอนในการก้าวขึ้นมาเป็น “คัลต์ ฮีโร่” แต่สิ่งหนึ่งที่มีเสมอก็คือ นักฟุตบอลเหล่านั้นต้องมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับแฟนบอลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถูกแฟนบอลรักทั้งๆ ที่บางครั้งไม่ได้เป็นผู้เล่นระดับโลก แล้วทีมที่คุณเชียร์ล่ะ มีใครเป็นคัลต์ ฮีโร่ บ้าง
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม