เดเล อัลลี กับ บทเริ่มต้นชีวิตที่ถูกทำร้ายก่อนวัย 12 ขวบ
มารดาติดสุราเรื้อรังตั้งแต่เกิด, เพื่อนมารดาข่มขืน ตอน 6 ขวบ, สูบบุหรี่หนัก ตอน 7 ขวบ, ถูกส่งไปแอฟริกาเพื่อดัดนิสัย ตอน 7 ขวบ, เป็นเด็กส่งยา จนค้ายาด้วยตัวเอง ตอน 8 ขวบ, ถูกจับแขวนคอใต้สะพาน ตอน 11 ขวบ
นอกจากนี้ ยังถูกมารดาปฏิเสธการเลี้ยงดู จนต้องหาครอบครัวอุปถัมภ์ในวัย 12 ปี ซึ่งเป็นครอบครัวของเพื่อนนักเตะทีมเยาวชนของ เอ็มเค ดอนส์
ว่ากันว่า เด็กในช่วงแรกเกิดจนถึง 7 ปี จะเป็นช่วงที่บุพการีต้องเอาใจใส่ให้มากๆ
เพราะการอบรมสั่งสอน ปลูกฝังความคิด และ การเลี้ยงดูในช่วงขวบวัยดังกล่าว จะกลายเป็นการปลูกฝังอุปนิสัย หรือที่เรียกว่า สันดอน แล สันดาน และ กลายเป็นทัศนคติติดตัวไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งจะทำให้ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะดัดได้ในภายหลัง
ถ้อยคำให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจของ เดลี อัลลี ในรายการ Overlap ทางช่อง Sky sports ต่อหน้า แกรี เนวิลล์ จนทำให้ผู้ดำเนินรายการถึงกับปิดซ่อนความสะเทือนใจในฐานะรุ่นพี่ และ ในฐานะมนุษย์เดินดินเอาไว้ไม่ได้
ชีวิตของ อัลลี ในวันที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ก็เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันอีกครั้งว่า สถิติเกิน 65% เป็นฝีมือของคนในครอบครัว, คนรู้จัก, คนรอบตัว ที่ระวังได้ยากยิ่ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรุนแรงที่เขาได้รับในวัยเด็ก รวมทั้งการขาดความอบอุ่นจากมารดา ได้กลายเป็นบาดแผลเรื้อรังที่ฝังเอาไว้ภายในเบื้องลึกของจิตใจ และ คอยทำลายหัวใจให้อ่อนแรงลงในทุกๆ วัน
คนเหล่านี้ภายนอกอาจจะร่าเริงสดใส แต่เมื่อเขาถูกทดสอบจากความกดดัน หรือ ตำหนิติเตียน แผลดังกล่าวจะออกมาซ้ำเติมให้สภาพจิตใจบอบช้ำมากกว่าคนปกติ
จนเกิดเป็นอาการฝันร้าย ว้าวุ่น อันส่งผลให้นอนไม่หลับ สุดท้ายต้องพึ่งพายานอนหลับ, สุรา และ ราตรีอันเต็มไปด้วยอบายมุขนานา
เคมีสีดำจะควบคุมสมอง อันส่งผลให้ตรรกะของคนเหล่านี้ผิดเพี้ยนไป จนส่งผลต่อพฤติกรรม หรือ การแสดงออก ที่น้อยคนมากๆ จะเข้าใจ
ในยามที่พวกเขาประสบปัญหา การโอบกอด, การตบไหล่ และ ถ้อยคำให้กำลังใจธรรมดา ไม่สามารถเยียวยาหัวใจได้
แล้วในวันที่ถูกรุมด่า โดยเฉพาะจากกลุ่มคนที่พวกเขาหวังว่าจะเป็นคนที่เข้าใจ และ ยืนเคียงข้าง จึงยิ่งส่งผลกระทบที่รุนแรงกว่าเดิม
บางคนใช้ชีวิตแบบซังกะตาย บางคนใช้ชีวิตราวกับไร้ค่า บางคนไปไกลถึงขนาดรู้สึกว่าตนเองไม่สมควรอยู่ต่อไป
การบำบัด และ ยา คือการแก้ปัญหาที่พวกเขาต้องได้รับอย่างเหมาะสม
ทีมกีฬาจึงมักจะมีนักจิตวิทยาคอยดูแล และ สังเกตพฤติกรรมของนักกีฬาในเบื้องต้น เพราะสารเคมีบางตัวที่หลั่งในวันแข่งสามารถตกค้างจนมีผลในการใช้ชีวิตได้
ถ้าโชคดี การเปิดใจคุยสามารถเคลียร์มลภาวะให้หายไปได้เรื่อยๆ
แต่ถ้าบางคนไปไกลกว่านั้น อย่างเช่น เดเล อัลลี การพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ไม่อะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับตัวของเธอเอง จึงไม่ใช่เพลงที่ถูกต้องสำหรับเขา และ อีกหลายคน
เพราะเคมีฝั่งมารในสมองทรงพลังกว่าคำคม หรือ อ้อมกอดอุ่นๆ แต่การบำบัดคือคำตอบที่ถูกต้อง และ เหมาะสม
ซึ่งต้องยอมรับว่าบางคนอาการดีขึ้นจนกลับมาเป็นคนที่มีชีวิตได้เป็นปกติ แต่ไม่สามารถคืนฟอร์มในนามของนักกีฬาได้
เดเล อัลลี จึงอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อดังกล่าว
ในฐานะนักเตะตัวรุก หลายคนเคยชื่นชม และ หวังว่าเขาจะไปไกลในระดับโลกได้
แต่ ณ วันนี้ เดเล ต้องรุกใส่หัวใจตัวเอง แล้วลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งเพื่อตนเองให้ได้