ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ชีวิตด้านมืดของนักฟุตบอลถูกนำมาเปิดเผยออกสื่อมากมาย เป็นข่าวคราวไม่เว้นแต่ละวัน เริ่มตั้งแต่ เมสัน กรีนวู้ด กองหน้าอนาคตไกลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาจนถึงกรณีของ เคิร์ท ซูมา ปราการหลังของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยังมีกรณีของอดีตนักฟุตบอลอย่าง มาร์ค โอเวอร์สมาร์ส ที่ทำให้วงการฟุตบอลต้องหันมาตั้งคำถามถึงคุณธรรมนอกสนามของเหล่าฮีโร่ในทุ่งหญ้าแห่งความฝัน
ภาพวิดีโอที่แฟนสาวของ เมสัน กรีนวู้ด ถูกทำร้ายร่างกาย กลายเป็นวาระระดับโลก แฟนบอลแสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นานา แต่ส่วนใหญ่สาปส่งกองหน้าวัยรุ่นของปีศาจแดงไปแล้วเรียบร้อย การออกมาประกาศของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่า เมสัน กรีนวู้ด จะไม่ได้ลงเล่นให้ทีมอีกจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เหมือนเป็นการลงดาบตัดสินอนาคตของกรีนวู้ดไปแล้วเรียบร้อย สโมสรยังเปิดให้แฟนบอลนำเสื้อของกรีนวู้ดที่ซื้อไปแล้วมาเปลี่ยนได้ด้วย แม้ว่าเรื่องราวยังต้องไปพิสูจน์กันต่อในกระบวนการยุติธรรม แต่แฟนบอลคงจดจำเรื่องนี้และจะเป็นตราบาปที่ติดตัวเขาไปตลอดชีวิต
ไม่กี่วันถัดมามีภาพวิดีโอของ เคิร์ท ซูมา กองหลังตัวเก่งของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปลี่ยนจากเตะลูกบอลมาเป็นเตะแมวที่บ้านแทน เท่านั้นเอง เหล่าแฟนบอลและทาสแมวก็เรียกร้องให้มีการจัดการขั้นเด็ดขาดกับอดีตผู้เล่นของเชลซีทันที แต่เกมถัดมาของขุนค้อน เดวิด มอยส์ ยังส่งกองหลังฝรั่งเศสลงสนาม งานเลยเข้าขุนค้อนที่เสียสปอนเซอร์อย่างน้อยๆ 2 เจ้า ส่วนรายของซูมาก็ถูกอาดิดาสตัดขาด นอกจากนั้นยังมีการลงชื่อกว่า 150,000 คน เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีทารุณสัตว์กับกองหลังชื่อดัง
เมื่อถูกกระแสสังคมถาโถม เวสต์แฮมเลยต้องออกมาจัดการกับกองหลังตัวความหวัง ด้วยการปรับเงินค่าเหนื่อย 2 สัปดาห์ ราวๆ 250,000 ปอนด์ โดยจะนำเงินไปมอบให้องค์กรการกุศลช่วยเหลือต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์ แต่ผลที่ตามมาคือ นักฟุตบอลบางส่วนของทีมไม่พอใจ เพราะทำให้พวกเขารู้ว่าซูมาได้รับค่าเหนื่อยอันดับต้นๆ ของสโมสร จนมีการเรียกร้องขอขึ้นค่าเหนื่อยตามมาอีก
เรื่องราวของ เมสัน กรีนวู้ด และ เคิร์ท ซูมา ไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่มีความละม้ายคล้ายคลึงกันอยู่พอสมควร ทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นนอกสนาม และพูดได้ว่าเกิดในพื้นที่ส่วนตัวของทั้งคู่ แต่มันส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวมเป็นวงกว้าง สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ เคิร์ท ซูมา เป็นกุญแจสำคัญของเวสต์แฮมในการพาทีมลุ้นติด Top 4 ในฤดูกาลนี้ ส่วนกรีนวู้ดนั้นไม่ใช่ แฟนบอลเวสต์แฮมบางส่วนออกมาบอกว่า ซูมาถูกลงโทษแล้วก็ควรจะจบ เขาไม่ควรจะหมดอนาคตเพราะเรื่องดังกล่าว ขณะที่แฟนบอลปีศาจแดงนั้นออกมาเรียกร้องให้สโมสรตัดหางปล่อยวัดกรีนวู้ดแทบจะทันที เพื่อนร่วมทีมก็พากันเลิกติดตามทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าระดับความผิดมันแตกต่างกัน คนหนึ่งทำร้ายผู้หญิง ส่วนอีกคนทำร้ายแมว
คำถามก็คือว่า แฟนบอลอย่างเรามีสิทธิ์มากแค่ไหนที่จะไปตัดสินชะตากรรมของนักฟุตบอลสักคน เพื่อนร่วมทีมของ เคิร์ท ซูมา อย่าง มิคาอิล อันโตนิโอ ออกมาย้อนถามสังคมว่า “ผมมีคำถามจะถามคุณ คุณคิดว่าสิ่งที่เขา (ซูมา) ทำนั้นเลวร้ายกว่าการเหยียดสีผิวไหม? ผมไม่ยอมรับสิ่งที่เขาทำ ผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำ แต่มันมีบางคนที่ถูกตัดสินว่าเหยียดสีผิว พวกเขาถูกลงโทษแค่แบน 8 เกม หรืออะไรก็ตามแต่ ผู้คนออกมาเรียกร้องให้ซูมาถูกไล่ออกหรือหมดอนาคต แต่คำถามของผมคือ สิ่งที่เขาทำนั้นเลวร้ายมากกว่าคนที่ถูกตัดสินว่าเหยียดสีผิวเหรอ?”
เราอาจจะงงๆ ว่า ทำไมศูนย์หน้าขุนค้อนถึงเอาสองเรื่องนี้มาโยงเข้าด้วยกันได้ สิ่งที่อันโตนิโอพูดก็คือ ทุกคนทำตัวเป็นคนรักสัตว์ ออกมาปกป้องสัตว์ แต่เราควรจะทำอะไรได้มากกว่านี้เพื่อสิทธิ์ของนักฟุตบอลผิวดำไหม ถ้าเรากำลังเรียกร้องให้นักฟุตบอลมีศีลธรรมทั้งในและนอกสนาม แล้วเมื่อไหร่แฟนบอลแบบเราจะทำตัวให้มีคุณธรรมต่อนักฟุตบอล หรือออกมาปกป้องฮีโร่ในสนามมากกว่านี้ เรายังเห็นข่าวแฟนบอลตะโกนเหยียดสีผิวใส่นักฟุตบอล ยังมีเรื่องแฟนบอลขว้างปาข้าวของลงไปในสนามหวังทำร้ายนักฟุตบอล หรือล่าสุดแฟนบอลเลสเตอร์วิ่งลงไปต่อยผู้เล่นของน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ถึงในสนาม
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่นักฟุตบอลทำ ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์ไปไกลกว่าฟอร์มการเล่นในสนาม ล่าสุดกรณีของ เดเล อัลลี หลังย้ายจากสเปอร์สมาเล่นให้เอฟเวอร์ตัน การแต่งกายของตัวรุกทีมชาติอังกฤษถูกหยิบมาพูดถึงหลายครั้ง เริ่มมาจาก เกล็นน์ ฮอดเดิล ที่บอกว่าเสื้อผ้าที่อัลลีใส่มาเปิดตัวที่สนามกูดิสัน พาร์ค ไม่เหมาะสมกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ราวกับว่าเขาถูกดึงตัวมาจากข้างถนน จน แฟรงก์ แลมพาร์ด กุนซือใหม่ป้ายแดงของทอฟฟี่สีน้ำเงินต้องออกมาบอกว่า เขาไม่สนใจหรอกว่านักฟุตบอลคนใหม่ของทีมจะแต่งตัวแบบไหนหรือขับรถอะไร ตราบใดที่ทำผลงานในสนามได้ดี ก็จบ
เดวิด กู๊ดวิลลี หนึ่งในนักฟุตบอลดาวรุ่งของสกอตแลนด์ ถูกศาลแพ่งตัดสินว่าผิดฐานข่มขืน ซึ่งเรื่องเกิดขึ้นในปี 2011 และต้องชดใช้ค่าเสียให้เหยื่อ สุดท้ายนอกจากจะไม่ต้องติดคุกแล้ว เขายังไม่จ่ายเงินชดเชยให้เหยื่ออีกเพราะประกาศว่าล้มละลาย ซึ่งถ้าย้อนกลับไปดูประวัติ กู๊ดวิลลีก่อคดีมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำร้ายร่างกายผู้อื่นหลายต่อหลายครั้ง
ในปี 2017 ทั้งๆ ที่คดีข่มขืนยังคาอยู่ในชั้นศาล ประวัติไม่ค่อยจะดี คดีก็มีติดตัว แต่ฝีเท้าดี สโมสร Clyde เซ็นสัญญากับกู๊ดวิลลี กว่า 4 ฤดูกาลที่เจ้าตัวได้ลงเล่นฟุตบอล ยิงไป 92 ประตูใน 140 นัด ได้รับรางวัลมากมาย และเสียงชื่นชมจากแฟนบอล เรื่องร้ายๆ ที่ทำไว้ดูจะไม่มีผลกระทบกับเขาเท่าไรนัก แฮร์รี เรดแนปป์ เคยออกมาบอกว่า ในโลกฟุตบอลต่อให้คุณเลวร้าย หากทำให้ทีมชนะแฟนบอลก็บูชาคุณอยู่ดี “ถ้าคุณคุมทีม และพาทีมชนะทุกๆ สัปดาห์ ต่อให้คุณเป็น ซัสดัม ฮุสเซน พวกเขาก็จะร้องเพลงเชียร์คุณอยู่ดี”
อะไรคือสิ่งที่เราคาดหวังจากฟุตบอล? แค่กีฬา หรือมากกว่านั้น? โซเชียลมีเดียทำให้เราทุกคนพร้อมที่จะทำหน้าที่ผู้พิพากษา สนับสนุนให้เราแคนเซิลใครสักคนเพียงแค่กดนิ้วมือลงบนแป้นคีย์บอร์ด เมสัน กรีดวู้ด ยังต้องไปต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ต้องไม่ลืมว่าแม้จะมีภาพวิดีโอของการถูกทำร้ายและเทปเสียงบทสนทนา แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนและเกิดในที่ลับ ถ้าสุดท้ายเจ้าตัวพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาจะยังมีอนาคตในโลกฟุตบอลไหม แล้วความผิดของ เคิร์ท ซูมา นั้นเพียงพอแล้วหรือที่จะทำให้เขาหมดอนาคต
ก่อนที่เราจะถามหาความรับผิดชอบจากนักฟุตบอล เราลองถามตัวเองดูว่า ในฐานะแฟนบอล ระหว่าง ผู้เล่นคุณธรรมสูงส่งที่ทำผลงานงั้นๆ กับ นักฟุตบอลที่มีด้านมืด ทำผิดแบบเห็นๆ กันอยู่ แต่พาทีมชนะทุกสัปดาห์ ตัวเราเองจะเลือกแบบไหน และเรามีสิทธิ์อะไรที่จะไปตัดสินชีวิตคนอื่น
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม