เคยได้ยินชื่อ “วินด์รัชเจเนอเรชั่น” ไหม พวกเขาคือ กลุ่มคนที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ และนักฟุตบอลผิวดำไปตลอดกาล
รู้ไหมว่าเกินครึ่งของนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษชุดฟุตบอลยูโร 2020 มีพ่อ, แม่, ปู่, ย่า, ตา หรือยาย อย่างน้อย 1 คนที่เกิดนอกเกาะอังกฤษ ราฮีม สเตอร์ลิง, ไคล์ วอล์คเกอร์ และ คัลวิน ฟิลลิปส์ สืบเชื้อสายมาจากจาเมกา บูกาโย ซากา มาจากไนจีเรีย มาร์คัส แรชฟอร์ด มาจากหมู่เกาะเซนต์คิตส์ สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน คือ พวกเขาเป็นนักฟุตบอลผิวดำ และเกือบทุกคนเกิดในครอบครัวที่มีต้นกำเนิดมาจาก “วินด์รัชเจเนอเรชั่น” ( Windrush Generation)
หลังเสียงปืนของสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ท่ามกลางซากปรักหักพัง อังกฤษประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก ทางแก้เดียวคือ การนำแรงงานจากชาติในเครือจักรภพ และชาติอื่นๆ เข้ามาทำงานบนเกาะอังกฤษ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เดินทางมาจากชาติในแอฟริกา, จาเมกา, ตรินิแดดและโตเบโก รวมทั้งหมู่เกาะอื่นๆ ในทะเลแคริบเบียน เริ่มต้นในปี 1948 เมื่อเรือ HMT Empire Windrush นำผู้โดยสารกว่า 492 คน หลายคนยังเป็นเด็ก เข้าเทียบท่าที่ทิลบูรี ประเทศอังกฤษ ชื่อเรือเลยกลายมาเป็นชื่อของกลุ่มผู้อพยพที่เข้ามาในตอนนั้น
โดยนิยามวินด์รัชเจเนอเรชั่น คือ กลุ่มคนในเครือจักรภพ และประเทศในแอฟริกา หมู่เกาะต่างๆ ในทะเลแคริบเบียนที่เข้ามายังสหราชอาณาจักรระหว่างปี 1948-1973 โดยคาดการณ์กันว่ามีประมาณ 500,000 คน ที่เข้ามาลงหลักปักฐานทำงานในอาชีพต่างๆ ที่อังกฤษ ซึ่งหนึ่งในอาชีพที่วินด์รัชเจเนอเรชั่นมีบทบาทมาก คือ นักฟุตบอล ที่กลายมาเป็นรากฐานสำคัญของนักฟุตบอลผิวดำในเกาะอังกฤษ
ย้อนกลับไป ฟุตบอลลีกของอังกฤษก่อตั้งในปี ค.ศ. 1888 นักฟุตบอลผิวดำคนแรกที่ได้เล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษคือ อาเธอร์ วาร์ตัน กับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด วาร์ตันเดินทางจากกานามาอังกฤษเพื่อเป็นมิชชันนารี แต่ถูกเซ็นสัญญาลงเล่นฟุตบอลอาชีพแทน จึงพอพูดได้ว่านักฟุตบอลผิวดำไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของวงการฟุตบอลอังกฤษมาแต่ไหนแต่ไร และเรื่องเหยียดสีผิวก็มีมาตลอดเช่นกัน
วอลเตอร์ ทัลล์ เป็นอีกหนึ่งนักฟุตบอลผิวดำยุคบุกเบิก เขาลงเล่นในระดับสมัครเล่นกับแคลปตัน เอฟซี ก่อนที่สเปอร์สจะเห็นแววและดึงตัวเขาไปร่วมทีม แต่ทัลล์ถูกแฟนบอลและคู่ต่อสู้เหยียดผิวอย่างหนักจนไก่เดือยทองเกิดความกลัว และส่งเขาไปเล่นที่นอร์ทแธมป์ตัน ทาวน์ ในปี 1911 เขารับใช้ชาติในสงครามโลกครั้งที่ 1 และเสียชีวิตในสงครามที่ซอมม์ ในปี 1918 ทัลล์ยังถูกปฏิเสธเหรียญกล้าหาญเพราะเป็นชายผิวดำอีกด้วย
ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะเริ่มต้นขึ้นมี 18 สโมสรในอังกฤษที่มีผู้เล่นผิวดำลงสนาม และหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง เมื่ออังกฤษเริ่มนำเข้าแรงงานจากชาติในเครือจักรภพ มีอีก 29 สโมสรที่มีผู้เล่นผิวดำจากวินด์รัชเจเนอเรชั่นลงสนามเป็นครั้งแรก หนึ่งในนั้นคือ เบรนดอน บัตสัน เกิดที่เกรเนดาในปี 1953 เขาเดินทางมาอังกฤษตอนอายุ 9 ขวบพร้อมครอบครัว และกลายมาเป็นนักฟุตบอลผิวดำคนแรกของอาร์เซนอลในปี 1972
นักฟุตบอลหลายคนเป็นมรดกทางสายเลือดของคนในยุควินด์รัชเจเนอเรชั่น เกิดจากพ่อและแม่ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแคริบเบียน เหมือนกับ ลอรี คันนิงแฮม ที่พ่อและแม่มาจากจาเมกา เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลที่เลย์ตัน โอเรียนต์ ก่อนย้ายไปร่วมทีมเวสต์บรอมวิช อัลเบียน ในปี 1977 และเป็นผู้เล่นผิวดำคนแรกของสโมสรที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ย้ายไปสเปน ช่วยให้เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยุโรป ก่อนที่จะเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ที่สเปนในวัย 33 ปี
อีกคนคือ ซีริลล์ เรจิส เกิดที่เฟรนช์เกียนา ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษในปี 1962 เริ่มต้นจากทีมนอกลีก ก่อนที่เวสต์บรอมวิช อัลเบียน จะคว้าตัวมาร่วมทีม และที่นี่เองที่ทั้ง ลอรี คันนิงแฮม, เบรนดอน บัตสัน และ ซีริลล์ เรจิส สามนักฟุตบอลผลพวงจากวินด์รัชเจเนอเรชั่นลงสนามร่วมกันในปี 1978 ถูกแฟนบอลเรียกขานว่า The Three Degrees ตามชื่อของวงดนตรีที่กำลังโด่งดังในตอนนั้น
ในยุค 1970 การเหยียดสีผิวยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และเป็นเรื่องธรรมดาในอังกฤษ The Three Degrees แห่งเวสต์บรอมวิชถูกเหยียดผิว ถูกถ่มน้ำลายใส่ มีจดหมายแสดงความเกลียดชังรวมทั้งการขู่ฆ่าส่งเข้ามาตลอดเวลา ทว่าในที่สุดพวกเขากลายเป็นผู้เบิกทางให้นักฟุตบอลผิวดำคนอื่นๆ ในยุคถัดมา โดยกลางเมืองเวสต์บรอมวิชมีอนุสาวรีย์ของทั้งสามคนนี้ตั้งตระหง่านอยู่ เพื่อบอกเล่าถึงความกล้าหาญในสนามฟุตบอลของพวกเขา
อีกหนึ่งนักฟุตบอลจากวินด์รัชเจเนอเรชั่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คงจะเป็น วิฟ แอนเดอร์สัน เกิดที่เมืองน็อตติงแฮม โดยพ่อและแม่ย้ายมาจากจาเมกา แอนเดอร์สันเป็นหนึ่งในผู้เล่นยุครุ่งเรืองของน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ภายใต้การคุมทีมของ ไบรอัน คลัฟฟ์ ที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ และฟุตบอลยูโรเปี้ยนส์คัพสองสมัยติดต่อกัน ก่อนจะย้ายมาได้แชมป์ลีกคัพกับอาร์เซนอล และเอฟเอ คัพ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วิฟ แอนเดอร์สัน ยังเป็นผู้เล่นผิวดำคนแรกที่ได้ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษครบ 90 นาทีในเกมระดับนานาชาติ
ในยุค 1990 นักฟุตบอลที่สืบเชื้อสายมาจากคนในยุควินด์รัชเจเนอเรชั่น สร้างผลกระทบกับฟุตบอลอังกฤษเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนนักฟุตบอลที่สืบเชื้อสายมาจากหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียนมีมากขึ้น รวมทั้งผู้เล่นอย่าง เอียน ไรท์, เลส เฟอร์ดินานด์, จอห์น บาร์นส์ และ พอล อินซ์ ซึ่งในปี 1993 เขาเป็นนักฟุตบอลผิวดำคนแรกที่รับหน้าที่กัปตันทีมชาติอังกฤษ
ไม่นานมานี้เรื่องราวของวินด์รัชเจเนอเรชั่นถูกนำมาพูดถึงในสังคมอังกฤษอีกครั้ง เพราะกรณีอื้อฉาวของรัฐบาลอังกฤษกับการปฏิเสธสิทธิทางกฎหมาย การเข้ารับการรักษาพยาบาล และการขู่ที่จะเนรเทศคนจากยุควินด์รัชเจเนอเรชั่นที่ไม่มีเอกสารการเข้าเมืองที่ถูกต้องกว่า 83 เคส จนสุดท้ายทางรัฐบาลอังกฤษต้องออกมาขอโทษในเรื่องดังกล่าว และยังมีการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้กับเหล่าวินด์รัชต่อไป
มรดกทางสายเลือดจากคนในยุควินด์รัชเจเนอเรชั่นทำให้เราได้เห็นนักฟุตบอลฝีเท้าดีมากมาย ในช่วงเวลาที่การเหยียดสีผิวทำได้ง่ายขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย การย้อนกลับไปดูว่าสิ่งที่คนในยุคก่อนหน้าได้บุกเบิกฝ่าฟันมาก็ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า ทำไมนักฟุตบอลยังคงต้องคุกเข่าก่อนเริ่มเกมเพื่อเรียกร้องความเสมอภาคเท่าเทียมกันของคนทุกสีผิว
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม