ทีมชาติหญิงไทย เป็นชาติแรกของอาเซียน ที่เข้าร่วม ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ เมื่อปี 2015
อันเป็นชาติที่ 6 ต่อจาก จีน , ญี่ปุ่น , ไชนีส ไทเป , เกาหลีเหนือ , เกาหลีใต้ (ขออนุญาตไม่นับรวมออสเตรเลีย)
แล้วก็กลายเป็นชาติแรกของอาเซียน ที่ทำประตูได้ และ สามารถเก็บชัยชนะได้สำเร็จ เมื่อเอาชนะ ทีมชาติไอวอรี โคสต์ 3-2 จากประตูของ อรทัย ศรีมะณี (2) กับ ธนัสถา ชาวงษ์
ซึ่งการแพ้ต่อสองมหาอำนาจของยุโรปอย่าง เยอรมนี กับ นอร์เวย์ 0-4 ทั้งสองนัด ทำให้เราพลาดการเข้ารอบน็อคเอาท์ไปอย่างฉิวเฉียดจากผลต่างประตูได้เสีย
แต่ก็ทำให้เราจบในอันดับที่ 17/24 เป็นอันดับที่ดีที่สุดของอาเซียนตลอดกาล
ส่วนในฟุตบอลโลก 2019 ที่ฝรั่งเศส เรากลายเป็นชาติที่แพ้ยับมากที่สุดตลอดกาลจากการถูกแชมป์โลก สหรัฐอเมริกา ถล่มไป 0-13
ตามมาด้วยการแพ้ สวีเดน 1-5 จากประตูตีไข่แตกของ กาญจนา สังข์เงิน และ แพ้ในนัดสุดท้ายต่อ ชิลี 0-2 ตกรอบเป็นทีมบ๊วยของทัวร์นาเมนต์นั้น
ซึ่งแย่ที่สุดเท่าที่ฟุตบอลโลกหญิงเคยจัดแข่งมา จากการแพ้รวด 3 นัด ยิงได้ 1 เสีย 20
ในฟุตบอลโลกหญิง 2023 ฟิลิปปินส์ เอาชนะ นิวซีแลนด์ เจ้าภาพ 1-0 กลายเป็นชาติที่สองของอาเซียนที่ทำได้ แม้จะแพ้ให้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-2 และโดน ทีมชาตินอร์เวย์ ถล่มปิดท้าย 6-0 แต่ก็ตกรอบแบบสมศักดิ์ศรี
ส่วน ทีมชาติเวียดนาม ก็ประสบความพ่ายแพ้ 3 นัดรวด ชนิดยิงใครไม่ได้ ด้วยผลงาน 0-13 ต่ออเมริกา , 0-2 ต่อ โปรตุเกส และ 0-7 ต่อ เนเธอร์แลนด์
นั่นจึงทำให้ ทึมชาติหญิงของย่านนี้ ยังต้องพัฒนาอีกมาก ทั้งในเรื่องของฟุตบอลอาชีพ , ระบบลีก , วิทยาศาสตร์การกีฬา , งบประมาณ และ การต่อกรกับทีมใหญ่ให้เกิดการลดช่องว่างลง