“ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก 10 สมัย บรรลุข้อตกลงร่วมมือกับ เอฟซี เอาก์สบวร์ก ยอดทีมจากบุนเดสลีกา ประเทศเยอรมนี เป็นระยะเวลา 3 ปี ร่วมกันพัฒนาระบบฟุตบอลเยาวชน ไปตลอดจนช่วยกันเดินหน้าพัฒนาบุคลากรด้านฟุตบอล เพื่อให้ก้าวทันโลกฟุตบอลสมัยใหม่
สืบเนื่องจากโครงการบุนเดสลีกา ดรีม “Bundesliga Dream” เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการค้นหานักฟุตบอลระดับเยาวชน ที่มีฝีเท้าดีจากทั่วทุกมุมโลก รวมไปถึงนักเตะเยาวชนของประเทศไทย ไปเป็นตัวแทน เพื่อเปิดประสบการณ์ฟุตบอล และฝึกทักษะลูกหนังกับทีมในบุนเดสลีกา ประเทศเยอรมนี เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ โดยหนึ่งในนั้นมี เคน ภาณุวิชญ์ เจยาคม ซึ่งเป็นนักเตะของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี ได้ถูกคัดเลือกโดยสโมสร เอฟซี เอาก์สบวร์ก เพื่อให้ไปฝึกทักษะฟุตบอล และเรียนรู้ข้อมูลเบื้องหลังของการก้าวไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ในอนาคต รวมถึงได้เรียนรู้ประสบการณ์พิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย
ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 25 มิถุนายน 2568 สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เล็งเห็นคุณภาพ และการพัฒนาบริหารจัดการระบบอะคาเดมี รวมถึงการพัฒนาบุคลากรผู้ฝึกสอน อย่างมืออาชีพ ได้จับมือทำการต่อยอด ร่วมมือกับ สโมสรเอฟซี เอาก์สบวร์ก เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้ และพัฒนาพัฒนาเยาวชน ให้ก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของฟุตบอลอาชีพในอนาคต
โดย ปิแอร์ แลมเมอร์เมเยอร์ (Pierre Lemmermeyer) ตัวแทนกรรมการบริหารของสโมสร เอฟซี เอาก์สบวร์ก กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “พวกเราตั้งตารอคอยการเปิดตัวการเซ็นสัญญาจับมือทำความร่วมกันกับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งการจับมือในครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับเราทั้ง 2 สโมสร หลังจากจบโครงการบุนเดสลีกา ดรีม ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยการพูดคุยกันถึงความร่วมมือครั้งนี้ สโมสรเอฟซี เอาก์สบวร์ก ได้เล็งเห็นศักยภาพ ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะทำให้สโมสรไทยอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะกลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีแฟนบอลรู้จักเพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศ และในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งจะนำบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปสู่การเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศไทย ไปอย่างยาวนาน”
“ทางสโมสรเอฟซี เอาก์สบวร์ก เชื่อว่าการจับมือเป็นพันธมิตรลูกหนังกันในครั้งนี้ ทั้ง 2 สโมสรจะได้จะได้รับประโยชน์ร่วมกัน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ รวมถึงทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายระหว่างประเทศใหม่ ๆ และจะสนับสนุนการเติบโตของกันและกัน การหารือกับตัวแทนของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ผ่านมาเป็นไปในทางที่ดีมาก ๆ เพราะเราต่างเป็น สโมสรที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม รวมถึงมีการพัฒนาเยาวชน ที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน สโมสรเอฟซี เอาก์สบวร์ก”
สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้นอกเชื่อจากการพัฒนาเยาวชน ทางสโมสรเอฟฟซี เอาก์สบวร์ก ของเราจะช่วยพัฒนาผู้ฝึกสอน โดยจะทำการส่งผู้ฝึกสออนจากศูนย์ฝึกเยาวชนของเรา มาที่จังหวัดบุรีรัมย์ และประเทศไทย เพื่อแบ่งปันความรู้ ความเชี่ยวชาญกับผู้ฝึกสอนของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี ในรูปแบบของการฝึกอบรมต่าง ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนการพัฒนานักเตะเยาวชนที่บุรีรัมย์ อะคาเดมี หลังจากนั้นนักเตะเยาวชนที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับโอกาสไปเยี่ยมชมศูนย์ฝึกเยาวชนของเอฟซี เอาก์สบวร์ก เพื่อเก็บประสบการณ์อันล้ำค่าในต่างประเทศ นอกเหนือจากการเข้าร่วมการฝึกซ้อม ทั้งนี้เราจะนำผู้ฝึกสอนของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี เดินทางไปเรียนรู้ และดูงานแบบเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการฝึกซ้อม และกิจกรรมการพัฒนาเยาวชนของสโมสร นอกจากนี้เรายังมีแผนร่วมกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะช่วยกันพัฒนาโปรแกรมการฝึกฟุตบอลอย่างมีมาตรฐานให้กับ “Buriram Soccer School” ซึ่งจะทำการสอนร่วมกันจากผู้ฝึกสอนที่มีปประสบการณ์จากทั้งสองสโมสร
ด้าน ชนน์ชนก ชิดชอบ รองประธานเจ้าหน้าบริหารและผู้อำนวยการสายงานฟุตบอล สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดเผยถึงการจับมือร่วมกันในครั้งนี้ว่า “สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ของเรามีความยินดีอย่างยิ่ง ที่สโมสรในลีกอาชีพระดับท็อปของโลกอย่างบุนเดสลีกา เยอรมนี อย่างสโมสรเอฟซี เอาก์สบวร์ก ได้เล็งเห็นศักยภาพ และความมุ่งมั่นในการที่จะพัฒนาสโมสรทั้งในทีมชุดใหญ่ และทีมระดับเยาวชน อย่างจริงจังของเรา จึงเลือกที่จะจับมือกันเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ เราหวัง และยินดีเป็นอย่างยิ่งว่าการเซ็นสัญญาร่วมกันใน 3 ปีจากนี้ มันจะช่วยให้เราพัฒนานักเตะเยาวชนให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเตะอาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมไปถึงทีมงานสตาฟโค้ชของเราจะได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ เพื่อนำมาพัฒนาระบบการฝึกซ้อมนักเตะในบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี ของเรา เพื่อเป็นการต่อยอดไปสู่ฟุตบอลที่มีระดับสูงขึ้นจากที่เป็นอยู่”
“เราหวังว่าในอนาคตอันสั้นนี้ เราจะพัฒนานักเตะระดับเยาวชนได้ดีขึ้น และสามารถส่งนักเตะไปเก็บเกี่ยวทักษะฟุตบอล เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความสามารถกับนักเตะเยาวชนของสโมสรเอฟซี เอาก์สบวร์ก ได้ เพื่อให้การฝึกซ้อมของเราก้าวไปสู่ระดับสากล ส่วนในระยะยาว เราคาดหวังว่าความร่วมมือนี้จะทำให้นักเตะไทยมีเป้าหมายที่ชัดเจน และได้รับโอกาสไปฝึกฝีเท้าในยุโรป และนำกลับมาพัฒนาสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้เป็นศูนย์กลางการผลิตนักฟุตบอลระดับคุณภาพของอาเซียน เพื่อป้อนสู่ทีมชาติไทย และเวทีสากลต่อไป”
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยถึงความร่วมมือครั้งนี้ต่ออีกว่า “นอกจากเรื่องของนักฟุตบอลระดับอะคาเดมีแล้ว เรายังจะทำการแลกเปลี่ยนความรู้กันของผู้ฝึกสอนระดับเยาวชนของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ เอฟซี เอาก์สบวร์ก ด้วย เพื่อเป็นการยกระดับการฝึกซ้อมให้ก้าวทันสากลมากขึ้น และได้มีการเรียนรู้โลกฟุตบอลสมัยใหม่ที่ก้าวไปข้างหน้าแบบไม่มีหยุด สุดท้ายเราก็คาดหวังว่าการจับมือร่วมกันในครั้งนี้ เราจะเป็นอีกหนึ่งประกายความฝันให้เด็ก ๆ ในการหันเข้ามาสนใจการเล่นฟุตบอลมากขึ้น เราจะร่วมมือกันจัดการเรียนการสอนฟุตบอลให้กับเด็ก ๆ ที่สนใจในกีฬาฟุตบอล เพื่อให้ได้เข้ามาเรียนทักษะฟุตบอลพื้นฐานที่ถูกต้อง ในรูปแบบการเรียนการสอนที่ 2 สโมสรช่วยกันพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้เด็กที่ได้เข้ามาเรียนใน “Buriram Soccer School” ได้จุดประกายความฝันการต่อยอดไปเล่นฟุตบอลในระดับที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งเรายังเปิดโอกาสในน้อง ๆ เยาวชนทั่วไปที่อยากเรียนรู้ทักษะฟุตบอลตามมาตรฐานทีมระดับบุสเดสลีก้า ได้มาสมัครเรียนฟุตบอลแบบจริงจังในคลาส Exclusive Football Camp ที่จะจัดในช่วงเดือนตุลาคมนี้ สามารถติดตามรายละเอียด ติดตามรายละเอียด Exclusive Football Camp ได้เร็วๆ นี้ ที่ www.buriramunited.com / Facabook Fanpage : Buriram United / Facabook Fanpage Buriram United Academy / Facebook Fanpage Buriram United Soccer School แน่นอนว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นการสร้างสะพานเชื่อมวัฒนธรรมฟุตบอล ระหว่างฟุตบอลไทย กับ ฟุตบอลเยอรมนี ผมเชื่อว่าทั้ง 2 สโมสรจะขยายฐานแฟนคลับได้เพิ่มมากขึ้นจากความร่วมมือครั้งนี้อย่างแน่นอน”
ขณะที่ คุณนิตยา เกิดจันทึก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “ความร่วมมือในการพัฒนาฟุตบอลเยาวชน ระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับสโมสรเอฟซี เอาก์สบวร์ก เป็นเหมือนดั่งส่วนขยายผลของโครงการ Bundesliga’s Dream Project ที่มีแนวคิดในการสร้างสรร ต่อยอด ให้เยาวชนจากทุกภูมิภาค จากหลาย ๆ สโมสร อะคาเดมี ต่าง ๆ รวมถึงการคัดเลือกเยาวชนของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยร่วมกับ บุนเดสลีก้า ให้มีโอกาสได้ไปพัฒนาทักษะ เพิ่มพูนประสบการณ์ในการประลองระหว่างการไปเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกับสโมสรชั้นนำในเยอรมนี กับ บุนเดสลีก้า ดังนั้นความร่วมมือระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับสโมสรเอฟซี เอาก์สบวร์ก จึงเป็นส่วนหนึ่งของผลผลิตนั้น แต่อีกส่วนที่สำคัญเกิดจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาฟุตบอลของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ทำให้สโมสรเอฟซี เอาก์สบวร์ก เล็งเห็น และเดินทางมาจนถึงการลงนามความร่วมมือในวันนี้”
“โครงการนี้ ดำเนินการเป็นปีที่ 3 หวังว่าจะสามารถดำเนินการต่อ ๆ ไป โดยการขยายโอกาส เพิ่มจำนวนเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ ตลอดจน การขยายผลในเรื่องนักกีฬาเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกจากสโมสรของเยอรมันได้มีโอกาสเดินทางไปเก็บตัวฝึกซ้อม เพื่อเพิ่มประสบการณ์และเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเอง โดยการฝังตัวฝึกซ้อมร่วมกับสโมสรของเยอรมัน ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกสอน เทรนเนอร์ หรือเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์การกีฬา”