ครั้งหนึ่ง ด.ช.คิเลียน เอ็มบัปเป เคยถูกเพื่อนที่เป็นนักเตะระดับยุวชนด้วยกันบอกว่า “โกหก” เมื่อเขาได้ไปทดสอบฝีเท้าที่เชลซี และ ได้คุยกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา อดีตกองหน้ามาร์กเซย
จนถึงขนาดต้องไปขอรูปถ่ายจากบิดาเพื่อมายืนยันว่า เขาเก่งจนถึงขนาดได้ไปเยี่ยมหนึ่งในสโมสรชั้นนำของยุโรปมาแล้ว
ในตอนที่กำลังจะอายุครบ 14 ปี เขาได้ถูก เรอัล มาดริด ติดต่อไปให้ร่วมฝึกซ้อม และ ซีเนอดีน ซีดาน ช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลรอที่จะพบปะพูดคุยด้วย
ในตอนนั้น ด.ช.คิเลียน เป็นเด็กพรสวรรค์ที่มีมากมายหลายสโมสรอยากได้ไปเข้าสังกัด ซึ่งราชันชุดขาวก็เป็นหนึ่งในนั้น จึงได้หวังว่าความประทับใจในตอนนั้นจะโน้มน้าวใจบิดาของเขาได้
แม้สุดท้ายพ่อของจะตัดสินใจให้บุตรชาย เดินทีละก้าวอย่างช้าๆ เพื่อความมั่นคงในระยะยาว จนเข้าร่วมทีมโมนาโกในปีต่อมา
แต่สำหรับเด็กชายคนนั้น มาดริดกลายเป็นสโมสรในฝันไปแล้ว และ ตั้งหน้าตั้งตาทำทุกอย่างเพื่อให้ความฝันเป็นจริง
การมุ่งมั่นฝึกซ้อมฟุตบอล และ หมั่นศึกษาภาษาสเปน คือภารกิจสำคัญที่เขาตั้งใจทำแบบไม่รู้เบื่อ
แม้ว่าเมื่อราวสองปึที่แล้ว นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสจะขอพูดคุยเป็นการส่วนตัวเพื่อขอร้องไม่ให้ย้ายทีม ทั้งเพื่อลีกของประเทศ และ เพื่อรักษาไมตรีทางธุรกิจกับเจ้าของสโมสรเปแอสเชเอาไว้
แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คิเลียน เอ็มบัปเป จึงยุติการรอคอยที่ยาวนาน 12 ปีลง ด้วยการย้ายออกไปร่วมทีมในฝัน อันเป็นอดีตทีมของไอดัอลคนโปรดที่ชื่อ คริสเตียโน โรนัลโด และ ได้เจอกับวีรบุรุษแชมป์ฟุตบอลโลกของประเทศในที่สุด
เขายืนยันว่า เขาไม่ได้เล่นฟุตบอลเพราะลุ่มหลงในฟุตบอล เจาแค่ทำตามความฝันที่เคยที่เคยมี นั่นก็คือเล่นให้มาดริด เหมือนกับที่ ซีดาน และ โรนัลโด เคยลงเล่น
และ คงหวังว่าตนเองจะเดินหน้าสานต่อความสำเร็จ และ กลายเป็นหนึ่งในตำนานสโมสรเหมือนที่สองฮีโร่เคยทำมา
อย่างที่เนื้อเพลงของ สุนิสา สุขบุญสังข์ ที่ว่า
“ขออย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอแม้จะร้องไห้ จงลุกขึ้นสู้ใหม่ จุดหมายไม่ไกลเกินจริง”
