ถ้าเป็นยุคโซเชียลครองโลกอย่างปัจจุบัน ภาพการเลี้ยงแหวกกองหลังบราซิลเข้าไปทำประตูอย่างสวยงามเมื่อปี 1984 กับ การกระชากหนีกองหลังอาร์เจนตินาเข้าไปครอสบอลในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 1986
จะถูกเผยแพร่จนเต็มหน้าฟีด พร้อมวลีเด็ดเจ็ดพยางค์ว่า “ปีกแซมบ้าสิงโตคำราม”
จอห์น บาร์นส์ ถูกยกย่องอย่างมากมายในช่วงทศวรรษ80s จากการเล่นแบบพลิ้วไหว ว่องไว และ เปี่ยมประสิทธิภาพ
จนกระทั่งทีมชาติอังกฤษเดินทางไปอุ่นเครื่องที่สนามมาราคานา สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ ณ ดินแดนแห่งฟุตบอลเมื่อปี 1984
ปีกนิลกาฬของอังกฤษเล่นงานเกมรับทางฝั่งขวาของบราซิลจนหัวหมุนครั้งแล้วครั้งเล่า
เขารับบอลจาก มาร์ค เฮทลีย์ กองหน้าตัวเป้า แล้วแหวกว่ายผ่านเหล่ากองหลังกับนายทวารของบราซิลจนปากประตูเปิดกว้าง และ จบด้วยการส่งบอลซุกตาข่ายอย่างเหนือชั้น
จากนั้นเขาโยกหลอกจนได้จังหวะครอสบอลที่ริมเส้นฝั่งซ้าย จนบอลลอยไปเข้าหัว เฮทลีย์ ที่โขกบอลตุงตาข่ายย้ำชัยชนะ 2-0
จนสื่อบราซิลเรียกปีกนิลกาฬจาก วัตฟอร์ด อย่างให้เกียรติว่า ปีกแซมบ้าขนานแท้ เพราะเขาโชว์สเต็ปเท้า กับ โยกเอวล่อหลอกแบบเหล่าตัวรุกบราซิล แล้วสื่ออังกฤษนำไปต่อยอดจนกลายเป็นสมญานามติดปากในที่สุด
ในแมตช์ฟุตบอลโลก 1986 รอบแปดทีมสุดท้าย ในขณะที่ขุนพลฟ้าขาวขึ้นนำจากประตูของพระเจ้า กับ สองขาระดับโลกของมาราโดนา
ปีกแซมบ้าถูกส่งลงสนามมาแก้เกม แล้วจัดการปลุกความหวังของเหล่าสิงโตคำรามให้กลับมา ด้วยการกระชากหนีกองหลังแล้วครอสบอลไปให้ แกรี ลินิเกอร์ โหม่งตีไข่แตก
เขายังปั่นป่วนเกมรับว่าที่แชมป์โลกได้อีกหลายจังหวะ แต่น่าเสียดายที่กองหน้าจบไม่สำเร็จ
ซึ่งด้วยฟอร์มดังกล่าว ณ เวลานั้น จอห์น บาร์นส์ จึงกลายเป็นปีกระดับนานาชาติที่เนื้อหอมที่สุดไปแล้ว