จากวิ่งบนยอดหญ้าสนามฟุตบอล สู่การนอนบนผืนหญ้าข้างถนน
เคนนี แซนซัม คือเบอร์หนึ่งเรื่องแบ็คซ้ายของทีมชาติอังกฤษในช่วงยุค80s
ขนาดในยุคที่วงการฟุตบอลยังไม่มีแมตช์ทีมชาติที่ถูกยัดเข้ามาให้แข่งกันราวกับฟุตบอลเดินสาย แบ็คซ้ายคนเก่งของอาร์เซนอลยังติดทีมชาติมากถึง 86 นัด
ซึ่งรวมการผ่านการเล่นฟุตบอลยูโร 1980 , ฟุตบอลโลก 1982 , ฟุตบอลโลก 1986 ก่อนปิดฉากทีมชาติหลังแพ้ สหภาพโซเวียต 1-3 ตกรอบยูโร 1988 แบบย่อยยับ
และ แขวนสตั๊ดกับ วัตฟอร์ด เมื่อปี 1994 ด้วยวัย 36 ปี
“ผมควรจะติดทีมชาตินานกว่านั้น และ ควรประสบความสำเร็จกับ อาร์เซนอล นานกว่านี้”
แซนซัม ย้ายออกจาก อาร์เซนอล เมื่อปี 1988 ด้วยวัย 30 ปี ภายหลัง จอร์จ เกรแฮม ทำการสังคายนาทีมเพื่อต้องการลุ้นแชมป์ลีกสูงสุด และ ปรับเอานักเตะที่มีปัญหาด้านพฤติกรรมที่ส่งผลต่อทีมออกไป
แผงแบ็กโฟร์ในตำนานจึงเริ่มต้นหลังการอำลาของแซมซัน รวมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นขาลงทางอาชีพของแบ็คซ้ายตัวเก่งอย่างแท้จริงในฐานะนักฟุตบอล
แต่สำหรับ แซนซัม เขามองว่าแอลกอฮอล์แก้วแรกสมัยอายุ 23 ปี ที่บิดายื่นให้ดื่มแทนน้ำส้มคั้นเมื่อปี 1981 ต่างหาก ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะในชีวิต
“เมื่อผมเริ่มกลืนฟองนุ่มอันเป็นรสชาติใหม่ของชีวิตลงลำคอ ผมก็พบว่านี่แหล่ะคือสิ่งที่รอคอย
มันเป็นเหมือนปีศาจร้ายที่แสนหวาน เจ้าเครื่องดื่มนี้ทำให้ผมแทบบ้า ยิ่งผมดื่มมันมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งหลงไหลจนโงหัวไม่ขึ้น
ยิ่งเมื่อผมไปนั่งดื่มที่บาร์ ผมก็ยิ่งเพลิดเพลินใจจนกระดกไวน์คืนละ 6 ขวด ใช่ มันบ้าเลือดมาก แต่ผมทำแบบนั้นจนเป็นปกติ”
ชีวิตของผมที่เริ่มต้นบนกลีบกุหลาบ และจบลงด้วยยากล่อมประสาท
จากเครื่องดื่มมึนเมา เขาเดินเข้าสู่การพนันตามสูตรสำเร็จ และ ก็เหมือนกับเหล่านักพนันอีก 99.99% ที่เสียมากกว่าได้จนสุดท้ายหมดตัว
การหมดตัวไม่ใช่ความย่ำแย่มากที่สุด หากแต่ความบ้าคลั่งจากพิษแอลกอฮอล์ กับ ความเครียดทางการเงินทำให้เขาเริ่มต้นใช้ความรุนแรงกับครอบครัว
เริ่มจากการด่าทอสู่การตบตี จนนำพาไปสู่การหย่าร้าง และ ถูกฟ้องร้องจนเขาสูญเสียที่อยู่อาศัย และ หมดสิทธิ์ได้ใช้ชีวิตกับลูกสาวสุดที่รักอันเป็นแก้วตาดวงใจ รวมถึงการขาดสติจนเคยคิดทำร้ายมารดาตัวเอง
“ชีวิตแต่งงานของผมสิ้นสุดลง มันเป็นความผิดของผมเอง ผมโทษใครไม่ได้ ผมไม่ได้ต้องการทำอย่างนั้น แต่สุดท้ายผมก็ทำมันลงไป
ผมติดเหล้า ติดพนัน และ นอกใจเธอ
หลังจากนั้นผมก็เหมือนคนอกหัก ผมสูญเสียภรรยาที่ผมรัก ภรรยาที่สวยเสมอในสายตาของผม เรารู้จักกันตั้งแต่ผมอายุ 12 และ แต่งงานกันในปึ 1979 เมื่อเราอายุ 21 ปี
ผมเคยคิดจะทำร้ายแม่ตัวเองที่พยายามห้ามผมไม่ให้ดื่ม และ สามารถทำได้มากกว่านั้นในตอนที่แม่นำขวดเหล่านั้นไปทำลาย
นั่นคือความเจ็บปวดที่เกาะกินใจผมมาตลอด”
“ชีวิตผมหลังจากนั้นเริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเจ็ดโมงเช้า และ เริ่มต้นดื่มทันทีที่ลืมตาขึ้นมา
การดื่มมันช่วยทำให้ผมไม่ต้องไปคิดอะไร มันช่วยทำให้ผมดีขึ้น ผมยอมรับว่าติดมัน เพราะมันทำให้รู้สึกดีไปกับความโศกเศร้าที่จมอยู่ก้นบึ้งภายในอารมณ์ของผมในเวลานั้น
คงมีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถทำให้ผมหยุดดื่มได้ก็คือผมหมดลมหายใจลง
ในบางคืนผมเดินโซซัดโซเซไปที่บ้านของลูกสาว ซึ่งทุกครั้งเธอจะบอกกับผมว่า
‘พ่อคะ พ่อจะใช้ชีวิตแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว’
ผมไม่ได้ต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหรา ตอนนั้นผมแค่ต้องการที่ไหนสักแห่งที่รู้สึกปลอดภัย สบายใจ จนสามารถข่มตานอนลงได้ และ หลับลงเมื่อสิ้นสุดวัน
ใช่ ผมเป็นเหมือนหมาตัวน้อยที่หลงทาง”
จากนักเตะค่าแรง 1,200 ปอนด์ต่อสัปดาห์ สู่คนที่หมดตัว และ เลี้ยงชีพด้วยเงิน 622 ปอนด์ต่อเดือน อันเป็นเงินบำนาญจาก PFA ซึ่งเขาต้องมอบครึ่งหนึ่งให้อดีตภรรยาตามคำสั่งศาล
สโมสรเก่าอย่างอาร์เซนอล กับ คริสตัล พาเลซ เคยเข้ามาเยียวยาด้วยการมอบตำแหน่งงานพานักท่องเที่ยวชมสนามแข่ง
แต่อาการเมาในขณะปฏิบัติงานที่เซลเฮิรส์ต พาร์ค ทำให้เขาถูกปลดออก
จากห้องเช่าราคาถูกที่มีคนพยายามช่วยเหลือ จนกลายเป็นคนไร้บ้านที่นอนกอดขวดหลับอยู่ข้างถนน และ บางครั้งถูกส่งตัวไปนอนในหัองขังเพื่อสงบสติอารมณ์
ผมเป็นทั้งคนจนตรอก สิ้นเนื้อประดาตัว ไร้ครอบครัว และ ไร้อนาคต”
ปี 2014
นักข่าวคนหนึ่งได้รับข้อมูล และ ภาพถ่ายจากชายรายหนึ่ง ให้ช่วยไปดูแลอดีตนักเตะทีมชาติที่นอนหมดสภาพอยู่ที่สวนสาธารณะ
จนนักข่าวคนนั้นไปคุย พร้อมให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยการหาห้องพักให้นอน
จากนั้นก็สอบถามเรื่องราว และ ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ จนกระทั่งส่งต่อเรื่องไปยังคลีนิกบำบัดอาการติดแอลกอฮอล์ และ สถานบำบัดสภาพจิต
เขาตกลงรักษาตัว แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับการรักษาที่จริงจัง ด้วยอาการที่สะสมมานานจนเป็นเรื้อรัง ทีมรักษาตัองถึงขนาดใช้ผ้าห่อมือทั้งสองข้าง และ มัดแขนขาเพื่อป้องกันไม่ให้ดึงอุปกรณ์รักษาตัวออกไป
หกเดือนผ่านไป เคนนี แซนซัม มีอาการดีขึ้น ซึ่งเขากล่าวขอบคุณทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกคน นักข่าวคนนั้น และ คนสนิททุกคนที่แวะเวียนมาให้กำลังใจ
โทนี อดัมส์ นักเตะรุ่นน้องที่เคยเผชิญปัญหาเดียวกันแวะมาพูดคุยบ่อยๆ
พอล แกสคอยน์ ก็กอดปลอบใจกันในยามได้เจอกันที่สถานบำบัด
บุตรสาว ลูกเขย และ หลาน แวะมาเยี่ยม พร้อมวิดีโอคอลมาหาวันละ 2-3 ครั้ง
รวมทั้งกำลังใจจากแฟนบอลเก่าๆ ที่รู้สึกเป็นห่วงนักเตะที่สร้างผลงานเอาไว้มากมาย จนสุดท้ายหายสนิทดี
ปัจจุบัน เขาได้งานกับสโมสรคืนมา พร้อมกับมีชีวิตที่มีความสุขตามสมควร
เขาพร้อมให้ความช่วยเหลือ และ ให้คำปรึกษาคนที่ติดแอลกอฮอล์ ด้วยประสบการณ์เก่าเกิน 35 ปี พร้อมปัญหาที่หาคนเจ้าใจได้ยาก แต่เขาสามารถเข้าถึงใจกลางความรู้สึกของคนเหล่านั้นได้ดี
“สิ่งที่น่ากล้วที่สุดคือหัวใจที่ถูกกัดกร่อน พวกเขาแค่หวังคนที่เข้าใจจริงๆ โดยไม่ต้องการคำปลอบประโลม”
เมื่อวานนี้ เคนนี แซนซัม อายุครบ 66 ปีบริบูรณ์ เขาได้รับคำอวยพรจากหลายๆ คน รวมทั้งลูกสาวสุดที่รักยังพาหลานสาวตัวน้อยมาหา
เขาโพสต์ข้อความลงบนบัญชีออนไลน์เพื่อขอบคุณทุกคนที่อวยพร พร้อมกับลงภาพกับลูกสาว และ หลานสาวอย่างมีความสุข
คงจะเหลือเพียงอดีตภรรยาที่เขาไม่เคยหมดรัก และ ไม่เคยลืมวันเวลาที่เคยมีร่วมกัน เขายังคงรอคอยการเอ่ยคำดีๆ พร้อมความรู้สึกให้อภัย แม้จะในฐานะคนเคยรู้จักที่ไม่สนิทกันก็ยังดีมาตลอด
ซึ่งบุตรสาวของพวกเขาหวังว่าบิดามารดาจะกลับมามีความรู้สึกที่ไร้ความเจ็บปวดจากอดีตอีกครั้ง จนสามารถกลับมานั่งทานอาหารกันได้ตามโอกาส เธอจึงยังคอยเป็นสะพานเชื่อมใจเหมือนสมัยที่เธอเคยเป็นสายใยรักของทั้งสองคน
“ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เธอจะยังคงไม่อยากคุยกับผม ผมเข้าใจทุกอย่างดี และ พร้อมที่จะรอฟังคำทักทายง่ายๆ ที่เปี่ยมความหมายสำหรับผมอย่างคำว่า ‘คุณสบายดีไหม’ เพียงเท่านี้ก็ดีที่สุดแล้ว”