วันที่ 20 ธันวาคม 2019 อาร์เซนอล แต่งตั้ง มิเกล อาร์เตตา เป็นกุนซือของทีมปืนใหญ่รายแรกในยุคพรีเมียร์ลีก ที่มาจากการเป็นอดีตผู้เล่นของทีม
ครึ่งปีแรกทึ่เข้ารับงานเขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้อย่างน่าประทับใจ จนแฟนบอลตั้งความหวังเอาไว้พอสมควร
ผลงานในปีแรกที่เขาคุมทีมเต็มฤดูกาล 2020/21 อาร์เซนอล ชนะ 18 เสมอ 7 แพ้ 13 จบอันดับที่ 8 ซึ่งอยู่ต่ำกว่า เชลซี, เวสต์แฮม และ สเปอร์ส
ส่วนผลงานในบอลถ้วยไปไกลสุดที่รอบรองชนะเลิศยูโรปาลีก โดยมีโล่แชมป์ฟุตบอลคอมมูนิตีชิลด์เป็นของแถม
ซีซั่น 2021/22 พาทีมจบอันดับที่ 5 พลาดพื้นที่ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ไปให้ สเปอร์ส อย่างน่าเจ็บใจ แต่ผลงานโดยรวมดีขึ้น
แม้ในส่วนฟุตบอลถ้วยจะไม่มีความสำเร็จใดๆ แต่เสียงยี้ที่มีต่อ อาร์เตตา ยังไม่ดังมากนัก
ซีซั่น 2022/23 โกยแต้มแบบสะดุดน้อยมากๆ มาจนถึงเดือนมกราคม แม้จะพลาดไปบ้างในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ตำแหน่งจ่าฝูงยังเป็นของพวกเขา เพราะกลับมาร้อนแรงอีกครั้งในเดือนมีนาคม
ในช่วงนั้นแฟนบอลกันเนอร์สมองถึงงานฉลองแชมป์ไปแล้ว เพราะคะแนนทิ้งแชมป์เก่าอยู่พอสมควร
จนกระทั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี กวาดชัยชนะรวดเดียว 12 นัด โดยเฉพาะ 6 แต้มไปกลับจาก อาร์เซนอล ที่โดนพิษสงความกดดันเล่นงานอันส่งผลถึงการพลาดแชมป์ไปอย่างน่าเจ็บใจ
แต่ทิศทางของทีมไปได้สวย ทั้งสไตล์การเล่นอันสวยงามที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
ฤดูกาลปัจจุบัน อาร์เซนอล ยังคงสานต่อฟอร์มที่ดีได้ต่อเนื่อง ทั้งในฟุตบอลลีก และ ในถ้วยสำคัญอย่างยูฟา แชมเปียนส์ ลีก
แน่นอนว่าแฟนบอลของพวกเขาสามารถตั้งความหวังได้อีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้มีแค่ทีมเรือใบสีฟ้าเท่านั้น เพราะตอนนี้ ลิเวอร์พูล ที่เสียหลักมาจากปีที่แล้วทำฟอร์มแรงขึ้นมาจนเบียดกันสนุก
แถมทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ ยังมีโปรแกรมที่เบากว่าคู่แข่งอีกด้วยเพราะไม่มีงานหนักในรายการใหญ่ของเกมยุโรป
ปีที่สี่ของ อาร์เตตา มาได้ด้วยดีทั้งการได้รับโอกาสจากบอร์ดบริหาร และ การเอาใจช่วยของแฟนบอล รวมทั้งแผนงานสร้างทีมที่เป็นระบบในหลายปีหลังจนทีมของเขาแกร่งเกือบทั่วแผ่น
ซึ่งก็น่าสนใจว่า อาร์เตตา จะรักษาความสม่ำเสมอได้ดีแค่ไหน เพราะยิ่งเวลาผ่านไป ทั้งความกดดัน และ ความหนักจากการแข่งฟุตบอลยุโรปจะเข้ามาปะทะมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถ้ายังรักษาฟอร์มที่ดีเอาไว้ได้ การพลาดแชมป์อีกครั้งในปีนี้ก็คงไม่สามารถทำให้ อาร์เตตา ตกงานได้ นอกจากจะพาทีมออกทะเลจนไม่มีลุ้นอะไรเลย ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก
ส่วนในซีซั่นต่อไป ความกดดันจะเพิ่มขึ้นจนเขาไม่สามารถพลาดได้อีกแล้ว เพราะเวลา 5 ปีคงเป็นระยะที่เหมาะสมสำหรับการตัดสินอนาคตของกุนซือที่ดูยุติธรรมสำหรับทุกฝ่ายดี