ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า
ราคาแพคเกจที่ตั้งไว้นั้น เป็นราคาที่จะไม่แพงกว่าของที่บริษัทเดิมทำไว้อย่างแน่นอน โดยแพคเกจพรีเมียร์ลีก ค่ารายเดือนเริ่มต้นไม่เกิน 400 ต่อเดือน ไม่รวมเอฟเอคัพ และ กำลังพัฒนาระบบให้สามารถดูพร้อมกัน 4 จอได้อย่างไหลลื่น
ภาพคมชัดระดับ Full-HD ด้วยเทคโนโลยีการปรับ Auto bit rate ตามความเร็วของอินเตอร์เน็ต และอุปกรณ์รับสัญญาณของผู้ชม และรับชมความละเอียม 4K
ซึ่งจะเริ่มถ่ายในฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป รวม 6 ฤดูกาล
ในเบื้องต้น รายละเอียดการถ่ายทอดสดมีดังนี้
แอพสตรีมมิ่ง Mono Max
มีถ่ายทางฟรีทีวี ช่อง Mono 29
ช่องพันธมิตรที่สนใจ สามารถเจรจาได้
มีแนวทางจำหน่ายผ่านทุก Network และ Mobile Operators ทั้งทาง App store, Google store, AIS หรือแม้แต่ True
ทีมพากย์จะหาใหม่
ภายหลังมีการแถลงข่าวใหญ่ออกมา หุ้นของ JAS ขยับขึ้นมาเล็กน้อย โดยขณะนี้อยู่ที่ราคาหุ้นละ 2.46 บาท
โดยราคาที่บริษัททุ่มจ่ายค่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อยู่ที่ราว 3,000 ล้านบาทต่อปี ระยะเวลาถือครองลิขสิทธิ์ 3-6 ปี
เดิม ทรู ผู้ถือลิขสิทธิ์เดิมเคยจ่ายให้พรีเมียร์ลีกราว 1,600 ล้านบาทต่อปี
เท่ากับว่า JAS ต้องหาลูกค้าให้ได้อย่างน้อย 800,000 รายต่อปี สำหรับแพคเกจเริ่มต้น เพื่อจ่ายค่าลิขสิทธิ์ อันยังไม่รวมต้นทุนอื่นๆ
โดยหวังรายได้จากช่องทางอื่นอย่าง ค่าลิขสิทธิ์จากประเทศเพื่อนบ้าน , จากพันธมิตร , ค่าสปอนเซอร์ , ค่าโฆษณา , การจัดแคมเปญต่างๆ
รวมทั้งยังหวังให้มูลค่าหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนกระแสในโลกออนไลน์นั้นมีทั้งอยากได้ราคาต่อปึที่เหมาะสม หรือ แพคเกจเหมาดีๆ และ ยังแสดงความเป็นห่วงว่าจะไม่รอดจากภัยตามช่องธรรมชาติ รวมทั้งหวังว่าจะจบดีลได้ ไม่ใช่แค่การออกข่าวเรียกกระแสเท่านั้น