Link Copied!

ก้าวสุดท้ายสู่บัลลังก์
3 สิ่งที่ ไทย ต้องระวัง!!!
‘อารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต’

เหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นกับภารกิจทวงบัลลังก์ “เจ้าลูกหนังซีเกมส์” แม้ว่า ทีมชาติไทย จะเริ่มต้นไม่ดีนัก แต่ในที่สุดก็สามารถฝ่าด่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ โดยจะดวลคู่ปรับเบอร์หนึ่งอย่าง เวียดนาม ในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมนี้ ที่สนาม มี ดิงห์ สเตเดี้ยม กรุงฮานอย เวลา 19.00 น. ซึ่งทัพ “ช้างศึก” มี 3 สิ่งที่ต้องระวัง!!!
.

อารมณ์

.
หนึ่งตัวแปรที่อาจชี้ผล แพ้-ชนะ ได้เลย หากควบคุมไม่อยู่จนถูกไล่ออก เพราะการมีตัวผู้เล่นน้อยกว่า ย่อมทำให้เสียเปรียบและส่งผลต่อเกมไม่น้อย หลังจากที่ทีมชาติไทยเคยมีบทเรียนมาแล้วจากนัดเปิดสนาม แม้จะไม่ใช่เพราะอารมณ์ แต่ใบแดงของ โจนาธาร เข็มดี ก็ทำให้ “ช้างศึก” เสียขบวนจนถูก มาเลเซีย รัวแซงชนะไป 2-1 ก่อนที่นัดล่าสุดในรอบตัดเชือก วิลเลี่ยม ไวเดอเฌอ จะฟิวส์หลุดจนโดนไล่ออก โชคยังดีที่เกิดขึ้นในช่วงทดเจ็บ
.
แน่นอนว่าเกมนัดชิงฯยิ่งกว่าเกมไหน ๆ ยิ่งต้องเจอกับเจ้าภาพ บรรยากาศในสนามสุดกดดัน เจอลูกตุกติก ยั่วยุ และการตัดสินที่อาจค้านสายตา “อารมณ์” จึงเป็นสิ่งสำคัญ เข้าใจว่าทุกคนพยายามสู้เต็มที่ แต่ก็ต้องพยายามอดทนอดกลั้น มีสติและสมาธิอยู่ในเกม รวมไปถึงตัวโค้ชเองก็ต้องควบคุมลูกทีมให้ได้ ไม่ใช่ผสมโรงตามไปด้วย จะยิ่งดูไม่เหมาะสมและไม่เกิดผลดีต่อทีม
.

อาถรรพ์

.
แม้ว่า ทีมชาติไทย จะครองเจ้าลูกหนังซีเกมส์มากที่สุดถึง 16 สมัย จากการเข้าชิง 20 ครั้ง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หนึ่งในอาถรรพ์ที่ยังมิอาจลบได้คือ “ครั้งใดที่พ่ายแพ้ในนัดเปิดสนาม ทีมชาติไทยไม่เคยไปถึงแชมป์”
.
ย้อนกลับไปในซีเกมส์ครั้งแรกเมื่อปี 1959 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ สมัยยังใช้ชื่อกีฬาแหลมทอง (Southeast Asian Peninsular Games) หรือ เซียปเกมส์ (SEAP Games) ฟุตบอลชายมีแค่ 4 ชาติเข้าร่วมแข่งขันแบบพบกันหมด ประกอบด้วย ไทย, เวียดนามใต้, มาลายา (มาเลเซีย) และ พม่า แล้วเอาทีมที่มีคะแนนดีสุด 1-2 มาชิงเหรียญทอง ปรากฏว่า ไทย ประเดิมพ่าย เวียดนามใต้ 0-4 ก่อนชนะ มาลายา 3-1 และ พม่า 5-2 จบด้วยอันดับ 2 เข้าไปเจอกับ เวียดนามใต้ อีกครั้งในรอบชิงฯ ก่อนพ่ายไปอีก 0-3 ได้แค่รองแชมป์
.
หลังจากนั้น ในซีเกมส์ ครั้งที่ 7 เมื่อปี 1973 ที่สิงคโปร์ มีแข่ง 6 ชาติ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คัดอันดับ 1-2 เข้ารอบรองชนะเลิศ ปรากฏว่า ไทย อยู่กลุ่มเอ ประเดิมพ่ายเจ้าภาพ 0-1 ก่อนเสมอ มาเลเซีย 1-1 จบอันดับบ๊วย…ตกรอบ
.
ข้ามมาในซีเกมส์ ครั้งที่ 26 เมื่อปี 2011 ที่อินโดนีเซีย มีแข่งกันครบ 11 ชาติ ไทย อยู่กลุ่มเอ ประเดิมพ่าย มาเลเซีย 1-2 ก่อนจะถล่ม กัมพูชา 4-0 ตามด้วยแพ้เจ้าภาพ 1-3 และแพ้ สิงคโปร์ 0-2 จอดป้ายแค่รอบแรกด้วยผลงานชนะ 1 แพ้ 3 รั้งรองบ๊วยของกลุ่ม
.
ล่าสุดในซีเกมส์ ครั้งที่แล้ว เมื่อปี 2019 ที่ฟิลิปปินส์ ไทย อยู่กลุ่มบี ประเดิมพ่าย อินโดนีเซีย 0-2 ก่อนถล่ม บรูไน 7-0, ชนะ สิงคโปร์ 3-0, ชนะ ลาว 2-0 แต่นัดสุดท้ายทำได้แค่เสมอ เวียดนาม 2-2 ต้องตกรอบไปด้วยผลงานชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 รั้งอันดับ 3 เป็นรอง เวียดนาม แชมป์กลุ่ม และ อินโดนีเซีย อันดับ 2 ที่เข้ารอบ
.
มาถึงซีเกมส์ครั้งนี้ ทีมชาติไทย ประเดิมพ่ายแพ้ในนัดเปิดสนาม จะสามารถลบอาถรรพ์คว้าแชมป์ได้หรือไม่?
.

อาฆาต

.
แฟนบอลเวียดนามขึ้นชื่อว่ามีความคลั่งไคล้ในเกมลูกหนังมากที่สุดชาติหนึ่งในอาเซียน จะเห็นว่าทุกแมตช์ในซีเกมส์ครั้งนี้ แม้ว่าชาติตัวเองจะไม่ได้ลงสนาม แต่ก็ยังมีแฟนบอลเข้ามาชมอย่างเนืองแน่น และแน่นอนว่านัดชิงชนะเลิศที่จะเจอกับคู่ปรับอย่าง ทีมชาติไทย กองเชียร์เจ้าภาพพร้อมที่จะเข้ามาเต็มความจุ 4 หมื่นที่นั่งของสนาม มี ดิงห์ สเตเดี้ยม เพื่อส่งเสียงข่มขวัญสั่นประสาทนักเตะไทย รวมทั้งกดดันผู้ตัดสินตลอดทั้งเกม
.
“ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย เคยเล่าสมัยไปแข่งซีเกมส์ที่เวียดนาม เมื่อปี 2003 ว่า คืนก่อนแข่งพวกแฟนบอลเวียดนามจะขับรถวนโรงแรมพร้อมเบิ้ลเครื่องกวนประสาทไม่ให้นักเตะไทยได้นอน และหลังแข่งจบก็ต้องให้คนขับรถบัสเปล่าออกไป ขณะที่นักบอลนั่งรถตู้หลบออกจากสนามแทน เพราะเกรงจะเกิดอันตราย หลังจากทีมชาติไทยเอาชนะได้ในช่วงต่อเวลา
.
แน่นอนว่าครั้งนี้ แฟนบอลเวียดนาม หวังที่จะเห็นทีมชาติตัวเองล้างแค้น ไทย ให้ได้ จึงไม่อยากนึกภาพเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าเกิดทีมชาติไทยคว้าแชมป์ เพราะซีเกมส์ครั้งนี้ดูเหมือนย้อนอดีตไป 20 ปี ทั้งความบ้าคลั่งของแฟนบอลหัวร้อนในสนามและระบบการจัดการที่ดูไม่ค่อยปลอดภัยและไม่เป็นสากล

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares