ประโยคดังกล่าวอาจเป็นเครื่องหมายคำถามที่ถามวงการฟุตบอลไทยได้เป็นอย่างดี หลังในช่วงที่ผ่านมาฟุตบอลไทยเกือบแทบทุกชุดไม่สามารถไปตามที่หวังเอาไว้ได้ นับตั้งเเต่การพลาดเเชมป์คิงส์คัพ ครั้งล่าสุดที่เชียงใหม่ หลังหมายมั่นปั้นมือไว้อย่างดีก่อนถูกทัพเสือเหลือง มาเลเซียบุกมาปล้นชัยในช่วงวัดคมที่จุดโทษ เเละล่าสุดทัพช้างศึกชุด ยู-20 พึ่งตกรอบรายการชิงเเชมป์เอเชีย 2023 ไปอย่างน่าเสียดาย หลังไม่สามารถเป็นอันดับที่ 2 ที่ดีที่สุดใน 5 ลำดับแรกได้
ทำให้เเฟนบอลตั้งคำถามว่า “เพราะอะไรเราไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนในอดีต” เเน่นอนว่าโลกของฟุตบอลในปัจจุบันมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เเละหลายๆ ชาติในอาเซียนก็เริ่มมีการปรับตัวกันตามลำดับ
ทีมชาติเวียดนาม คู่รักคู่เเค้นของทีมชาติไทย สามารถกอบโกยความสำเร็จได้มากมาย ผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก ผ่านเข้ารอบฟุตบอลในรายการต่างๆ ได้อยู่เสมอ ซึ่งสวนทางกับเราอย่างชัดเจน โดยล่าสุด ได้ทำการประกาศว่าจะไม่ทำการต่อสัญญากับหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่สร้างความสำเร็จมากมายให้กับทัพดาวอย่าง “ปาร์ค ฮัง ซอ” กุนซือจอมเนี๊ยบชาวเกาหลีใต้ หากเเฟนๆ ลองคิดดูดีๆ เเล้วว่า เเม้อาจารย์ปาร์คจะสร้างความสำเร็จมากมาย เเต่ทางสมาคมฯ เวียดนาม ยังจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะเหตุใด หากไม่ใช่การที่พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะต้องดีกว่าเดิม เพื่อเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย นี่คือเป้าหมายใหญ่ของทัพดาวทอง (ลึกๆ การเเข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งต่อไป อาจจะเป็น road map ที่เขาวางไว้เลยก็ได้ เเม้ฟังดูเเล้วจะยังไกลจากความเป็นจริง เเต่ดูจากผลงานที่ผ่านมาของพวกเขาสิ ไม่ธรรมดาเลยนะครับ)
ทีมชาติมาเลเซีย นี่คืออีกหนึ่งทีมชาติที่น่าจับตามองไม่เเพ้กัน หลังการเข้ามาทำหน้าที่ของ “คิม พัน กอน” ซึ่งแฟนบอลไทยได้เห็นกับตาเเล้วว่า รูปแบบการเล่นของมาเลเซียเปลี่ยนไป ทัพเสือเหลืองมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นได้อย่างเห็นได้ชัด ตัวเก๋าประสบการณ์ยังคงมี เเต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือการดันดาวรุ่งฝีเท้าดีขึ้นมาสู่ทีม ซึ่งเเน่นอนว่าพวกเขามีเเผนระยะยาวที่จะใช้เหล่าดาวรุ่งเป็นเเกนหลักในอนาคตเเน่นอน (หากไม่สร้างตั้งเเต่วันนี้ เเล้วจะต้องสร้างในวันไหน เเละหากไม่ลองให้รู้ ก็ไม่มีวันที่จะได้รู้เเน่นอน) เเละสุดท้ายการมาได้รางวัลรองชนะเลิศคิงส์คัพ ครั้งล่าสุด พวกเขาเเสดงให้เห็นเเล้วว่า “เขาไม่กลัวไทย โดยเขามาพร้อมกระหายในชัยชนะ เเละทุกชาติในอาเซียน”
ทีมชาติอินโดนีเซีย นี่คือทีมที่น่าจับตามองเเละน่าติดตามเป็นอย่างมาก การทำทีมของ “ชิน แท ยอง” ทำให้ฟุตบอลเเดนอิเหนากลับมาคึกคักอีกครั้ง พวกเขาสามารถผ่านเข้าสู่รอบลึกๆ ในรายการระดับเอเชียได้ เเละในรายการระดับอาเซียนพวกเขาก็ไม่น้อยหน้าใคร การใช้เยาวชนอายุน้อยขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ เเสดงให้เห็นว่านักเตะของพวกเขามีฝีมือมากพอ เเละดีพอที่จะเป็นเบอร์ต้นๆ ระดับอาเซียนได้ ซึ่งเป็นทีมที่น่ากลัวมากๆ ในอนาคต
เเละยังมีอีกหลายชาติในอาเซียนที่กำลังพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ยกตัวอย่างให้เห็นเลยคือ เพื่อนบ้านของเราอย่างทีมชาติลาว ที่มีนักเตะชุดเยาวชนที่เเข็งเเกร่ง เเละสามารถล้มทีมชาติไทยมาเเล้วอีกด้วย
การพัฒนาเยาวชนของเเต่ละชาติทำให้เห็นเลยว่า เเต่ละชาติมีเป้าหมายระยะยาว ไม่หวังเพียงเเค่รายการที่กำลังจะเกิดขึ้น ชัยชนะคือกำไร การได้เเชมป์คือโบนัส ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนา ทำอย่างไรให้พัฒนานั่นคือโจทย์สำคัญของเเต่ละชาติในการวางแผนระยะยาว
เเม้จะต้องรอผลผลิตที่อาจจะต้องใช้เวลา เเต่ผลที่ได้มานั้นจะทำให้เราภาคภูมิใจเเน่นอน สุดท้ายนี้หากทีมชาติไทยของเรายังมีแนวทางที่ยังคงสวนทางกับสิ่งที่เป็น บางทีเราอาจจะถูกชาติในอาเซียนเเซงหน้าไปจนหมดก็ได้
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม