นับตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ธีรศิลป์ แดงดา ลงสนามในไทยลีกให้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไปแค่เพียง 19 นาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นนัดที่ บีจี ชนะ สุโขทัย 2-1 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
รวมทั้งยังไม่อยู่ในทีมชาติไทยชุดลุยอุ่นเครื่องที่ยุโรป 2 นัด ในช่วงกลางเดือนตุลาคมอีกด้วย
นั่นจึงเป็นคำถามที่แฟนบอลไทยสงสัยกันอยู่แล้วว่า มาโน โพลกิง มั่นใจในสภาพร่างกายของมุ้ยมากแค่ไหนจึงได้เรียกมาติดทีมชาติชุดคัดเลือกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายโซนเอเชีย
ยิ่งเมื่อ ธงชัย สุขโกกี กุนซือบีจีออกมาแสดงความสงสัยว่าทำไม มาโน ถึงได้เรียกลูกทีมของตนไปรับใช้ชาติ แฟนบอลก็ยิ่งสงสัยว่าระหว่างสองกุนซือ และ ระหว่างสมาคมฯ กับ สโมสรบีจี ได้คุยหรือสอบถามเรื่องนี้กันมาก่อนประกาศรายชื่อหรือไม่
เพราะถ้ามีการปรึกษาหารือกันแล้ว โค้ชธงอาจผิดมารยาทที่ออกมาซักถามนอกรอบ แต่ถ้าไม่เคยมีการคุยกัน โค้ชธงย่อมมีสิทธิ์ตั้งคำถามถึงสาเหตุครั้งนี้
หรือ เป็นไปได้ไหมว่าระหว่างผู้บริหารมีการคุยกันแล้ว แต่กลับลืมแจ้งให้สต๊าฟฟ์โค้ชรับทราบ จึงทำให้โค้ชธงออกมาถามเพราะไม่ทราบจริงๆ
แต่เมื่อดูจากรายชื่อที่เรียกมา และดูไปที่รายชื่อกองหน้ารายอื่นที่ไม่ติดทีม เท่ากับว่า มาโน ฝากความหวังเอาไว้กับ มุ้ย มากกว่ากองหน้ารายอื่น
ทั้ง ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ดาวยิงสูงสุดในไทยลีกที่เป็นคนไทย และ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่เพิ่งหายเจ็บ และ ยังไม่คืนฟอร์มในลีกมาเลเซีย
จนทำให้กุนซือทีมชาติไทยคิดว่ามุ้ยจะฟิตทันวันที่ 16 นี้ที่จะลงประเดิมรอบคัดเลือกกับทีมชาติจีน และ น่าจะช่วยทีมได้แม้จะเป็นการลงเล่นแค่ในช่วงท้ายเกมก็ตาม
ซึ่งปัญหาก็คือ ถ้าหาก มุ้ย เจ็บซ้ำเพื่อชาติจนส่งผลต่อขุมกำลังของบีจี มาโน กับ สมาคมฯ จะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร
แฟนบอลบางส่วนเข้าใจถึงความปรารถนาของมาโน เพราะมุ้ยเป็นตัวความหวังมากที่สุดในแดนหน้าของเรา
แต่แฟนบอลอีกส่วนก็อยากให้ก้าวข้ามกองหน้าวัย 35 ปีได้แล้ว เพราะผลงานปัจจุบันของมุ้ยนั้นมีตัวเลข 0 ประตู
