ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ วันนี้ Playnowthailand จะพาไปวิเคราะห์เจาะลึก 4 ทีมใน กลุ่มบี ที่มี “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ เป็นตัวชูโรง พร้อมด้วย อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา และ เวลส์
อังกฤษ
“สิงโตคำราม” ห่างหายความสำเร็จมานานหลายทศวรรษ หลังจากเคยได้ฉลองแชมป์รายการใหญ่เพียงครั้งเดียวในศึกฟุตบอลโลก 1966 หรือ 56 ปีมาแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้เข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์โลกอีกเลย โดยผลงานดีที่สุดคือการคว้าอันดับ 4 ในปี 1990 ที่อิตาลี และปี 2018 ที่รัสเซีย ส่วนฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ อังกฤษ ดีกรีอันดับ 5 ฟีฟ่าแรงกิง โชว์ฟอร์มรอบคัดเลือกได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยผลงานชนะ 8 เสมอ 2 และไม่แพ้ใคร ภายใต้การคุมทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่เข้ามานั่งเก้าอี้กุนซือตั้งแต่ปี 2016 และสามารถพาทีมคว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลก 2018 จากนั้นได้รองแชมป์ยูโร 2020 หลังจากพ่ายจุดโทษ อิตาลี ในรอบชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม ผลงานในช่วงหลังของ “ทรี ไลออนส์” ไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อไม่ชนะใครเลยตลอดทั้ง 6 นัดในศึกยูฟ่า เนชันส์ ลีก 2022/23 ทำให้ตกชั้นไปเล่นในลีก B ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงเก้าอี้ แม้จะมีขุมกำลังที่แฟนบอลไทยรู้จักกันดีทั้งเก่าและใหม่ แต่คนที่ถูกฝากความหวังไว้มากที่สุดหนีไม่พ้น แฮร์รี เคน หัวหอกกัปตันทีมจากสเปอร์ส ซึ่งถ้าหากอังกฤษทำผลงานน่าผิดหวังที่กาตาร์ ก็มีโอกาสสูงที่ เซาธ์เกต จะได้รับซองขาวเป็นรางวัล ถึงแม้จะเหลือสัญญาถึงเดือน ธ.ค. 2024 ก็ตาม
อิหร่าน
ทีมเบอร์หนึ่งของเอเชีย และอันดับ 20 ฟีฟ่าแรงกิงล่าสุด ตีตั๋วเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งที่ 6 อย่างไรก็ตาม ตลอด 5 ครั้งที่ผ่านมา “นักรบเปอร์เซีย” จอดป้ายเพียงแค่รอบแบ่งกลุ่มทุกครั้ง และแน่นอนว่าฟุตบอลโลกที่กาตาร์ พวกเขาหวังที่จะหยุดสถิตินี้ให้ได้ หลังจากการันตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายก่อนใครในทวีปเอเชีย ภายใต้การคุมทัพโดย ดราแกน สโคซิช กุนซือชาวโครแอต อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลอิหร่านได้ เมห์ดี ทาจ ชนะการเลือกตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งประธานคนใหม่ และได้แต่งตั้ง คาร์ลอส เคยรอซ เฮดโค้ชชาวโปรตุกีส วัย 69 ปี กลับมานั่งเก้าอี้กุนซืออีกครั้ง หลังจากเคยมีประสบการณ์พาทีมชาติอิหร่านลุยฟุตบอลโลกมาแล้วถึง 2 ครั้งในปี 2014 และ 2018 ส่วนขุมกำลังชุดปัจจุบันนำโดย ซาร์ดาร์ อัซมูน ดาวยิงวัย 27 ปีจากเลเวอร์คูเซน, เมห์ดี ทาเรมี (ปอร์โต้), ซาแมน ก็อดดอส (เบรนท์ฟอร์ด) ซึ่งดูชื่อชั้นแล้ว ต้องยอมรับว่ายังเป็นรองเพื่อนร่วมกลุ่ม แต่ต้องไม่ลืมว่าเวิลด์คัพครั้งนี้บู๊กันที่กาตาร์ ทำให้ อิหร่าน ได้เปรียบคู่แข่งในแง่ความคุ้นชินกับสภาพอากาศ และถ้าพวกเขาเล่นได้เข้าฝัก ก็อาจจะมีเซอร์ไพรส์ทะลุเข้ารอบสองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ได้เหมือนกัน
สหรัฐอเมริกา
ยักษ์ใหญ่จากโซนคอนคาเคฟ ได้กลับมาอวดฝีเท้าในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 11 โดยผลงานดีที่สุดของพวกเขาคือการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลกครั้งแรกที่อุรุกวัยในปี 1930 หรือย้อนไปไกลถึง 92 ปีที่แล้ว แต่เวิลด์คัพ 2018 ที่รัสเซีย ทัพนักเตะ “พญาอินทรี” ทำได้เพียงเป็นแค่ผู้ชมถ่ายทอดสดทางทีวีอยู่ที่บ้านเท่านั้น จนมาถึงศึกที่กาตาร์ครั้งนี้ เกร็ก เบอร์ฮัลเตอร์ เฮดโค้ชวัย 49 ปี ที่พาขุนพลเมืองลุงแซมคว้าแชมป์คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ 2021 มีขุมกำลังที่ไม่ธรรมดา โดยส่วนใหญ่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรดังของยุโรป นำโดย คริสเตียน พูลิซิช (เชลซี), แมตต์ เทอร์เนอร์ (อาร์เซนอล), แซร์จินโญ เดสต์ (เอซี มิลาน), ลูกา เดอ ลา ตอร์เร (เซลตา บีโก), ไทเลอร์ อดัมส์ (ลีดส์), แอนโทนี โรบินสัน (ฟูแลม), เวสตัน แม็คเคนนี (ยูเวนตุส) ที่ดูแล้วศักยภาพของ สหรัฐอเมริกา มีดีพอที่จะตีตั๋วเข้ารอบต่อไปได้ไม่ยาก
เวลส์
ทัพ “มังกรแดง” ได้กลับมาโชว์ฝีเท้าในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เป็นครั้งแรกในรอบ 64 ปี โดยครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปไกลถึงศึกเวิลด์คัพ 1958 ที่สวีเดน ซึ่งพวกเขาทะลุเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังจากนั้นก็หายหน้าหายตาไปจากเวที จนกระทั่งได้มาปรากฏตัวอีกครั้งในศึกฟุตบอลโลก 2022 แต่กว่าจะคว้าตั๋วมาได้ก็ต้องลุ้นกันตัวโก่งจนถึงรอบเพลย์ออฟ โซนยุโรป ก่อนจะปราบ ออสเตรีย 2-1 และเฉือน ยูเครน 1-0 ซึ่งก่อนหน้านี้ เวลส์ มีกุนซือชื่อดังอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ แต่ทว่า ตำนานปีกแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเกี่ยวกับคดีทำร้ายร่างกายแฟนสาว สมาคมลูกหนังเวลส์ จึงมอบหมายให้ผู้ช่วยอย่าง ร็อบ เพจ ขัดตาทัพตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 และเฮดโค้ชวัย 47 ปีรายนี้ ก็สามารถพาทีมคว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ได้สำเร็จ ทำให้ ไรอัน กิ๊กส์ ตัดสินใจลาออกไปเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อหลีกทางให้ ร็อบ เพจ คุมทัพมังกรแดงอย่างเต็มตัว โดยขุนพลชูโรงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก แกเรธ เบล ดาวยิงกัปตันทีมวัย 33 ปี แม้ผลงานช่วงหลังจะดร็อปลงไปเยอะ แต่ยังคงเป็นผู้เล่นที่เวลส์ขาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีอดีตนักเตะ ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าง เนโก วิลเลียม, โจ อัลเลน, อารอน แรมซีย์ และ ดาเนียล เจมส์ ที่ดูแล้วน่าจะเบียดแย่งอันดับ 2 กับ สหรัฐฯ และ อิหร่าน อย่างดุเดือดแน่นอน
โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 กลุ่มบี
21 พ.ย. 65 อังกฤษ – อิหร่าน 20.00 น.
22 พ.ย. 65 สหรัฐอเมริกา – เวลส์ 02.00 น.
25 พ.ย. 65 เวลส์ – อิหร่าน 17.00 น.
26 พ.ย. 65 อังกฤษ – สหรัฐอเมริกา 02.00 น.
30 พ.ย. 65 เวลส์ – อังกฤษ 02.00 น.
30 พ.ย. 65 อิหร่าน – สหรัฐอเมริกา 02.00 น.