ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ใกล้เข้ามาทุกขณะ วันนี้ Playnowthailand จะพาไปวิเคราะห์เจาะลึก 4 ทีมใน กลุ่มซี ที่มี อาร์เจนตินา, ซาอุดิ อาระเบีย, เม็กซิโก และ โปแลนด์
อาร์เจนตินา
“ฟ้าขาว” ครองบัลลังก์แชมป์โลกมาแล้ว 2 สมัย ในปี 1978 และ 1986 หลังจากนั้นมีโอกาสเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศอีก 2 ครั้งในปี 1990 และ 2014 แต่อกหักทั้ง 2 ครั้ง ส่วนในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด ปี 2018 ที่รัสเซีย ขุนพลอาร์เจนไตน์จอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น หลังจากพ่ายต่อ ฝรั่งเศส 3-4 กระทั่งมาถึงฟุตบอลโลกหนนี้ที่กาตาร์ อาร์เจนตินายังคงซิวตั๋วลอยลำเข้าสู่รอบสุดท้ายได้เช่นเคย ด้วยผลงานจบอันดับ 2 ของรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ด้วยสถิติ ชนะ 11 เสมอ 6 ไม่แพ้ใคร โดยมีแม่ทัพชุดปัจจุบันคือ ลิโอเนล สคาโลนี เฮดโค้ชวัย 44 ปี ที่มีผลงานชิ้นโบแดงคือการพา “ฟ้าขาว” ผงาดคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา 2021 ซึ่งเป็นแชมป์รายการนี้ในรอบ 28 ปี ส่วนขุมกำลังของ สคาโลนี มีผู้เล่นฝีเท้าดีล้นทีม ไม่ว่าจะเป็น ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นิโกลัส โอตาเมนดี, คริสเตียน โรเมโร, อังเคล ดิ มาเรีย, เปาโล ดีบาลา, เลาตาโร มาร์ติเนซ และที่ขาดไม่ได้คือ ลิโอเนล เมสซี หัวหอกกัปตันทีมวัย 35 ปี ผู้แบกความหวังของแฟนบอลอาร์เจนไตน์ทั้งประเทศ อีกทั้งฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของเขา ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า รุ่นน้องและเพื่อนร่วมทีมทุกคน พร้อมสู้ตายถวายชีวิต และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า อาร์เจนตินา ดีกรีอันดับ 3 ฟีฟ่าแรงกิง คือหนึ่งในทีมเต็งแชมป์อันดับต้น ๆ ของฟุตบอลโลกครั้งนี้
ซาอุดิ อาระเบีย
“เศรษฐีน้ำมัน” เข้ามาโชว์ฝีเท้าในรอบสุดท้ายได้เป็นครั้งที่ 6 ต่อจากปี 1994, 1998, 2002, 2006 และ 2018 โดยผลงานดีที่สุดของพวกเขาคือ การเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา ส่วนเส้นทางการคว้าตั๋วมาลุยกาตาร์ในครั้งนี้ แข้งซาอุฯ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมเกินคาด แม้จะอยู่ในกลุ่มเดียวกับทีมแกร่งอย่าง ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย ในรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสาม แต่ผงาดคว้าแชมป์กลุ่มมาครองด้วยผลงาน ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1 โดยมี แอร์เว เรอนาร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส วัย 53 ปี คุมทัพตั้งแต่ปี 2019 หลังจากพา โมร็อกโก ไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย มาก่อน ขณะที่ขุมกำลังค้าแข้งอยู่ในลีกประเทศตัวเองกับสโมสรชั้นนำอย่าง อัล ฮิลาล, อัล อิตติฮัด และ อัล นาสเซอร์ ซึ่งใครหลายคนอาจมองว่า ซาอุฯ เป็นทีมม้านอกสายตา แต่นั่นก็เป็นข้อดีที่ทำให้พวกเขาลงเล่นแบบสบายใจไร้ความกดดัน และอย่าลืมว่านี่เป็นฟุตบอลโลกบนดินแดนทะเลทรายที่ทัพนักเตะ “เศรษฐีน้ำมัน” คุ้นชินสภาพแวดล้อมมากกว่า อาจทำให้พวกเขาสร้างผลงานเซอร์ไพรส์ก็เป็นได้
เม็กซิโก
ขุนพล “จังโก้” ถือเป็นหนึ่งในทีมขาประจำฟุตบอลโลก หลังจากก่อนหน้านี้พวกเขาทะลุเข้ามาเล่นรอบสุดท้าย 7 สมัยติดต่อกัน และถ้านับรวมทั้งหมดถึง 16 ครั้ง แต่ผลงานดีที่สุดคือการเข้าถึงแค่รอบก่อนรองชนะเลิศ ในปี 1970 และ 1986 ส่วนในศึกเวิลด์คัพ 2022 เม็กซิโก ผ่านเข้ารอบมาในฐานะรองแชมป์ของรอบคัดเลือก รอบสาม โซนคอนคาเคฟ โดยมี 28 แต้มจาก 14 นัด เท่ากับแชมป์คือ แคนาดา แต่ผลต่างประตูได้-เสียเป็นรอง โดยกุนซือชุดนี้คือ เคราร์โด มาร์ติโน ชาวอาร์เจนไตน์วัย 59 ปี ที่เคยผ่านงานใหญ่นั่งแท่นกุนซือบาร์เซโลนา รวมทั้งทีมชาติอาร์เจนตินามาแล้ว และผลงานชิ้นโบแดงคือ การพาทีมชาติปารากวัย เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ขณะที่ขุมกำลังของทัพ “จังโก้” นำโดย ราอูล ฮิเมเนซ กองหน้าจอมเก๋าจากวูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งลงเล่นทีมชาติไปแล้ว 97 นัด รวมทั้งวัยห้าวอย่าง ฮอร์เก้ ซานเชซ และ เอ็ดสัน อัลวาเรซ สองแข้งจากอาแจ็กซ์, เออร์วิง โลซาโน ( นาโปลี), เซซาร์ มอนเตส (มอนเทอร์เรย์) และ คาร์ลอส โรดริเกซ (ครูซ อาซูล) ที่ดูแล้วชื่อชั้นนักเตะไม่ธรรมดา แต่ตลอด 7 ครั้งก่อนหน้านี้ เหมือนอาถรรพ์ทัพจังโก้กระเด็นตกรอบ 16 ทีมทุกครั้ง เหมือนกับว่า เม็กซิโก เป็นทีมที่ดี แต่ยังดีไม่พอที่จะไปได้ไกลกว่านี้
โปแลนด์
“อินทรีขาว” เคยผ่านเวทีฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 8 สมัย และสามารถไปได้ไกลที่สุดคือคว้าอันดับ 3 เมื่อปี 1974, 1982 อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลโลก 3 ครั้งหลังสุดในปี 2002, 2006 และ 2018 พวกเขาเก็บกระเป๋ากลับบ้านตั้งแต่รอบแรกเท่านั้น ส่วนเวิลด์คัพ 2022 ครั้งนี้ โปแลนด์ จบรอบคัดเลือกด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่มไอ โซนยุโรป ทำให้ต้องไปออกแรงต่อในรอบเพลย์ออฟ ซึ่งพวกเขาชนะบาย รัสเซีย ที่ถูกแบนจากกรณีพิพาทกับยูเครน ต่อด้วยปราบ สวีเดน 2-0 ทำให้ได้ตั๋วมาลุยกาตาร์ในที่สุด โดย โปแลนด์ เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือจาก เปาโล ซูซา มาเป็น เซสลาฟ มิซนีวิช เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา หลังจาก ซูซา ตัดสินใจย้ายไปรับงานคุม ฟลาเมงโก้ สโมสรดังของบราซิล ขณะที่ขุมกำลังส่วนใหญ่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรดังของยุโรป ไม่ว่าจะเป็น วอจเซียก เซสนี, อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค (ยูเวนตุส), ปิโอเตอร์ ซีลินสกี (นาโปลี), นิโกล่า ซาลูสกี (โรมา) และที่ขาดไม่ได้คือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี หัวหอกจากบาร์เซโลนา วัย 34 ปี ซึ่งเป็นความหวังสำคัญของแฟนบอลโปแลนด์ทั้งชาติ ซึ่งดูแล้ว มีโอกาสพอสมควรที่พวกเขาจะได้ลุ้นผ่านเข้าสู่รอบสอง คาดว่าจะต้องแย่งชิงกับ เม็กซิโก อย่างดุเดือดแน่นอน
โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 กลุ่มซี
22 พ.ย. 65 อาร์เจนตินา – ซาอุดิ อาระเบีย 17.00 น.
22 พ.ย. 65 เม็กซิโก – โปแลนด์ 23.00 น.
26 พ.ย. 65 โปแลนด์ – ซาอุดิ อาระเบีย 20.00 น.
27 พ.ย. 65 อาร์เจนตินา – เม็กซิโก 02.00 น.
1 ธ.ค. 65 โปแลนด์ – อาร์เจนตินา 02.00 น.
1 ธ.ค. 65 เม็กซิโก – ซาอุดิ อาระเบีย 02.00 น.
