👉 ประกาศิต “ลุงป้อม” บอลซีเกมส์ต้องได้ทอง ถ้าไม่ได้ นายกสมาคมฯ ต้องออก เรียกเรตติ้งจากแฟนบอลกลุ่มหนึ่งที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีแฟนบอลอีกกลุ่มมองว่า อาจจะเป็นการแทรกแซงจน “ฟีฟ่า” แบนได้ แม้จะพูดในฐานะประธานโอลิมปิกไทย ไม่ใช่รองนายกรัฐมนตรี
👉 ในส่วน นายกสมาคมฯ ก็ได้ออกมาตอบสนอง และขอบคุณ “ลุงป้อม” ถือเป็นการให้พรและเป็นหน้าที่ที่จะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด พร้อมยืนยันชัดเจนว่าไม่ยึดติดเก้าอี้ และยินดีสนับสนุนบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ
🗣️ “ผมไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งนี้ พร้อมและยินดีสนับสนุนบุคคลที่มีความรู้ความสามารถด้านฟุตบอล ที่มีบารมี มีศักยภาพ รวมถึงมีกำลังทรัพย์ที่จะเข้ามาให้การสนับสนุน สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ด้วย”
👉 แต่ในบทสัมภาษณ์ต่อท้าย ยังมีคำถามจากประมุขลูกหนังไทย? ใครคือคนที่เหมาะสม
🗣️ “ผมก็อยากได้คนที่พร้อม มีศักยภาพเพียงพอ เข้ามาทำหน้าที่แทนได้เลย แต่ก็ยังมองว่า ถ้าตัวเองไม่อยู่ตรงนี้ สมาคมฯ อาจจะแย่ลงไปกว่านี้หรือไม่ ถ้าหากจะมีใครเข้ามา ก็อยากได้คนที่ดีกว่าผมเข้ามาทำหน้าที่”
👉 ประโยคนี้เหมือนจะสื่อความหมายเป็นนัย ๆ ว่า ถ้ายังไม่มีใครดีกว่า ก็อาจจะเสนอตัวชิงตำแหน่งอีกสมัย!!!
📍 แฟนบอลจำกันได้หรือไม่? พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ชนะการเลือกตั้งเข้ามาดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมฯ สมัยแรก ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นจากสโมสรสมาชิก เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 ก่อนจะได้สืบทอดอำนาจต่อในปี 2563
👉 ถึงวันนี้ ประมุขลูกหนังไทย ยังเหลือวาระดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 อีกราว 16 เดือน (หมดวาระกุมภาพันธ์ 2567) ก่อนจะมีการเลือกตั้ง นายกสมาคมฯ คนใหม่
👉 หากมองถึงการบริหารภาพรวมองค์กรแล้ว ก็ต้องถือว่า “สอบผ่าน” และเป็นรูปธรรมชัดเจนกว่ายุคไหน ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างที่ทำการใหม่, เดินหน้าโปรเจกต์สร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ, ปราบปรามขบวนการล้มบอลอย่างจริงจัง รวมไปถึง จัดอบรมโค้ช และยกระดับผู้ฝึกสอน จนฟีฟ่าให้การยอมรับ
👉 นอกจากนั้น สมาคมลูกหนังไทยยุคนี้ ได้สร้างมาตรฐานของการบริหารงานที่ “โปร่งใส ตรวจสอบได้” ไม่มีหมกเม็ด หรือซุกไว้ใต้พรมให้คลางแคลงใจ อีกทั้ง ยังไล่บี้ฟ้องร้องคดีกับขั้วอำนาจเก่าแบบที่ไม่เคยมีใครกล้าหือมาก่อน
👉 แต่ ณ เวลานี้ แฟนบอลบางกลุ่ม มุ่งหวังเพียงแค่ผล “การแข่งขัน” และยอมรับไม่ได้กับ “ความพ่ายแพ้”
👉 ที่หนักกว่าคือ กลุ่มหวังผลประโยชน์แอบแฝง ที่ส่งบรรดานักรบไซเบอร์ คอยปลุกปั่นกระแสบนโลกโซเชี่ยล เพื่อเป้าหมายในการขับไล่ประมุขลูกหนังคนปัจจุบันออกไปจากสารบบบอลไทยให้ได้
👉 จริงอยู่ ฟุตบอลแพ้ แฟนบอลเสียใจ แต่ใช่ว่ามันคือจุดจบ ยิ่งเมื่อดู ฟีฟ่า แรงกิ้ง ช่วง 10 ปีหลังสุดของทีมชาติไทย ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในยุคผู้นำสีกากีคนนี้นับตั้งแต่ปี 2016
2012 อันดับ 136 (สูงสุด 124 / ต่ำสุด 152)
2013 อันดับ 146 (สูงสุด 135 / ต่ำสุด 146)
2014 อันดับ 142 (สูงสุด 140 / ต่ำสุด 165)
2015 อันดับ 133 (สูงสุด 129 / ต่ำสุด 145)
2016 อันดับ 126 (สูงสุด 117 / ต่ำสุด 146)
2017 อันดับ 130 (สูงสุด 126 / ต่ำสุด 138)
2018 อันดับ 118 (สูงสุด 116 / ต่ำสุด 129)
2019 อันดับ 113 (สูงสุด 109 / ต่ำสุด (116)
2020 อันดับ 111 (สูงสุด 111 / ต่ำสุด 114)
2021 อันดับ 115 (สูงสุด 106 / ต่ำสุด 122)
2022 อันดับ 111
👉 ปล. ในปี 2014 ทีมชาติไทย เคยตกลงมาอยู่อันดับ 165 ของโลก และเป็นอันดับ 8 ในอาเซียน ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์
👉 คนที่บอกว่าบอลไทยยุคนี้ตกต่ำอาจจะต้องคิดใหม่ เพราะตัวเลข ฟีฟ่า แรงกิ้ง คือคะแนนสะสมของจริง ไม่โกหกใคร!!!
👉 นั่นคือ “ผลของงาน” ที่มีตัวเลขยืนยัน และหากเราหันมามอง “เจตนาที่กระทำ” ไม่ใช่แค่ “ผลการแข่งขัน” เพียงอย่างเดียว ก็อาจจะได้เห็นคุณค่าของคน ๆ นั้นมากขึ้น
👉 อดใจรอกันอีก 16 เดือน ก็จะมีการเลือกตั้ง “รัฐบอลใหม่” ส่วนจะได้ คนใหม่ หรือ คนเดิม คงต้องลุ้นไปพร้อม ๆ กันสำหรับแฟนบอลไทยที่ไม่มีสิทธ์ลงคะแนน!!!
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม