ลูตัน ทาวน์ นอกจากจะมีชื่อเล่นของทีมว่า “เดอะ แฮทเทอร์ส” หรือ “ช่างทำหมวก” แล้ว พวกเขายังได้ชื่อเล่นอันเป็นอัตลักษณ์ของทีมในยุค80s อีกว่า “สิงห์หญ้าเทียม”
พื้นหญ้าเทียมของสนาม เคนิลเวิร์ธ โรด คือสังเวียนปราบทีมใหญ่ที่โด่งดังมากๆ ของยุคนั้น จนส่งผลให้ ลูตัน ทาวน์ ทำผลงานได้ดีในลีกดิวิชั่นหนึ่ง ถึงขั้นเคยได้อันดับเลขตัวเดียว 3 ซีซั่นติดต่อกันในข่วงปี 1985-1988 และ ส่งนักเตะดีๆ เข้าสู่ทีมชาติอังกฤษได้ด้วย
เช่นเดียวกับ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส ทีมทหารเสือราชินี เจ้าของสนามหญ้าเทียมแห่งแรกของอังกฤษ ที่สามารถใช้ความได้เปรียบจนทำอันดับติดท็อปไฟว์ได้ถึง 3 ซีซั่น ซึ่งรวมถึงอันดับห้าในพรีเมียร์ ลีก ครั้งแรกด้วย แม้ว่าจะใช้หญ้าจริงแล้วก็ตาม
ก่อนที่ทุกสโมสรจะทยอยเลิกใช้หญ้าเทียม ซึ่งทหารเสือราชินีนำร่องไปก่อนในปี 1988 ตามมาด้วย ลูตัน ทาวน์ ในปี 1991 และ โอลด์แฮม แอธเลติก ในปี 1993 จนกระทั่งสมาคมฟุตบอลสั่งห้ามเด็ดขาดเมื่อปี 1995
ลูตัน ทาวน์ ที่ตกชั้นจากดิวิชั่นหนึ่งครั้งสุดท้ายจนพลาดการร่วมเล่นในพรีเมียร์ ลีก ครั้งแรกเมื่อปี 1992 สามารถปีนขึ้นมาจากดิวิชั่นสองเดิมด้วยโควต้าเพลย์ออฟจากชัยชนะชนิดต้องดวลจุดโทษเหนือ โคเวนทรี ซิตี ได้สำเร็จ
ซึ่งอดีตสิงห์หญ้าเทียมเคยตกอับจนหล่นไปเล่นถึงนอกลีกระหว่างฤดูกาล 2008/09-2013/14 จากนั้นค่อยๆ ปีนป่ายกลับเข้าระบบลีกได้เมื่อปี 2014 แล้วใช้เวลาต่ออีก 9 ฤดูกาลในการหวนคืนลีกสูงสุดอีกครั้ง
พวกเขายังคงใช้สนามเหย้าแห่งเดิม ซึ่งตอนนี้ไม่ได้เป็นของพวกเขาอีกแล้วเพราะขายให้สภาเมืองเพื่อนำเงินมาใช้หมุนเวียนตั้งแต่ปี 1989 ในราคา 3.25 ล้านปอนด์ แต่ก็ยังคงเช่าสนามที่มีความจุ 10,3xx คนต่อไป
แต่ก็จะเช่าต่ออีกแค่ราว 36 เดือนเท่านั้น เพราะลูตันจะลงมือสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ในปลายปีนี้ หลังจากเริ่มแผนมาตั้งแต่ปี 2019
ซึ่งสนามใหม่ของพวกเขาจะมีชื่อเรียกว่า พาวเวอร์ คอร์ต สเตเดียม อันมีขนาดความจุ 19,500 ที่นั่ง และ จะขยายเพิ่มอีก 4,000 ที่นั่ง ภายหลังจากที่สร้างเสร็จตามกำหนดการในกลางปี 2026
ทำให้ เคนิลเวิร์ธ โรด จะกลายเป็นสนามที่จุคนน้อยที่สุดของพรีเมียร์ ลีก แต่ก็จะเป็นสนามที่มีเสน่ห์ย้อนยุคมากที่สุดเช่นกัน
โดยเฉพาะอัฒจันทร์ฝั่ง โอ๊ค โร้ด สแตนด์ สำหรับแฟนบอลทีมเยือน ซึ่งทางเข้าสนามถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเมื่อต้องเดินผ่านอาคารบ้านเรือนก่อนจะเจอบันไดคู่ทางเข้าสู่สนาม
กาลเวลามาคู่กับการเปลี่ยนแปลง แต่สุดท้ายมนต์เสน่ห์ย้อนยุคก็จะยังคงมนต์ขลังอยู่เช่นเดิม