เมื่อพูดถึงฟุตบอลมีเรื่องหนึ่งที่ยังไงก็ต้องมีในวงการนี้ นั่นคือเรื่องของศักดิ์ศรี หลายคนที่ดูฟุตบอลคงรู้ดี ไม่ว่าลีกไหนก็ต้องมีคู่รักคู่แค้นที่เจอกันเมื่อไรเกมเดือดทุกครั้ง รวมทั้งในวงการฟุตบอลไทยด้วย เรากำลังพูดถึงคู่ศึกแห่งศักดิ์ศรีฟุตบอลไทยลีก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งจุดกำเนิดมาจากพวกเขาคือสองทีมที่เป็นคู่แข่งกันมาอย่างยาวนานในอดีต ผลัดกันได้แชมป์เรื่อยมา จนทำให้แฟนบอล 2 ทีมนี้กลายเป็นคู่อริกันไปโดยปริยาย แม้ทุกวันนี้จะมีอีกหลายทีมที่ขึ้นมาแข็งแกร่งและสูสีกันบ้าง แต่ก็นั่นแหละครับ เมื่อสองทีมนี้เจอกันบอกเลยว่าทั้งแฟนบอลและนักเตะจะใส่กันเต็มที่ พวกเขาจะทุ่มเททั้งเสียงเชียร์รวมไปถึงกำลังทุกอย่างที่มีเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ เรียกได้ว่า 3 แต้มที่เสียไปไม่เจ็บใจเท่าได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายแพ้
เกมนี้นับเป็นการเจอกันระหว่างสองขั้วอำนาจบอลไทยที่ใครๆ ก็ให้ความสนใจ แล้วแฟนบอลของทั้งสองทีมนี้จะไปเหลืออะไร พวกเขาต่างใจจดใจจ่อให้เกมนี้มาถึง
หากใครที่ติดตามฟุตบอลไทยมาอย่างต่อเนื่องก็จะเห็นการต่อสู้ของทั้งสองทีมนี้ ที่มีเรื่องสงครามประสาทหรือสงครามจิตวิทยาสารพัดรูปแบบ หัวเรือของทั้งสองทีมและแฟนบอลจะต้องออกมาพูดข่มหรือล้อเลียนอีกฝ่ายตั้งแต่รู้ว่าพวกเขาต้องเจอกัน ทั้งหมดทั้งมวลจะให้เล่าก็คงเล่าไม่หมด เพราะเหตุการณ์และวีรกรรมของทั้งสองทีมมีเยอะแยะมากมายจริงๆ
ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง ยังคงมีฟอร์มแรงอย่างต่อเนื่อง เกมล่าสุดพวกเขาบุกชนะราชบุรี มิตรผล เอฟซี 1-2 ทำให้ถึงตอนนี้ชนะมา 5 เกมติดแล้ว ปีนี้ถือว่าปราสาทสายฟ้ามาดีอย่างมากเหมือนว่าพวกเขาจะมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง และมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น พวกเขานำเป็นจ่าฝูง แข่งมาแล้ว 9 นัด ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 1 มีคะแนน 22 แต้ม อยู่อันดับที่ 1 ลอยลำมาในขณะนี้ โดยมีทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ตามมาติดๆ ที่ 19 แต้ม
ย้อนไปเมื่อฤดูกาลก่อน ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ตไม่ได้อย่างที่หวังและผลงานไม่ได้ดีมากนัก เลยต้องแยกทางกับ โบซิดตาร์ บันโดวิช แล้วดึง อเล็กซานเดร กามา มารับช่วงต่อและเขาก็ทำได้ดีค่อยๆ ไต่ระดับพัฒนาทีมจนจบรองแชมป์ได้อย่างไม่เกินความคาดหมาย จนถึงฤดูกาลล่าสุด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเป็นทีมที่หลายคนจับตามองมาตั้งแต่ตลาดซื้อขายนักเตะ เพราะว่าปกติพวกเขาจะเปลี่ยนโฉมต่างชาติใหม่แทบทุกตำแหน่ง แต่ฤดูกาลนี้ไม่เป็นอย่างนั้น พวกเขาซื้อตัวนักเตะไทยที่คิดว่าเติมเต็มให้กับทีมได้ และใช้ต่างชาติชุดเดิม
นั่นอาจจะบ่งบอกได้ว่าปราสาทสายฟ้าเปลี่ยนแนวคิดใหม่แล้ว อดทนมากขึ้นกับการใช้ต่างชาติ เริ่มเสริมผู้เล่นไทย ซึ่งแต่ก่อนจะเป็นการดันนักเตะเยาวชนของทีมขึ้นมา แล้วก็อาจจะไม่ได้ทันใช้งาน หรือใช้งานได้บ้างไม่ได้บ้าง สถานการณ์นี้ทีมจึงต้องรีบแก้ปัญหาโดยเร็ว เท่าที่ดูจากขุมกำลังและฟอร์มช่วงต้นฤดูกาล ผมว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปีนี้มีลุ้นแชมป์แน่นอน
ขณะที่ “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในฟอร์มมั่นใจ เมื่อ 2 เกมล่าสุดชนะทีมใหญ่อย่างเชียงราย ยูไนเต็ด ทั้งที่เหลือ 10 คน และเอาชนะโปลิศ เทโรฯ 2-1 แม้จะโดนนำก่อน ถือว่าพวกเขากำลังมาได้สวย แข่งมาแล้ว 9 นัด ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 2 มีคะแนน 15 แต้ม อยู่อันดับที่ 6 ของตาราง และแต้มยังเท่ากับอันดับที่ 5 อย่างการท่าเรือ เอฟซี แต่ประตูได้เสียของสิงห์เจ้าท่าดีกว่า
อย่างที่หลายคนทราบดีทีมกิเลนผยอง เมืองทอง ยูไนเต็ด อยู่ในช่วงประสบปัญหาหลายอย่าง มีหลายคนว่าทีมเมืองทองไม่ได้น่ากลัวแบบเมื่อก่อน ทั้งเรื่องที่เสียผู้เล่นหลักออกจากทีมไปหลายคน ทั้งฟอร์มการเล่นที่ยังคงต้องปรับจูนอยู่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายทั้งหมดครับ เพราะเมืองทอง ยูไนเต็ด ณ ตอนนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นกิเลนเลือดใหม่ โดยคนที่เข้ามาร่วมถ่ายเลือดก็เป็นตำนานของทีมอย่าง “ซูเปอร์มาริโอ” มาริโอ ยูรอฟสกี ซึ่งมารับงานคุมทัพกิเลนผยองในช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และก็ปรับจูนทีมไปในแนวทางที่เขาต้องการ ในช่วงแรกอาจดูติดๆ ขัดๆ บ้าง แต่เขาก็พาทีมจบอันดับ 7 ของตาราง แม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่ได้ดีมากแต่ก็ถือว่าโดดเด่น มองเห็นเป็นรูปธรรมในระยะเวลาสั้นๆ ได้ เพราะทีมไม่ได้เสริมอะไรมากเลย แถมวิธีการเล่นก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หลายคนคงอดใจไม่ไหวแล้วที่จะได้ดูศึกแห่งศักดิ์ศรีเมืองไทย แม้รูปเกมและฟอร์มการเล่นของเมืองทอง ยูไนเต็ด จะเป็นรอง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้การแข่งขันตื่นเต้นน้อยลงเลย อย่าลืมว่าเกมนี้มีศักดิ์ศรีค้ำคออยู่ กิเลนผยองคงไม่ให้ปราสาทสายฟ้าเคี้ยวได้ง่าย และปราสาทสายฟ้าก็ไม่ประมาทเป็นแน่ แฟนบอลของทั้งสองทีมที่ขึ้นชื่อว่าเหนียวแน่นและมีจำนวนมากเป็น 2 อันดับแรกของไทยคงตั้งตารอเชียร์กันแล้ว ในศึกรีโว่ ไทยลีก วันที่ 31 ตุลาคม 2564 เวลา 19.00 น. บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านพบ เมืองทอง ยูไนเต็ด ถ่ายทอดสดทาง AIS PLAY
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม