เส้นทางนักเตะอาชีพของ โอลิเวอร์ คาห์น กับ เยนส์ เลห์มันน์ นั้นเปรียบได้กับเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้
การแข่งขันความเป็นหนึ่งในทีมขาติของทั้งคู่ไม่ได้ต่างอะไรไปจากสมัยของ โทนี ชูมัคเกอร์ กับ อูลี สไตน์ หรือ โบโด อิกด์เนอร์ กับ อันเดรส คอปเค
แต่คู่ของ คาห์น กับ เลห์มันน์ มีความเกลียดชังแบบส่วนตัวทั้ง ต่อหน้า และ ลับหลัง เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน
สงครามในสนาม คาห์น ชนะทั้งตำแหน่งมือหนึ่งทีมชาติ และ ความสำเร็จในระดับสโมสร
จนกระทั่งฟุตบอลโลก 2006 ที่อินทรีเหล็กคุมทีมโดย เยอร์เกน คลินส์มันน์ ที่ตัดสินใจยกตำแหน่งมือหนึ่งให้กับ เลห์มันน์ จนกลายเป็นเหมือนการสร้างความขุ่นเคืองระหว่างทั้งคู่ให้มากขึ้น
แต่ทว่า คาห์น กลับเป็นคนที่ทำลายกำแพงอันแสนเย็นชาที่คอยปิดกั้นมิตรภาพที่ควรมีระหว่างทั้งคู่
ภาพการก้าวเข้าไปหา เลห์มันน์ ก่อนดวลจุดโทษตัดสินกับ ทีมชาติอาร์เจนตินา เพื่อให้กำลังใจด้วยคำพูด
และ การกระทำอันนุ่มนวลราวกับว่าไม่เคยมีความบาดหมางระหว่างทั้งคู่ ได้สื่อความหมายเสมือนกับการพังทลายลงของกำแพงเบอร์ลินที่กีดขวางความเป็นชาติของพวกเขาเมื่อหลายปีก่อน
นั่นคือภาพที่ตราตรึงใจแฟนบอลทั้งโลก ที่สร้างความยินดีปรีดาให้กับแฟนบอลเยอรมนีไม่น้อยกว่าชัยชนะในแมตช์นั้นด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะเมื่อมีการเผยในภายหลังว่า ระหว่างการจับมือของทั้งคู่ คาห์น ได้ส่งกระดาษที่มีรายละเอียดการยิงจุดโทษของนักเตะอาร์เจนไตน์ไปให้ เลห์มันน์
นั่นก็ยิ่งทำให้ คาห์น กลายเป็นผู้นำอย่างสมบูรณ์แบบ
เพราะเขาพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า หน้าที่ของพลเมืองที่ดีที่สุดคือการทำเพื่อชาติ แม้จะต้องกลืนเลือดแห่งความผิดหวัง และจำต้องฝืนใจในวินาทีแรกๆ ก็ตาม
เพราะความสำเร็จ และ ความเป็นชาติย่อมอยู่เหนือสิ่งใดๆ ทั้งหมด
เขาอาจเป็นผู้พ่ายในสมรภูมิเล็ก แต่เขาชนะใจคนทั้งโลกได้ในสมรภูมิหลัก ซึ่งรวมถึงอดีตอริคนสำคัญเข้าไปด้วย