หลังจากที่ “สเปน” สูญเสียผู้เล่นในยุค Golden Generation อย่าง อันเดรียส อิเนียสตา, เคราร์ด ปิเก, ชาบี เอร์นานเดซ และ ดาบิด ซิลบา รวมทั้งคนอื่นๆ ที่ช่วยพากระทิงดุคว้าแชมป์ยูโร 2008 แชมป์โลก 2010 และแชมป์ยูโร 2012 ไปตามกาลเวลา จากนั้น “สเปน” ก็กลับเข้าสู่วงจรเดิมๆ ก่อนยุคทอง ทีมตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกที่บราซิลในปี 2014 ตกรอบ 16 ทีมฟุตบอลยูโรปี 2016 จากนั้นจบเส้นทางคว้าแชมป์โลกในรอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกที่รัสเซียปี 2018 ความผิดหวังใน 3 รายการใหญ่ ทำให้สเปนเลือก “หลุยส์ เอ็นริเก” มากำหนดทิศทางฟุตบอลของชาติกันใหม่
“ผมเข้ามาเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงทีมชาติสเปน” อดีตนายใหญ่ของบาร์เซโลนาเอ่ยในวันแรกที่เข้ามาคุมทีมชาติบ้านเกิดเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2018 “เราจะวิเคราะห์แบบลงลึกว่าเกิดอะไรขึ้นในหลายปีที่ผ่านมา พวกเราไปเล่น 3 ทัวร์นาเมนต์โดยไม่ชนะอะไรเลย ไอเดียของผมคือ การพัฒนาการมากกว่าการปฏิวัติ แต่จะมีเรื่องประหลาดใจแน่ๆ” ทว่าหลังจากนั้นไม่ถึง 1 ปี หลุยส์ เอ็นริเก ก็ประกาศลาตำแหน่งเป็นการชั่วคราว
ในเดือนมิถุนายน 2019 หลุยส์ เอ็นริเก ประกาศลาจากการคุมทีมชาติสเปน ด้วยเหตุผลส่วนตัว ซึ่งถูกเปิดเผยในภายหลังว่า ซาน่า ลูกสาววัย 9 ปีของเข้าป่วยด้วยโรคมะเร็งกระดูก และเสียชีวิตใน 2 เดือนต่อมา ซึ่งนั่นทำให้หลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป เอ็นริเกเลิกเล่น WhatsApp เพราะไม่อยากจะต้องแบ่งปันความรู้สึกกับคนอื่นๆ มากมาย ระหว่างที่เขากำลังทำใจกับการสูญเสียครั้งใหญ่ของชีวิต ทีมชาติสเปนก็ต้องเดินหน้าต่อ
โรเบิร์ต โมเรโน ชายที่อยู่เคียงข้าง หลุยส์ เอ็นริเก มาตลอดนับตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพโค้ชในปี 2008 กับทีมบาร์เซโลนา บี เข้ามารับหน้าที่แทน พาทีมชาติสเปนชนะรวดทุกนัดระหว่างที่ทำหน้าที่แทนเอ็นริเก 5 เดือนต่อมาหลังจากประกาศพักงานชั่วคราว เอ็นริเกก็กลับมา แม้ว่าโมเรโนจะบอกว่าเขาจะลงจากตำแหน่งทันทีที่เพื่อนกลับมา แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นแบบนั้น ทั้งคู่แตกคอกัน โมเรโนเป็นฝ่ายเดินจากไป ซึ่งจากปากคำของเอ็นริเกบอกว่า โมเรโนต้องการคุมทีมในศึกยูโร 2020 ซึ่งนั่นหมายถึงการไม่ซื่อสัตย์ และเขายอมไม่ได้ที่จะให้มีคนแบบนี้ในทีมงานของเขา
หลายเรื่องที่หลายคนไม่รู้คือ ก่อนที่จะมาสวมเสื้อบาร์เซโลนาในฐานะผู้เล่น หลุยส์ เอ็นริเก เคยเป็นผู้เล่นของเรอัล มาดริด อยู่ 5 ฤดูกาล ก่อนจะย้ายตัวแบบฟรีๆ มาอยู่คัมป์นู แบบช็อกแฟนราชันชุดขาว “ผมจำตัวเองไม่ได้” เอ็นริเกเอ่ยเมื่อเห็นภาพตัวเองในชุดเรอัล มาดริด เงาบางๆ ก่อตัวขึ้น ความสงสัยว่าเอ็นริเกจะเลือกผู้เล่นจากเบอร์นาบิวมาติดทีมชาติหรือเปล่ากลายเป็นสิ่งที่หลายๆ คนแอบคิดในใจ ทีมชาติสเปนชุดแรกที่เขาคุม มีผู้เล่นจากเรอัล มาดริด ติดทีมมากถึง 6 คน และมีผู้เล่นจากบาร์เซโลนาแค่ 2 คนเท่านั้น จากนั้นมาเขาก็คุมทีมโดยไม่มีทีท่าว่าจะเลือกที่รักมักที่ชัง จนกระทั่งการประกาศผู้เล่นชุดสุดท้ายมาเล่นฟุตบอลยูโร 2020 โดยไม่มีผู้เล่นเสื้อขาวจากมาดริดติดมาเลย
ถ้าเราลองย้อนกลับไปดูทีมชาติสเปนในการไปเล่นฟุตบอลรายการใหญ่ๆ นับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา จำนวนนักฟุตบอลจากเรอัล มาดริด ในทีมกระทิงดุลดลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกันกับนักเตะบาร์เซโลนาที่ติดทีมชาติน้อยลง ในฟุตบอลโลกปี 2010 และยูโร 2012 สเปนมีผู้เล่นจากเรอัล มาดริด 5 คน และบาร์เซโลนา 7 คน ต่อมาในฟุตบอลโลก 2014 มีผู้เล่นจากเรอัล มาดริด 3 คน และบาร์เซโลนา 7 คน ในยูโร 2016 มีผู้เล่นจากราชันชุดขาว 2 คน และเจ้าบุญทุ่ม 5 คน
หรือในฟุตบอลโลก 2018 ที่มีผู้เล่นเรอัล มาดริดติดทีมมากหน่อย 6 คน และมาจากบาร์เซโลนา 4 คน ซึ่งตอนนั้นมีเรื่องด่างพร้อย เพราะ ฆูเลน โลเปเตกี กุนซือทีมชาติสเปนเซ็นสัญญาคุมทีมเรอัล มาดริดล่วงหน้าหลังจบฟุตบอลโลก โดยไม่ได้บอกใคร จนมีข่าวออกมา 2 วันก่อนที่สเปนจะลงสนามเกมแรก โลเปเตกีถูกสมาคมฟุตบอลสเปนไล่ออกก่อนทีมจะได้ลงสนามบอลโลก และตั้ง เฟร์นานโด เอียร์โร มาขัดตาทัพ
ในฟุตบอลยูโร 2020 หนนี้ ยูฟ่าอนุญาตให้ทีมมีผู้เล่นได้ 26 คน แต่ หลุยส์ เอ็นริเก เลือกผู้เล่นติดทีมไปแค่ 24 คนเท่านั้น จึงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า ทำไมเขาถึงตัดสินใจไม่พาไปอีก 2 คน และทำไมไม่เอา เซร์คิโอ รามอส จากเรอัล มาดริดไปด้วย ในจำนวน 24 คน มีผู้เล่นที่ค้าแข้งในลาลีกาแค่ 10 คน ที่เหลือมาจากพรีเมียร์ลีก, บุนเดสลีกา,เซเรีย อา และลีกเอิง ถ้าหากสเปนตกรอบแรกฟุตบอลยูโร หรือไปได้ไม่ไกล คำถามถึงการตัดสินใจของ หลุยส์ เอ็นริเก จะดังไปทั่วสเปน โดยเฉพาะที่กรุงมาดริดอย่างแน่นอน
แม้จะมีผู้เล่นบาร์เซโลนาติดทีมมาแค่ 3 คน แต่มองให้ลึกไปอีก มีผู้เล่นอีก 4 คนที่มีดีเอ็นเอแบบบาร์ซ่าอยู่ในทีม ทั้ง ติอาโก อัลคันทารา, อดามา ตราโอเร, ดานี โอลโม และ เอริก การ์เซีย ทั้งหมดล้วนเคยเล่นให้บาร์เซโลนามาก่อน
ที่ผ่านมาเราคุ้นเคยกับการที่สเปนมีผู้เล่นจากเรอัล มาดริดและบาร์เซโลนามากมายในทีม แต่ครั้งนี้เอ็นริเกกำลังพยายามสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เล่นจากหลายสโมสร ค้าแข้งในหลายประเทศ และส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นดาวรุ่ง โดย 13 คนติดทีมชาติครั้งแรกในปี 2019 มีแค่ 6 คนที่มีประสบการณ์ในทีมชาติจากฟุตบอลโลกปี 2018 ยูโรหนนี้จึงเป็นเหมือนบนทดสอบแรกของเอ็นริเกเอง และผู้เล่นหลายๆ คน
“ถ้าคุณไม่ชอบสไตล์ของผม ผมก็ไม่สนใจหรอก” เอ็นริเกเอ่ยต่อหน้านักข่าว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในสนาม ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นแบบไหน เราเชื่อเหลือเกินว่า หลุยส์ เอ็นริเก จะไม่มีวันเปลี่ยนแนวทางที่เขาคิดว่าจะทำเพื่อทีมชาติสเปนอย่างแน่นอน แม้ว่าจะต้องเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม