ผลลัพธ์ทัพ “ช้างศึก U23” แม้จะ “สอบผ่าน” เข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้ตามเป้า แต่ผลงานในสนามต้องถือว่า “สอบตก”
ปัญหาที่ทุกคนมองเห็นก็คือ ทีมเวิร์กและความรู้ความเข้าใจในระบบการเล่นแทบไม่มี นี่แหละคือผลของการรวมกันแค่ 6 วัน ซึ่งมันใช้กับบอลเด็กไม่ได้
อีกทั้งผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอลไทยก็คิดไปเองว่า นักเตะเราเป็นมืออาชีพมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บตัวฝึกซ้อมนานจึงไม่หลบโปรแกรมลีกให้
อย่าลืมนะครับว่าเราคือ “ไทย” ไม่ใช่ทีมระดับโลกที่นักเตะเขาฟิต และมีความรู้ความเข้าใจในระบบการเล่นมากพอ ถึงเรียกมาเก็บตัวกันแค่ 6-7 วัน
“ซิโก้” เคยพูดเอาไว้ว่า ถ้าอยากให้ผลงานทีมชาติออกมาดี ก็ควรมีเวลาเก็บตัวอย่างน้อย 2 อาทิตย์ขึ้นไปถึงจะได้ผล
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเราพยายามจะทำตัวเองให้เป็นสากล โดยเลิกเก็บตัว 2-3 อาทิตย์ หรือเป็นเดือนๆ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมามันเห็นชัดว่าไม่ได้ผล
ดังนั้นเกมเสมอเจ้าภาพ มองโกเลีย 1-1 ที่ทุกคนมองว่าพลาด แต่ผมกลับมองว่าเราไม่แพ้ก็บุญแล้ว เพราะความคุ้นเคยสนามมันแตกต่างกัน แถมเราเพิ่งรวมตัวกันจริงจังนัดแรก
กอปรกับนักเตะตัวหลักฝีเท้าดีก็มาไม่ได้เพราะต้องอยู่ช่วยสโมสร แถมโค้ชยังดื้อใส่ชื่อนักเตะที่เพิ่งเดินทางมาถึงแคมป์ 1 วันก่อนแมตช์จะเริ่ม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงสักแมตช์ เปลืองโควตา 23 คนไปอีก
นอกจากนั้นด้วยสภาพสนามหญ้าเทียมที่ไม่คุ้นเคย ทำให้นักเตะพาเหรดเจ็บกันตั้งแต่เกมแรกทั้ง วันชาติ ชูสงค์, เบนจามิน เดวิส, อันโตนิโอ แสนใจรักษ์, สกุลชัย แสงโทโพธิ์ ไล่มาจนถึง ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ที่ต้องฝืนเล่นจนจบเกมกับมาเลเซีย
สรุปสั้นๆ “ช้างศึก U23” ชุดนี้ รอบคัดเลือกโชคยังดีที่อยู่กลุ่มเบา ถ้าอยู่กลุ่มแข็งกว่านี้ ไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
หลังจากนี้ “มาดามแป้ง” ผู้จัดการทีม รวมทั้ง “โค้ชโย่ง” และทีมงาน คงต้องนำบทเรียนมาแก้ไข โดยเฉพาะการพูดคุยกับสมาคมฯ และสโมสรในการเตรียมตัวสู้ศึกรอบสุดท้ายที่อุซเบกิสถานในปีหน้า เพราะถ้าขืนยังมีเวลารวมตัวกันไม่ถึงอาทิตย์ นักเตะตัวหลักยังมาไม่ได้ “ช้างศึก U23” ก็คงจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้อีกแล้ว
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม
