ฟุตบอลชาย ถูกบรรจุอยู่ในมหกรรมเอเชียนเกมส์มาตั้งแต่เริ่มต้นในปี 1951 ที่ประเทศอินเดียเป็นเจ้าภาพ แม้ว่านักเตะไทยยังไปไม่ถึงเหรียญรางวัล แต่ก็มีเรื่องราวให้จดจำทุกครั้งที่ลงแข่งขัน
1.ทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรกในเอเชียนเกมส์ ครัังที่ 5 ปี 1966 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และสามารถผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
2.ผลงานดีที่สุดของทีมชาติไทยในเอเชียนเกมส์ คือการคว้าอันดับ 4 ในปี 1990 (แพ้ เกาหลีใต้ 0-1), 1998 (แพ้ จีน 0-3), 2002 (แพ้ เกาหลีใต้ 0-3) และ 2014 (แพ้ อิรัก 0-1)
3.หนึ่งไฮไลต์ที่น่าจดจำคือ ลูกยิงฟรีคิกผีจับยัดของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ที่ซัดประตูโกลเดนโกลในช่วงต่อเวลาพิเศษพาทีมชาติไทยดับ เกาหลีใต้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างเหลือเชื่อ ต่อหน้ากองเชียร์ชาวไทยที่เข้ามาชมกันเต็มสนามราชมังคลากีฬาสถาน ในเอเชียนเกมส์ 1998
4.อีกหนึ่งความประทับใจคือการคว้าอันดับ 4 ในเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เกาหลีใต้ แม้จะไม่มีลูกยิงโลกตะลึงแบบปี 98 แต่ทีมชุดนี้ถูกยกให้เป็น โกลเดน เจเนอเรชัน ของวงการฟุตบอลไทย นำทีมโดย ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, สารัช อยู่เย็น, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, อดิศักดิ์ ไกรษร, ชาริล ชัปปุยส์, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ภายใต้การคุมทีมของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง สามารถพาทีมเก็บคลีนชีตได้ถึง 5 จาก 6 นัดที่ลงแข่ง โดยนัดเดียวที่เสียประตูเกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศที่แพ้เจ้าภาพ 0-2
5.ผลงานล่าสุดในปี 2018 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ทีมชาติไทยตกรอบแรกจากผลงานเสมอ 2 แพ้ 1 ไม่ชนะใคร จบอันดับ 3 ของกลุ่มบี
6.เอเชียนเกมส์ มีการกำหนดอายุตั้งแต่ปี 2002 โดยนักเตะที่เข้าร่วมแข่งขันต้องอายุไม่เกิน 23 ปี แต่ให้มีผู้เล่นอายุเกินได้ 3 คน
7.อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเอเชียนเกมส์ 2022 ถูกเลื่อนการแข่งขันออกมา 1 ปี จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ในปีนี้เป็นกรณีพิเศษที่ทุกทีมสามารถใช้นักเตะอายุไม่เกิน 24 ปี และใช้โควตานักเตะอายุเกินได้ 3 คนเหมือนเดิม
8.เกาหลีใต้ คือชาติที่เป็นแชมป์เอเชียนเกมส์มากที่สุดรวม 5 สมัย (1970, 1978, 1986, 2014, 2018) และมีลุ้นทำสถิติเป็นชาติแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน โดย เมียนมา เป็นชาติเดียวจากอาเซียนที่เคยคว้าเหรียญทองถึง 2 ครั้งในปี 1966 และ 1970
9.เอเชียนเกมส์ครั้งนี้ จะเปิดฉากฟาดแข้งกันตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน หรือก่อนพิธีเปิดเริ่ม 4 วัน โดยมีทั้งหมด 23 ทีม รูปแบบการแข่งขันในรอบแรก แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ๆ ละ 4 ทีม มี 5 กลุ่ม และกลุ่มละ 3 ทีม มี 1 กลุ่ม แข่งขันแบบพบกันหมด โดยนำเอาทีมอันดับ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่ม รวม 12 ทีม และทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
10.ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทัพของ อิสสระ ศรีทะโร เจองานหนักตั้งแต่รอบแรก เมื่ออยู่กลุ่มอีร่วมกับ เกาหลีใต้ แชมป์เก่า, คูเวต รองแชมป์ 2 สมัย และบาห์เรน แถมทีมชาติไทยยังประสบปัญหาตัวผู้เล่น เพราะไม่ใช่ช่วงฟีฟ่าเดย์ ทำให้ได้นักเตะมาแค่ 21 คน ทั้งที่ส่งได้ 22 คน
11.โปรแกรม ฟุตบอลชายทีมชาติไทย ในเอเชียนเกมส์ รอบแบ่งกลุ่ม มีดังนี้
วันที่ 19 กันยายน 2566 เวลา 15.00 น. ไทย พบ บาห์เรน ที่ จินหัว สเตเดียม
วันที่ 21 กันยายน 2566 เวลา 18.30 น. ไทย พบ เกาหลีใต้ ที่ จินหัว สเตเดียม
วันที่ 24 กันยายน 2566 เวลา 18.30 น. ไทย พบ คูเวต ที่ สนามมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงตะวันออก