Link Copied!

เป้าหมายของช้างศึก ต้องชนะเท่านั้นในเกมที่เหลือ

หลังเกมที่ทีมชาติไทยเสมอทีมชาติอินโดนีเซีย 2-2 เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2564 ทำให้อดได้ 3 แต้มอย่างน่าเสียดาย แฟนบอลทัพช้างศึกคงมีคำถามว่าทีมชาติไทยของเราพลาดอะไรบ้าง เหตุใดนัดดังกล่าวทำได้แค่เสมอ ทั้งที่ยิงนำก่อนถึงสองรอบ

สิ่งแรกที่แฟนบอลมองเห็นในเกมดังกล่าวคงเป็นการจัดทัพของโค้ชอากิระ นิชิโนะ และหลายคนตั้งคำถามว่าเขาจัดทีมพลาดหรือไม่ แน่นอนว่าแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่คาดว่าโค้ชนิชิโนะคงใช้ผู้เล่นที่ตนเองมีความมั่นใจเมื่อดูจากการซ้อมและการอุ่นเครื่องในหลายๆ นัดที่ผ่านมา แต่ใครจะรู้ว่าผู้เล่นนั้นจะฟอร์มดีอย่างที่คาดไว้หรือไม่ เพราะการซ้อมและนัดอุ่นเครื่องกับนัดแข่งขันจริงมันแตกต่างกัน

ในเกมกับอินโดนีเซีย โค้ชอากิระ นิชิโนะ มาในแผน 4-2-3-1 ซึ่งคาดว่าเป็นผู้เล่นที่เขามั่นใจอยู่สมควร เพราะโค้ชนิชิโนะก็มีการทดลองผู้เล่นมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งสิ่งที่แฟนบอลไทยเห็นตรงกันคือ ฝั่งซ้ายของทัพช้างศึกค่อนข้างมีปัญหา เพราะทีมชาติอินโดนีเซียใช้พื้นที่ตรงนั้นทำเกมบุกใส่ไทยเป็นส่วนใหญ่ แต่ดูเหมือนเป็นแผนที่วางไว้แต่แรก เพราะฝั่งขวาทีมเขาเป็นผู้เล่นหมายเลข 10 อย่าง เอกี มัวลานา ที่เป็นตัวเก่งของทีม งานหนักจึงตกอยู่ที่ผู้เล่นทีมชาติไทยอย่าง เออร์เนสโต ภูมิภา แบ็กซ้ายจากบีจี ปทุม ยูไนเต็ด รวมถึง เอกนิษฐ์ ปัญญา และ สุพรรณ ทองสงค์ อาจเป็นเพราะทั้งสามคนไม่เคยเล่นด้วยกันหรือเวลาซ้อมไม่พอ จึงเห็นความผิดพลาดค่อนข้างชัดเจน โดยหลังเกมเสียงวิจารณ์และตำหนิตกไปที่เออร์เนสโตเป็นส่วนใหญ่

ประตูแรกที่เราเสียเริ่มจากผู้เล่นอินโดนีเซียโยนบอลยาวมาฝั่งซ้ายของไทย แล้วจ่ายตัดเข้ามาแดนกลาง และเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอย่าง สุพรรณ ทองสงค์ ก็ดูจะหลุดตำแหน่งไปแล้วจากการไล่บอลที่ฝั่งซ้าย ทำให้กลับมาช่วยจังหวะนั้นได้ยาก ขณะที่ มานูเอล ทอม เบียห์ร เซ็นเตอร์ฯ อีกคนก็มีปฏิกิริยาช้าไป ขยับไม่ทันตอนที่ผู้เล่นอินโดฯ จ่ายบอลทะลุช่องเข้ากรอบเขตโทษ ให้ผู้เล่นอีกคนสอดมายิงประตู พอครึ่งหลังไทยก็ถือว่าทำได้ดี เพราะยิงประตูที่สองในช่วงต้นครึ่งแรกจากการย้ำลูกเปิดใส่ทีมอินโดหลายครั้ง จนได้ประตูจาก อดิศักดิ์ ไกรษร ซึ่งเห็นได้ว่าอินโดนีเซียก็พลาดเหมือนกัน เพราะผู้เล่นมัวแต่มองลูกบอลที่อยู่กลางอากาศ ทำให้ประกบผู้เล่นไทยผิดพลาดจนเสียประตู

ส่วนประตูที่ 2 ที่อินโดนีเซียตีเสมอไทยในนาทีที่ 59 ก็เริ่มจากการขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายของไทยเช่นเดิม เราจะเห็นได้ว่าตอนนั้นดูจะไม่มีปัญหาเพราะมีผู้เล่นของไทยอยู่เต็มไปหมด แต่ก็เป็นเพราะผู้เล่นไทยถอยลงลึกเกินไปและเข้าประกบช้า แล้วก็เป็นอินโดนีเซียใช้เทคนิคจ่ายบอลตัดในผ่าน สุพรรณ ทองสงค์ ที่ขาตาย ให้ผู้เล่นอินโดฯ อีกคนทำประตูเข้าไป ซึ่งหลังจากตีเสมอได้ทีมอินโดนีเซียก็เปลี่ยนเป็นเกมรับอย่างเต็มรูปแบบ แม้ไทยจะมีเปอร์เซ็นต์ครองบอลเยอะกว่า และเปลี่ยนผู้เล่นหวังสร้างความแตกต่าง แต่ก็ทำประตูเพิ่มไม่ได้ จบเกมไป 2-2 ประตู

เมื่อดูเกมของไทยโดยรวม คนที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร กองกลางจากทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งทั้งเกมธนวัฒน์พยายามหาพื้นที่อยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้ครองบอลเขาก็มักขึ้นไปเติมพื้นที่แดนบนได้ดี และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคลาสบอลของเขาแตกต่างจากผู้เล่นไทยที่เราเคยเห็นมา ดังที่หลายคนบอกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ตามเซนส์บอลของธนวัฒน์ไม่ทัน เรื่องนี้อาจมีส่วนจริงไม่มากก็น้อย แต่เมื่อ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร เข้ามาเล่นทีมชาติไทยที่เต็มไปด้วยผู้เล่นไทยลีก เขาก็คงจะต้องปรับตัวเข้าหาทีมบ้าง ซึ่งเป็นงานที่เขาและโค้ชจะต้องหาทางออกร่วมกัน

ในเกมสำคัญของค่ำคืนวันที่ 7 มิถุนายนนี้ โค้ชอากิระ นิชิโนะ จะแก้ปัญหาหรือเตรียมทีมเพื่อเจอสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างไร แน่นอนว่ายูเออีน่าจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ขณะผู้เล่นไทยที่มีศักยภาพก็ยังมีอยู่เต็มทีม สามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ ไม่ต้องสนแล้วว่าจะจัดทีมถูกใจใครไหม แฟนบอลชาวไทยชั่วโมงนี้คงต้องเชื่อมั่นในตัวโค้ชนิชิโนะให้ถึงที่สุด สถานการณ์อย่างนี้โค้ชชาวญี่ปุ่นคงต้องขุดเอาตำรากลยุทธ์ทั้งหมดที่มีออกมาใช้ หลังได้เรียนรู้จากเกมแรกที่ผ่านมา ผมคิดว่าทีมชาติไทยไม่มีอะไรให้เสียแล้ว อีก 2 เกมที่เหลือทัพช้างศึกมีเป้าหมายคือต้องชนะเท่านั้น

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares