ในช่วงเวลาแค่ 2 สัปดาห์ ศึกรีโว่ ไทยลีก มีการ “ปลดโค้ช” ไปแล้วถึง 4 ราย
25 ต.ค. “มาโกโตะ เทกุระโมริ” คือกุนซือคนแรกที่ต้องตกงาน หลังไม่สามารถพา “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด คว้าชัยชนะนอกบ้านได้เลย
29 ต.ค. “คาร์ลอส เอดูอาร์โด ปาร์เรร่า” กลายเป็นกุนซือคนที่ 2 ที่ต้องสังเวยผลงานกระท่อนกระแท่นของ “จงอางผยอง” ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่ร่วงมาอยู่ในเรดโซน
2 พ.ย. “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล กลายเป็นกุนซือรายที่ 3 หลังเจ้าตัวแสดงความรับผิดชอบต่อผลงานของ “พญาไก่ชน” หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ยังดีดตัวเองไม่พ้นก้นตาราง
7 พ.ย. สด ๆ ร้อน ๆ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน กลายเป็นกุนซือรายที่ 4 ตามเพื่อนซี้ “โค้ชวัง” ที่แสดงความรับผิดชอบผลงานบู่ของ “ราชันโคขาว” ลำพูน วอริเออร์ หล่นรั้งบ๊วยของตาราง
ดูแล้วการปลดโค้ช กำลังจะเป็น “อุปทานหมู่” ไม่น่าจะจบแค่ 4 รายนี้ เพราะมีอีกหลายทีมที่ทำผลงานสวนทางกับเม็ดเงินและความคาดหวังของผู้บริหารที่มีความอดทนต่ำ
ก่อนหน้านั้น ชื่อของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ เฮดโค้ช เมืองทอง กับ สก็อตต์ คูเปอร์ ของการท่าเรือ กลายเป็นสองตัวเต็งเก้าอี้ร้อนฉ่า แต่ทั้งคู่สามารถพลิกสถานการณ์เอาตัวรอดไปได้
หรือบางทีมที่มีเม็ดเงินไม่มากและประสบการณ์น้อย แต่อาจต้องการจุดเปลี่ยนเพื่ออยู่รอดให้ได้ อย่างทีมน้องใหม่ ลำปาง เอฟซี ที่ใช้บริการของ “โค้ชต้น” สุกฤษฏิ์ โยธี ต่อเนื่องหลังพาทีมสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นสู่ลีกสูงสุด
ทว่าเหมือนนับเวลาถอยหลังเข้าไปทุกที หากฟอร์มยังกระเตื้องไม่ได้ ต้องดูว่าเดดไลน์ของผู้บริหาร “รถม้ามรกต” จะอยู่ที่แมตซ์ไหนเท่านั้น
อีกคนที่เป็นตัวเต็งคือ “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ของ “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ เอฟซี ที่ผลงานสามวันดีสี่วันไข้ แถมล่าสุดบุกไปแพ้ หนองบัวฯ 1-3 จนอันดับอยู่เฉียดใกล้โซนแดง
ฉะนั้น ว่ากันด้วยผลงาน และเป้าประสงค์ในการอยู่รอดบนลีกสูงสุด ผู้บริหารประจวบน่าจะเริ่มมองหากุนซือคนใหม่ไว้บ้างแล้ว…