Link Copied!

เป้าหมายที่ใหญ่กว่า “แชมป์”

เสียดาย แต่ไม่เสียใจ แม้ทีมชาติไทยจะพ่ายเวียดนามในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี แต่ผลงานของ “ช้างศึกยังบลัด” ที่แบกอายุลงสนาม ได้ผ่านบททดสอบอีกระดับขั้น เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต

พลิกวิกฤติเป็นโอกาส

อย่างที่ทราบกันดี ฟุตบอลรายการนี้ไม่ตรงกับช่วงฟีฟ่า เดย์ ทำให้ไม่สามารถเรียกนักเตะตามรุ่นที่ต้องรับใช้ต้นสังกัด แต่เพื่อไม่ให้เสียโอกาส สมาคมฯ จึงตอบรับพร้อมแต่งตั้ง “ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย” เฮดโค้ช U19 ชาวสเปน คุมทัพไปแทน โดยใช้แกนหลักอายุต่ำกว่า 19 ปี มีเกินแค่ 2 คน คือ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย (20) และ อนุศักดิ์ ใจเพชร (22) ที่เหลือล้วนเป็น “สายเลือดใหม่” ที่ต้องเสิร์ชหาโปรไฟล์ แถมเกินครึ่งหนึ่งเล่นอยู่ในระดับไทยลีก 3

ถึงแม้ว่านักเตะในทีมชุดนี้จะมีต้นสังกัดเป็นของตัวเอง และหลายคนก็อยู่ในสโมสรแถวหน้าที่ตบเท้ากันเข้ามาจองตัวตั้งแต่อายุยังน้อยๆ แต่ต้องไม่ลืมว่า การอยู่ทีมใหญ่นั้นพวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสลงสนามแข่งขันจริง ทำให้หลายคนขาดการพัฒนาที่ต่อเนื่องไปโดยปริยาย ฉะนั้นการมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้พวกเขาได้โชว์ศักยภาพว่า “มีของดีอยู่ในตัว”

แม้จะมองในเรื่องของความสำเร็จได้ยาก แต่ก็นับว่าได้ประโยชน์หลายด้านกับการตัดสินใจครั้งนี้ โดยเฉพาะทัวร์นาเมนต์ในระดับอาเซียน ถือเป็นเวทีที่น่าลองเสี่ยงส่งเด็กไปทดสอบ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และต่อยอดในอนาคต เหมือนกับชาติชั้นนำของเอเชียอย่างญี่ปุ่นที่มักจะส่งแข้งเยาวรุ่นออกไปแบกอายุในรายการระดับเยาวชนต่างๆ เพราะการมีเวทีให้กับเยาวชนถือเป็นสิ่งสำคัญในเรื่องการพัฒนา และการได้ทำหน้าที่เกินอายุก็คือบทพิสูจน์หนึ่งที่จะบอกว่าเราก้าวข้ามได้หรือไม่?

ย้อนกลับไปในอดีต หลายครั้งที่ทีมชาติไทยมีแนวคิดจะส่งเด็กไปแบกอายุแข่งขัน แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้น เพราะด้วยกระแสแฟนบอล รวมถึงความสำเร็จที่เรายึดติดกันในระดับอาเซียน ทำให้เราต้องจัดเต็มทุกครั้ง และสุดท้ายเมื่อไปไม่ถึงแชมป์ก็จะโดนกระแสด้านลบตามมา

แต่ความกล้าเสี่ยงของสมาคมฯ ในทัวร์นาเมนต์นี้ได้พลิกกระแสใหม่ แฟนบอลเริ่มเข้าใจ และทำให้ได้เห็นว่านักเตะ U19 ชุดนี้ แต่ละคนพัฒนาไปถึงไหน แต่ละคนจะต้องปรับปรุงอะไรบ้าง ยิ่งมีโค้ชที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ย่อมทำให้พวกเขาได้พัฒนาไปในรูปแบบที่ถูกต้องและมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน

บทเรียนที่คุ้มค่า

“บทสรุปทัวร์นาเมนต์นี้เป็นบททดสอบที่ดี เราต้องพัฒนาทีมชุดนี้ต่อไป เพื่อที่จะไปฟุตบอลเยาวชนโลกให้ได้ นี่คือเป้าหมายหลัก และผมคิดว่าเรามีระดับที่ดี เราต้องพยายามรักษามันไว้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย”

ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย ผ่านการทำงานกับทีมชุดนี้มายาวนานนับตั้งแต่สมาคมฯ เซ็นสัญญากับ “เอคโคโน” ในปี 2017 เพื่อให้เข้ามาสร้างรากฐานพัฒนาระบบเยาวชน โดยครั้งนั้นเฮดโค้ชชาวสเปนได้รับมอบหมายให้ดูแลทีมชาติไทยในรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี จากวันนั้นถึงวันนี้ เด็กๆ ชุดที่เขาดูแลได้เติบโตและก้าวขึ้นมาเล่นในระดับ U19 ซึ่งแน่นอนว่าเขาย่อมรู้จักฝีเท้าของแต่ละคนเป็นอย่างดี และสามารถเลือกใช้งานได้ตรงจุด

การที่เราใช้เด็ก U19 ไปแข่งขันในทัวร์นาเมนต์จริง แถมเป็นรายการที่ต้องแบกอายุ ยิ่งทำให้นักเตะกล้าเล่นกล้าลุยแบบไม่มีอะไรจะเสีย และพร้อมที่จะเล่นเพื่อทีม ไม่มีใครเอาเปรียบใคร เพราะเด็กๆ ชุดนี้ส่วนใหญ่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่รุ่น U14 จึงรู้ระบบ วิธีการเล่น ทำให้การปรับตัวเข้าหากันไม่ใช่เรื่องยาก บวกกับความไม่มีอีโก้ของเด็ก สมาธิทุกอย่างจึงมีอยู่แค่ในสนาม และพร้อมจะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ จากการฝึกซ้อมอยู่เสมอ เพื่อรอวันเติบโตขึ้นไปเป็นนักฟุตบอลคุณภาพ

แน่นอนว่าการคว้าแชมป์เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่บางครั้งอาจต้องยอมรับความผิดหวังบ้างหากจะแลกกับอนาคต ซึ่งทัพ “ช้างศึกยังบลัด” ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว แม้ว่าความพยายามครั้งนี้จะไม่อาจนำมาซึ่งความสำเร็จ แต่เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า ถือเป็นบทเรียนที่คุ้มค่า

ต่อยอดในอนาคต

แม้ว่าการมีเป้าหมายระยะสั้น (เจ้าอาเซียน) จะเป็นเรื่องดี แต่การมีเป้าหมายระยะยาวที่ใหญ่กว่า มันช่วยทำให้เราไม่ย่ำอยู่กับที่

ภารกิจหลังจากนี้ซัลบาดอร์จะคุมทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ต่อไป และมีโปรแกรมสำคัญรออยู่ในรายการชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี รอบคัดเลือก (AFC U20 Asian Cup 2023 Qualifiers) ที่จะแข่งขันช่วงระหว่างวันที่ 10-18 กันยายน 2565 เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายฟุตบอลเยาวชนโลก U20 ในปีหน้า

การที่เด็ก U19 มีโอกาสได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน เพราะฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใช้เวลาหลายวัน ทำให้พวกเขาได้โอกาสเต็มที่ในการรับใช้ชาติ ได้ฝึกซ้อม เล่นร่วมกับเพื่อนระดับเดียวกันอย่างต่อเนื่อง และทำให้พวกเขาได้รู้ความสามารถของตัวเองว่ายังต้องพัฒนาตรงจุดไหนเมื่อเทียบกับนักเตะรุ่นโตกว่า

สุดท้ายผลพลอยได้ก็จะตกกลับมาที่ทีมชาติไทยมีตัวเลือกมากขึ้นในอนาคต เพราะแน่นอนว่าเด็กเหล่านี้จะเติบโตขึ้นไปเป็นกำลังสำคัญของชาติ หากได้รับการพัฒนาที่ต่อเนื่อง และได้เผชิญกับคู่แข่งที่มีกระดูกแข็งกว่า ย่อมทำให้พวกเขามีความท้าทายที่จะกลับมายกระดับตัวเอง เพื่อไปให้ถึงความสำเร็จในอนาคต

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares