จากหญิงสาวหน้าใสที่ถูกสนับสนุนให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (ชื่อเดิมในปี 2019 ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นสโมสรลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ในปี 2021) ท่ามกลางความประหลาดใจของแฟนบอลและใครหลายๆ คน ทว่าเพียงปีเดียวเท่านั้นทีม “กว่างโซ้งมหาภัย” ที่เธอนำทัพก็ผงาดขึ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของไทยได้เป็นครั้งแรกของสโมสร กระทั่งผ่านมาถึงปัจจุบัน คงไม่มีใครสงสัยในความสามารถของ “ประธานฮาย” เพราะเธอพิสูจน์ให้เห็นถึงความเข้มแข็ง ความมุ่งมั่นทุ่มเท และวิสัยทัศน์ที่นำพาทีมฟุตบอลของคนเชียงรายทีมนี้ฝ่าวิกฤติที่ผ่านเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จที่ยิ่งกว่าเดิมในอนาคต
จากเด็กขายของที่ระลึกสู่ประธานสโมสร
“พี่ฮั่นเริ่มก่อตั้งสโมสรเมื่อปี 2008 แล้วเริ่มส่งทีมแข่งขันเมื่อปี 2009 ถามว่าฮายเข้ามามีส่วนร่วมในทีมเลยมั้ย ถือว่าเป็นกองเชียร์นะคะตอนนั้น พี่ฮั่นเป็นคนเริ่มต้นทั้งหมด เพราะเรายังเรียนปริญญาตรีอยู่ที่จุฬาฯ…”
คุณฮาย-ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช มีส่วนร่วมรู้เห็นการก่อเกิดของทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากพี่ชายของเธอคือ มิตติ ติยะไพรัช มีความฝันอยากทำทีมฟุตบอล “ถือว่าตอนนั้นฟุตบอลไทยยังไม่บูม มีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่าเราจะทำทีมฟุตบอลไปทำไม แต่ด้วยแรงผลักดันของครอบครัว ก็คือสนับสนุนในทุกสิ่งที่แต่ละคนเลือก ก็เลยทำให้เกิด เชียงราย ยูไนเต็ด ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน”
ทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ในยุคก่อตั้งและเริ่มลงแข่งขันในลีกภูมิภาคหรือดิวิชัน 2 ถือเป็นทีมน้องใหม่ที่ทำผลงานได้ดีจนน่าจับตามอง โดยเมื่อจบฤดูกาล 2009 ทีมสามารถเลื่อนชั้นสู่ดิวิชัน 1 และปีถัดมาเมื่อจบฤดูกาล 2010 ก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดซึ่งขณะนั้นคือไทยพรีเมียร์ลีกได้ทันที จนกระทั่งในฤดูกาล 2017 ก็สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จเป็นแชมป์แรกของสโมสร
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเชียงราย ยูไนเต็ด เกิดขึ้นในปี 2019 เมื่อ มิตติ ติยะไพรัช ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานสโมสร เพื่อไปทำงานการเมืองเต็มตัว โดยคนที่เข้ามารับหน้าที่หนักหน่วงแทนเขาก็คือน้องสาวคนเล็กของครอบครัว ท่ามกลางความแปลกใจของแฟนบอลหลายๆ คน
“ก็ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์ทุกคนมากๆ ไม่ใช่แค่ตัวฮายเอง แต่รวมถึงแฟนบอลด้วย” คุณฮายเล่า “…ตอนนั้นยังลังเลมากๆ อยู่ เพราะฮายค่อนข้างมาคนละสายกับฟุตบอลเลยนะคะ เพิ่งเรียนจบกฎหมายจากอังกฤษ กำลังเตรียมสอบผู้พิพากษาอยู่ แต่ก็มองว่าอาจเป็นเราที่ต้องเข้ามาทำ… เพราะอย่างที่บอกว่า ฮายอยู่กับทีมมาตั้งแต่แรก ในแง่การซับพอร์ตทางใจ แล้วก็คิดว่าทีมนี้คือความรัก คือหัวจิตหัวใจไม่เฉพาะของครอบครัวเรา แต่รวมถึงของคนเชียงรายด้วย เราก็อยากมาช่วยสานต่อตรงนี้ แล้วก็อยากทำให้เต็มที่ที่สุด”
แล้วการตัดสินใจครั้งสำคัญก็ส่งผลให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “จากปกติเราเข้าไปสนาม จะไปนั่งฝั่งกองเชียร์ แล้วก็ช่วยขายสินค้าด้วย คือเราใช้หลักความคุ้มค่า… ฮายไปเชียร์อยู่แล้ว เราจะไม่ได้จ้างพนักงานขายของ ดังนั้นตัวฮายก็จะไปยืนขายสินค้าสโมสรให้กับแฟนๆ ซึ่ง ณ ตอนนั้นแฟนๆ ก็ไม่รู้ว่าฮายเป็นใคร… จนมาถึงวันที่เป็นประธาน ทุกคนก็งงมากว่า เฮ้ย นี่มันเด็กขายเสื้อตอนไปเป็นทีมเยือนนี่นา”
“หลังจากวันนั้นสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ เราต้องเข้ามาทำทุกดีเทลของสโมสร คือศึกษาทุกอย่างใหม่หมดเลย ในปี 2019 คือปีที่ฮายเริ่มเข้ามาทำงาน เราก็เกิดวิกฤติขึ้นมา คือสปอนเซอร์ถอนตัวออกไป ทำให้งบประมาณของทีมลดลงเยอะมาก ดังนั้นโจทย์ของฮายก็คือ จะทำยังไงให้เราอยู่รอดได้ คือตอนนั้นเอาแค่ว่าทำให้เต็มที่ที่สุด เพื่อให้ทีมไม่ตกชั้น แล้วก็ทำให้นักฟุตบอลรวมถึงทีมงานทุกคนยังสามารถเลี้ยงชีพได้ด้วยฟุตบอลต่อไป”
“แต่ปรากฏว่าปีนั้นเหมือนเราสามารถสร้างสปิริตทีม แล้วก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วย คือเด็ก (นักฟุตบอล) ทุกคนสุกงอมพร้อมกันพอดี กลายเป็นว่าเราคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรกเป็นประวัติศาสตร์สโมสรเลย”
แชมป์ไทยลีกที่รอคอย
หากใครยังจำกันได้ ในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2019 มีสองทีมที่ทำแต้มไล่เบียดแย่งแชมป์กันไปจนถึงนัดสุดท้ายในวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม คือจ่าฝูงอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มี 57 คะแนน และต้องเจอกับเชียงใหม่ เอฟซี ส่วนอีกทีมคือเชียงราย ยูไนเต็ด มี 55 คะแนน ซึ่งต้องออกไปเยือนทีมสุพรรณบุรี เอฟซี
“คืนนั้น (ก่อนวันแข่ง) ไปพักที่สุพรรณบุรีกันทั้งทีมเลย แล้วคิดว่าเรามาถึงจุดนี้อะไรจะเกิดขึ้น เราไม่เสียใจแล้ว เรามาถึงจุดที่เป็นหนึ่งทีมที่ลุ้นแชมป์ พรุ่งนี้ที่ตื่นมา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฮายถือว่าทุกคนได้ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว คือไม่ว่าเราจะเป็นแชมป์หรือรองแชมป์ ฮายเชื่อว่าทุกคนภูมิใจที่มาถึงจุดนั้นได้”
เกมแย่งแชมป์นัดสุดท้ายระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเชียงราย ยูไนเต็ด ทั้งสองทีมนอกจากต้องมุ่งมั่นเอาชนะคู่แข่งในสนามของตนเองแล้ว ยังต้องลุ้นระทึกกับผลการแข่งขันต่างสนามของอีกฝ่ายด้วย ผลปรากฏว่าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พลาดท่าเสมอกับเชียงใหม่ เอฟซี 1-1 ประตู จึงมี 58 คะแนนเท่ากับเชียงราย ยูไนเต็ด ที่บดชนะสุพรรณบุรี เอฟซี 2-5 ประตู สุดท้ายต้องตัดสินกันด้วยกฎเฮดทูเฮดซึ่งทีมกว่างโซ้งมหาภัยมีสถิติดีกว่าทีมปราสาทสายฟ้า ส่งผลให้เชียงราย ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไทยลีกฤดูกาลนั้นไปครองอย่างสุดตื่นเต้น
“มันต้องใช้ปาฏิหาริย์ ต้องใช้ความเชื่อเยอะแยะมากมาย…” คุณฮายย้อนระลึกถึงวันแห่งชัยชนะของทีม “พอมันสามารถเกิดขึ้นได้ อย่างพี่ฮั่นน้ำตาไหลเลย เพราะมาถึงจุดที่เป็นความฝันสูงสุดของทุกทีมอยู่แล้ว คือได้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ”
“ตัวฮายเหมือนตั้งโปรแกรมตัวเองไว้ด้วยว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะยังเข้มแข็ง และเป็นผู้นำของทีมให้ได้ ณ วันนั้นก็คือ ไม่มีอะไรเสียใจเลย เหมือนเราคิดว่าต่อให้เราไม่ได้แชมป์ ฮายก็จะไม่เสียใจ แล้วพอได้ปุ๊บก็เลยรู้สึกว่า มันเป็นความภาคภูมิใจในตัวทุกคนมากกว่า ที่สู้ อดทน ฝ่าฟันกันมาจนถึงวันสุดท้าย แล้วก็ได้เป้าหมายที่ทุกคนใฝ่ฝันไว้จริงๆ”
“ก็เลยกลายเป็นว่า มันดีใจ มันตื้นตัน ทุกอย่างรวมกันหมดเลย แล้วที่สำคัญที่สุดคือ รู้สึกขอบคุณทุกคนมากกว่า ขอบคุณ นับถือหัวใจทุกคนจริงๆ เพราะว่ากว่าเราจะได้มา มันไม่ง่ายเลย มันมีขึ้น มีลง และมันก็มีอุปสรรคปัญหาต่างๆ มากมายที่เข้ามาในทีมเรา”
ในวันแห่งความยิ่งใหญ่ของสโมสร สิ่งที่เธอรับรู้และเข้าใจก็คือ “เราก็เลยคิดว่า จริงๆ แล้วสิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จก็คือเรารวมใจกัน แล้วก็ทุ่มเท ตั้งมั่น และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ที่สำคัญคือความสามัคคี แล้วก็เชื่อว่าทุกสิ่งจะเป็นไปได้”
พิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงาน
หากนับจากปี 2019 ที่คุณฮายเข้ามาเป็นประธานสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด จวบจนปัจจุบันก็เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่เธอนำทัพกว่างโซ้งฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามาสู่ทีมเป็นระยะ เรียกว่าใช้การทำงานพิสูจน์ตนเอง เพื่อตอบข้อสงสัยว่า ผู้หญิงอย่างเธอจะไหวไหมกับการทำทีมฟุตบอล ซึ่งบุคลากรในวงการเป็นผู้ชายส่วนใหญ่ และรู้กันอยู่ว่าเป็นงานที่หนักหน่วง เต็มไปด้วยปัญหาสารพัดรูปแบบ
“ตรงนี้พูดไปทุกคนอาจรู้สึกแปลกๆ ว่า คือฮายเข้ามา ฮายไม่ได้รู้สึกเลยว่า ตัวฮายเองเป็นผู้หญิง หรือคนอื่นเป็นผู้ชาย เราไม่ได้คิดเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพราะว่าฮายเติบโตมาในครอบครัวและสังคมที่ค่อนข้างเปิดกว้างมากๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เราสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ”
“เพราะมันเริ่มต้นจากการที่ว่า ทุกคนไว้วางใจให้ฮายมาเป็นประธาน ในวันที่อายุ 27 ปี และเป็นผู้หญิงด้วย แปลว่าเราต้องมีพื้นฐานทางจิตใจและพื้นฐานทางครอบครัวที่แข็งแรงระดับหนึ่งแล้ว ที่เราจะต้องออกมาสู้กับตรงนี้ เพราะว่าประธานสโมสรทีมอื่นก็คือผ่านประสบการณ์หลายๆ อย่างมาแล้ว ไม่ว่าเป็นเรื่องธุรกิจหรือการเมือง ดังนั้นการที่ครอบครัวเราไว้วางใจขนาดนี้ แปลว่าฮายก็ต้องเชื่อในตัวเองมากๆ เหมือนกันว่า ฮายจะสามารถทำได้”
“ถึงแม้ในวันนั้นทั้งแฟนบอลหรือใครๆ หลายๆ คนที่มองจากภายนอก จะรู้สึกว่าฮายไม่น่าจะไหว หรือไม่น่าจะทำได้ ด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นคนนิ่งๆ แล้วก็นิ่มๆ ประมาณนี้ค่ะ ไม่คิดว่าจะสู้หรือลุยได้ แต่ทุกอย่างคือ เราพิสูจน์ด้วยการทำงาน พิสูจน์ด้วยใจ”
“นอกนั้นก็คือ ทีมเราขับเคลื่อนด้วยพลังของคนรุ่นใหม่เป็นส่วนใหญ่ ทุกคนยังมีไฟแรงอยู่ แล้วก็สามารถปรับตัวกับโลกที่เปลี่ยนไปได้มากๆ เลย คือไม่ว่าฮายจะบอกว่า ทำงี้ๆๆ ทุกคนพร้อมที่จะปรับตัว และพร้อมที่จะทำไปด้วยกัน”
“นี่ก็คือสิ่งที่คิดว่า มันไม่เป็นอุปสรรคเลย หรือแม้แต่ตอนที่ไปต่างประเทศ ไป ACL ฮายก็ไปแบบ ด้วยความเป็นผู้หญิงคนเดียว แต่ฮายก็ไม่รู้สึกว่าสตาฟหรือนักบอลรู้สึกว่ามันแปลก คือเป็นเรื่องปกติเลยที่เราใช้ชีวิตกันแบบนี้ แล้วถามว่าเขายอมรับในตัวเรามั้ย เราก็ไม่ได้ไปถามตรงนั้น แต่เราใช้การทำงานพิสูจน์ทุกอย่างว่า เราสามารถทำงานร่วมกันแล้วประสบความสำเร็จได้”
ทีมฟุตบอลของคนเชียงราย
อย่างที่คุณฮายกล่าวไว้ตั้งแต่ต้นว่า สาเหตุสำคัญที่เธอตัดสินใจรับตำแหน่งประธานสโมสร ก็เพราะรู้ดีว่าเชียงราย ยูไนเต็ด คือทีมของคนเชียงราย การทำงานที่ผ่านมาจึงไม่ได้ตั้งหน้าแสวงผลกำไรหรือความสำเร็จระดับสโมสรฟุตบอลเท่านั้น แต่มุ่งสร้างประโยชน์แก่จังหวัดบ้านเกิดในรูปแบบต่างๆ ด้วย
“อย่างที่บอกว่า เราเริ่มตั้งทีมนี้ขึ้นมาก็เพื่อให้เป็นความภาคภูมิใจ เพื่อให้เป็นตัวแทนของจังหวัดเชียงราย ทีนี้พอเราเริ่มประสบความสำเร็จ ผลลัพธ์ทุกอย่างมันก็ตามมา เรื่องแรกคือเรื่องการท่องเที่ยว ถือว่าที่นี่สามารถเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวได้เลย ไม่ว่านักท่องเที่ยวไทยหรือต่างชาติที่อยากมาสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด เรามีสนามชั้นนำระดับประเทศ สามารถมาท่องเที่ยวได้ ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่ง นอกจากสิงห์ปาร์ค วัดร่องขุ่น หรือภูชี้ฟ้า”
“สองคือเรื่องของชุมชนโดยรอบ คือเราสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้เขาได้ ไม่ว่าจะเป็นในวันที่มีการแข่งขัน คือเราจ้างคนที่อยู่รอบๆ ท้องถิ่นตรงนี้ หรือจะเป็นนักศึกษาที่ ม. ราชภัฏ และ ม. แม่ฟ้าหลวง รวมทั้งเด็กๆ น้องๆ ที่อยู่ในเชียงรายก็มาทำงานกับเรา” นอกจากนั้นสโมสรยังเปิดให้นำงานฝีมือของชุมชน เช่น กระเป๋าแฮนด์เมด หรือเสื้อที่เย็บโดยกลุ่มแม่บ้านเชียงรายมาวางขายอีกด้วย
“อีกอย่างก็คือเยาวชน แน่นอน เราทำอะคาเดมีขึ้นมา เพื่อให้เขาได้สามารถพัฒนาตัวเอง และเติบโตเป็นกำลังหลักของสโมสร แล้วก็ทีมชาติไทยต่อไป” คุณฮายกล่าวถึงอีกเรื่องที่สโมสรให้ความสำคัญ คือการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ในท้องถิ่นพัฒนาฝีเท้าไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
“…ซึ่งในประเทศไทย ปัญหาหลักเลยก็คือ ไม่ใช่ทุกทีมที่ทำอะคาเดมี เพราะอะไร หนึ่งคือเราต้องรอคอยผลสำเร็จของการมีเยาวชนอย่างยาวนาน คือต้องใช้ความอดทน สองคือเราต้องใช้งบประมาณที่เยอะมากๆ ดังนั้นหลายๆ ทีมเลือกที่จะไม่ทำอะคาเดมีเลย ทีนี้ฮายเลยคิดว่า ถ้าทางรัฐบาลหรือทางสมาคมฯ สามารถผลักดันตรงนี้ได้ว่าอย่างน้อยคุณต้องให้ความสำคัญกับเยาวชน ทุกทีมควรจะมีอะคาเดมีเป็นของตัวเอง และทางโน้นจะสามารถสนับสนุนอะไรสโมสรได้บ้าง…”
“ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา ดูอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น เขาใช้เวลา 20-30 ปี มันไม่ใช่แค่ว่า 5 ปีคุณเห็นผล ก็แปลว่าเราต้องใช้ความอดทน และต้องใช้การสนับสนุนที่ถูกต้อง ก่อนที่จะพัฒนาไปได้นะคะ เพราะตอนไปเล่น AFC เรารู้เลยว่านักฟุตบอลต้องถูกฟูมฟักตั้งแต่เด็กๆ เพื่อที่จะมีความคิด การเล่น มีทักษะ หรือว่ามีร่างกายแข็งแรง มีโภชนาการที่ดี อันนี้คือรากฐานที่สำคัญจริงๆ”
ความสุขของการทำทีมฟุตบอล
จากจุดเริ่มต้นที่ “ประธานฮาย” เผยว่ารู้สึกลังเลบ้างที่จะก้าวเข้ามาเป็นนายหญิงแห่งทีมกว่างโซ้งมหาภัย แต่ถึงทุกวันนี้คงบอกได้ว่า เธอลงมาคลุกคลีกับงานนี้อย่างเต็มตัว จนรู้จักเหลี่ยมมุมของการบริหารทีมฟุตบอลว่ามีความท้าทายและยากง่ายอย่างไร
“ความยากเลยก็คือ ในวันที่ทีมแพ้ เราจะทำยังไงที่จะดึงสปิริตของทั้งตัวเอง ทั้งทีม ทั้งแฟนบอลกลับมาให้ได้ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าฟุตบอลต้องการชัยชนะ ทีนี้บางทีมันไม่เป็นใจหลายๆ อย่าง เช่น เรารู้สึกว่า เฮ้ยวันนี้เราทำดีมากเลย หรือรู้สึกว่าไม่มีทางแพ้ แต่ฟุตบอลมันเกิดขึ้นได้เสมอ ต่อให้วันนั้นเราเล่นดี เราอาจจะแพ้ก็ได้ หรือบางวันรู้สึกว่าเล่นไม่ดีเลย แต่ปรากฏว่าเราชนะ คือมันก็คล้ายๆ กับชีวิตจริง ทีนี้ถามว่าเราจะทำยังไงให้ผ่านไปได้ ให้กลับมาเร็วที่สุด ให้ศรัทธายังอยู่ อันนี้คือโจทย์ที่สำคัญ”
ถึงแม้ต้องพบเจอปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่อาจชวนให้ท้อบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้คุณฮายก้าวต่อไปบนเส้นทางสายนี้ คงจะได้แก่ความสุขและความภาคภูมิใจจากการทำทีมฟุตบอลนั่นเอง
“ความสุขก็คือ ได้เห็นทุกๆ คนเติบโตและพัฒนา แล้วก็ได้เห็นว่าทีมเราเมื่อก่อนคือเริ่มต้นจากไม่มีแฟนบอลเลย หรือมีหลักสิบเท่านั้น แล้วก็เป็นทีมเล็กๆ ถูกมองข้ามตลอด เป็นทีมระดับภูมิภาค แต่ว่า ณ วันนี้เราสามารถขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดของประเทศ และเราสามารถยืนหยัดได้ แม้เราจะผ่านวิกฤติ ผ่านอะไรมามากแค่ไหน แต่เราสามารถโชว์ให้ทุกคนเห็นว่า เราจับมือกัน เราพยายามประคับประคองซึ่งกันและกันมาถึงจุดนี้ และสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นแชมป์ไทยลีกมาแล้ว ไปเล่นระดับเอเชียมาแล้ว แบบที่ไม่อายใคร และเราก็พยายามจะทำอย่างงั้นต่อไป นี่ก็คือความภูมิใจที่ไม่ใช่แค่ของฮาย แต่คือของเราทุกคน ของพนักงาน ของนักฟุตบอล ของแฟนบอลทุกคน”
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม