ชื่อของ “ปรเมศย์ อาจวิไล” ถูกพูดถึงอีกครั้ง หลังเปลี่ยนตัวลงมาพลิกเกมช่วยให้ เมืองทอง ยูไนเต็ด บุกชนะ การท่าเรือ เอฟซี สุดมันส์ 3-2
มาริโอ ยูรอฟสกี ส่ง “เจ้าฟร้องซ์” ลงสนามในครึ่งหลังแทน เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ และเรียกจุดโทษให้ วิลเลียน พอพพ์ ซัดตีเสมอ ก่อนสวมบทซูเปอร์ซับฮีโร่ยิงประตูชัย
ชื่อของ “ปรเมศย์ อาจวิไล” ถูกพูดถึงตั้งแต่ยังเด็ก ในฐานะ “แชมป์เดาะบอลยุวชนโลก” ด้วยวัยแค่ 12 ขวบ สามารถเดาะบอลได้ถึง 6,500 ครั้งในเวลา 1 ชั่วโมง 4 นาที
ด้วยทักษะความสามารถเชิงลูกหนังที่ยอดเยี่ยม ทำให้ “ ปรเมศย์” ได้รับโอกาสเข้าเรียนที่โพธินิมิตวิทยาคม ทีมพันธมิตรของเมืองทอง ตอนอายุ 15 และช่วยให้สถาบันคว้าถ้วยได้มากมาย โดยเฉพาะแชมป์กีฬา 7 สี ปี 2016 ซึ่งเจ้าตัวคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยม MVP มาครองด้วย
กระทั่งปี 2018 “ปรเมศย์” ในวัย 20 ถูกดันขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของ เมืองทอง ยูไนเต็ด และถูกปล่อยตัวไปเสริมกระดูกกับ อุดรธานี เอฟซี และ บางกอก เอฟซี
จนปัจจุบันกลับมาเป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญของทีม “กิเลนผยอง” อยู่ในขณะนี้
ส่วนผลงานในทีมชาติ “ปรเมศย์” เคยรับใช้ทัพช้างศึก ชุด ยู-21 และ ยู-23 ก่อนจะได้รับโอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาในศึกชิงแชมป์อาเซียน 2022
แม้หลายคนจะมองว่า การที่ “ปรเมศย์” ได้รับโอกาสเป็นหนึ่งในขุนพลช้างศึกชุดแชมป์อาเซียน 2022 เป็นเพราะแนวรุกตัวหลักอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ สุภโชค สารชาติ ไม่ถูกปล่อยตัวมารับใช้ชาติ
อย่างไรก็ตาม ผลงานที่ “ปรเมศย์” แสดงออกมา ถือเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีศักยภาพดีพอ
และด้วยวัยเพียง 24 ปี ทำให้ยังมีเวลาที่จะยกระดับความอันตรายมากขึ้นกว่านี้ได้อีก โดยมีหัวหอกรุ่นพี่อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา เป็นไอดอล
