ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เอซี มิลาน คือสโมสรจากอิตาลีเพียงหนึ่งเดียวที่ อินเตอร์ มิลาน เคยเผชิญในฟุตบอลรายการยูฟา แชมเปียนส์ ลีก
แต่ก็ไม่น่าเชื่ออีกเช่นกันว่า ในอีก 2 รายการรองของฟุตบอลถ้วยของยุโรป เกมมิลานดาร์บี แมตช์ กลับไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ทั้งที่มีหลายสโมสรร่วมลีกเคยแวะเวียนมาเป็นคู่ดวลของทีมงูใหญ่ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าสองทีมแห่งเมืองมิลานนั้นเป็นทีมระดับหัวแถวของเซเรียอา จึงเป็นได้ได้ยากที่จะลงไปแข่งขันในถ้วยรอง
เมื่อฤดูกาล 2002/03 ในยุคที่เซเรียอายังยิ่งใหญ่ในยุโรป งูใหญ่ กับ ปีศาจแดงดำ แห่งเมืองมิลาน โคจรมาเผชิญหน้ากันในรอบรองชนะเลิศ
เจ้าบ้านของซานซีโรเกมแรกเป็นของ มิลาน ซึ่งผลจบลงด้วยการเสมอกัน 0-0
อินเตอร์เป็นเจ้าบ้านในนัดที่สอง ซึ่งผลเสมอแบบมีสกอร์ทำให้ งูใหญ่ ในฐานะเจ้าบ้านต้องตกรอบตามกฎอเวย์โกล์
แล้วทนเห็นคู่อาฆาตไปดวลเป้าจนคว้าแชมป์ด้วยชัยชนะเหนือ ยูเวนตุส ที่ล้ม เรอัล มาดริด มาจากรอบรองชนะเลิศ
ฤดูกาล 2004/05 มิลานดาร์บีเกิดขึ้นอีกครั้งในรอบแปดทีมสุดท้าย
นัดแรกที่ซานซีโร มิลาน ได้สิทธิ์เป็นเจ้าบ้านก่อนอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ทีมแดงดำชนะไปไม่ยาก 2-0
แล้วในนัดที่สองที่ฝั่งงูใหญ่ได้เป็นเจ้าบ้าน อังเดร เชฟเชนโก ยิงให้ทีมเยือนขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 30 และ ไม่มีวี่แววว่าเจ้าบ้านจะพลิกสถานการณ์ได้
จนทำให้กองเชียร์ของพวกเขาจุดพลุไฟขึ้นมาก่อกวนเป็นช่วงๆ แล้วในนาทีที่ 70 ได้มีกองเชียร์มือขยันปาพลุลงมาในสนามจนมาโดนตัวของ ดิดา นายทวารทีมเยือนจนทรุดลงกับสนาม
ผู้ตัดสิน มาร์คุส แมร์ก ตัดสินใจเป่ายุติการแข่งขัน แล้วปรับให้ อินเตอร์ แพ้ไปด้วยสกอร์ 0-3 ตกรอบไปด้วยผลรวม 0-5 ส่วน มิลาน ทะลุไปไกลถึงรอบชิงได้อีกครั้ง แต่โดนปาฏิหาริย์ของ ลิเวอร์พูล จนพ่ายไปในการดวลจุดโทษ
ในฤดูกาลนี้ ทั้งคู่จะมาก่อศึกมิลานดาร์บีภาคสาม โดยจะเป็นการดวลกันในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่ มิลาน ได้สิทธิ์ใช้สนามซานซีโรก่อน
สิ่งที่น่าสนใจอีก 2 เรื่องก็คือ
1. นี่คือการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศครั้งแรกในรอบ 16 ปีของ มิลาน และ เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีของ อินเตอร์
2. ในการเผชิญหน้ากับทีมร่วมลีกเฉพาะในรายการใหญ่นี้ มิลาน ไม่เคยแพ้ทีมใดเลยทั้งในเวลา 90 นาที, ต่อเวลาพิเศษ และ ดวลจุดโทษ
ซึ่งสโมสรล่าสุดที่รู้ซึ้งถึงพิษสงนี้ก็คือ นาโปลี ทีมจ่าฝูงเซเรียอา ที่ตกรอบไปตามคำขู่ของ สเตฟาโน ปิออลี กุนซือปีศาจแดงดำที่เตือนเอาไว้ว่า ฟุตบอลยุโรปไม่ง่ายเหมือนฟุตบอลลีก จนตกรอบไปในรอบที่ผ่านมานี้เอง
ศักดิ์ศรีมิลาโนย่อมไม่มีคำว่าง่าย แต่ที่แน่ๆ สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีมองไปที่การนำถ้วยบิ๊กเอียร์กลับแดนรองเท้าบูตเอาไว้แล้ว