มกุฎราชกุมาร บิน ซัลมาน กับภารกิจเปลี่ยนทิศทางของซาอุดีอาระเบีย ตามนโยบาย Vision 2030
เราจึงได้เห็นกองทุนที่มั่งคั่งมากที่สุดในโลกที่ชื่อ Public Investment Fund หรือ PIF ที่มีความสามารถจำนวน 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขยับตัวในแวดวงการลงทุนต่างๆ มากมาย รวมทั้งยังขยับขนบเก่าของประเทศเพื่อก้าวให้ทันโลกมากขึ้น
ท่ามกลางเสียงติฉินนินทาเกี่ยวกับเรื่องพลังอำนาจมืดของว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไป แต่เจ้าชายพระองค์นี้กลับทรงมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวเดินไปกับโลกอย่างชัดเจน ทั้งการลงทุน และ เจริญสัมพันธไมตรีทางการทูตแบบรุกหนักกว่าที่เคย
ทุกคนทราบดีว่า ซาอุดีอาระเบีย คือมหาอำนาจทางน้ำมัน ซึ่งหลายคนเคยคาดการณ์ว่าในวันหน้าน้ำมันอันเป็นทรัพยากรสำคัญของพวกเขาจะหมดลง หรือ น้ำมันจะถูกพลังงานทดแทนอื่นเข้ามาแทนที่ จนส่งผลให้รายได้ของซาอุฯ ลดลงชนิดประเมินค่าไม่ได้
แต่นโยบายที่เจ้าชายพากองทุนของพระองค์เดินหน้าอาจจะไม่ใช่เพราะทรงเกรงกลัวการลดค่าของน้ำมันอย่างที่กูรูเศรษฐกิจโลกล้วนคาดการณ์กัน
หากแต่ทรงต้องการดำเนินเศรษฐกิจแบบสองทางหลัก เพื่อสร้างดุลยภาพให้เศรษฐกิจของซาอุ อันทำให้กองทุน PIF เดินหน้าเข้าซื้อหุ้น และ ลงทุนในกิจการต่างๆ มากมายแบบไร้ขีดจำกัด
ซึ่งรวมไปถึงกิจกรรมทางด้านกีฬาด้วย ปัจจุบันซาอุมีส่วนร่วมกับการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง F1 ผ่านรายการซาอุดี อาระเบียน กรังด์ปรีซ์
มีการจัดการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนต์ที่ชื่อ แอลไอวี กอล์ฟ อินวิเตชันแนล ซีรีส์ หรือ LIV ที่ดึงดาราดังมาท้าชนกับ PGA
มีการเตรียมจัดมอเตอร์ไซค์ระดับโลกอย่าง MOTO GP
ในกีฬาฟุตบอล นอกเหนือการเข้าครอบครองสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พวกเขาทุ่มการลงทุนไปกับ คริสเตียโน โรนัลโด และ เหล่าดาวดังอย่างมหาศาล เพื่อยกระดับคุณภาพของฟุตบอลลีกภายในประเทศที่ซบเซาให้ทัดเทียมกับลีกระดับโลก
และ เมื่อฟุตบอลโลก 2022 ประสบความสำเร็จจากเจ้าภาพที่ชื่อกาตาร์ เจ้าชายพระองค์นี้จึงทรงทุ่มพลังอีกครั้งผ่านวิธีการต่างๆ จนทำให้เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 เป็นของซาอุฯ อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าการลงทุนกับการสร้างความเติบโตให้ฟุตบอลลีก กับ การลงทุนสร้างเมกะโปรเจกต์เพื่อรองรับฟุตบอลโลก หากมองในตัวเลขทางบัญชี ซาอุฯ ย่อมต้องขาดทุนแบบไม่ต้องคิดมาก
แต่ถ้าถามว่าพวกเขาสะเทือนหรือไม่ คำตอบก็คือ แค่ไปเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันที่มีความขัดแย้งทางการเมืองโลกหลายเวทีเป็นตัวรักษาราคาเป็นอย่างดี
แต่การลงทุนนั้นยังเป็นการสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ , สร้างระบบขนส่ง , กระตุ้นยอดการท่องเที่ยว และ ยังเป็นการปั่นตัวเลขการน่าลงทุนไปในตัวอีกด้วย
นั่นจึงเป็นผลกำไรที่ซาอุฯ ได้รับจากการลงทุนที่ขาดทุนสำหรับอัครมหาเศรษฐีอย่างพวกเขานั่นเอง