ฟุตบอลโลก 2022 ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมความสมหวังสั่งลาของ “เมสซี” และตำแหน่งดาวซัลโวปลอบใจ “เอ็มบัปเป”
บทสรุป เวิลด์คัพ 2022 ที่ประเทศกาตาร์ จบลงด้วยชัยชนะสุดระทึกของ อาร์เจนตินา ที่ดวลกับแชมป์เก่า ฝรั่งเศส จนถึง 120 นาที เสมอกันมันหยด 3-3 ก่อนทัพ “ฟ้าขาว” ดวลจุดโทษชนะไป 4-2 คว้าแชมป์ไปครองสมัยที่ 3 ต่อจากปี 1978 และ 1986
ถือเป็นฉากจบสมบูรณ์แบบของ ลิโอเนล เมสซี ที่ยิงในนัดชิง 2 ประตู รวมทั้งทัวร์นาเมนท์ทำไป 7 ลูก รั้งรองดาวซัลโว พร้อมคว้ารางวัล “โกลเดนบอล” หรือ นักเตะยอดเยี่ยม ไปครอง และเป็นคนแรกที่ได้ 2 สมัย ต่อจากปี 2014
นอกจากนี้ เมสซี ที่ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนัดชิงชนะเลิศที่สนาม ลูเซล สเตเดียม ได้ทำสถิติลงเล่นนัดที่ 26 ในบอลโลก ทำลายสถิติเดิมของ โลธาร์ มัตเธอุส ที่ผ่านการเล่นในฟุตบอลโลกมา 25 เกม
โดย เมสซี ประเดิมสนามในศึกฟุตบอลโลกตั้งแต่อายุ 18 ด้วยการลงเป็นสำรองและทำประตูได้ในเกม อาร์เจนตินา เอาชนะ เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร ในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2006
เมสซี ยังเป็นนักเตะอาร์เจนไตน์รายแรกที่ลงเล่นฟุตบอลโลกถึง 5 สมัย และนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2010 เป็นต้นมา เขาลงเล่นให้ อาร์เจนตินา มาทุกนัด รวมถึงการพาทีมเข้าชิงในปี 2014 และ 2022
เท่านั้นยังไม่พอ ในเวิลด์คัพหนนี้ เมสซี ยังทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูได้ในรอบแบ่งกลุ่ม, รอบ 16 ทีมสุดท้าย, รอบก่อนรองชนะเลิศ, รอบรองชนะเลิศ และรองชิงชนะเลิศ ภายในฟุตบอลโลกหนเดียวอีกด้วย
นอกเหนือจากความยอดเยี่ยมของ เมสซี แล้ว ทัพ “ฟ้าขาว” ยังได้อีก 2 รางวัลคือ “ดาวรุ่งยอดเยี่ยม” ตกเป็นของ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ และรางวัล “ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม” ตกเป็นของ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ
ขณะที่ผู้แพ้อย่าง คิลิยัน เอ็มบัปเป ได้รางวัล “โกลเดนบูท” หรือ ดาวซัลโว ปลอบใจ จากผลงาน 8 ประตู โดยเฉพาะแฮตทริกในนัดชิง ซึ่งเป็นคนแรกนับตั้งแต่ปี 1966 ที่ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ยอดดาวยิงอังกฤษ เคยทำได้
แม้จะผิดหวัง แต่ เอ็มบัปเป ในวัย 23 ปี ได้บันทึกสถิติลงเล่นเวิลด์คัพ 2 สมัย ซัดไป 12 ประตู จาก 14 เกม ที่พา ฝรั่งเศส เข้าชิง 2 สมัยติดต่อกัน
ส่วนครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร? จะมันส์เร้าใจแบบนี้หรือไม่? ใครจะคว้าแชมป์ไปครอง? อีก 4 ปีลุ้นกันใหม่ที่ สหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก และ แคนาดา รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพร่วมในศึก “เวิลด์คัพ 2026”
