Link Copied!

มวยไทยไปได้แค่ไหนในMMA

ความพ่ายแพ้ของ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ที่ถูก “ดีเจ” ดิมิเทรียส จอห์นสัน (Demetrious Johnson) นักสู้เจ้าของฉายา “Mighty Mouse” อดีตแชมป์รุ่นฟลายเวตแห่งศึก UFC ซึ่งสามารถป้องกันแชมป์ได้ยาวนานถึง 11 สมัย รวมระยะเวลากว่า 6 ปี และเป็นหนึ่งในนักสู้ MMA ที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ จับ ซับมิสชั่น ด้วยท่า rear-naked chok หรือล็อกคอจากด้านหลังจนหมดสติพ่ายแพ้ไปในยก 2 ในการชกศึก One X ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา

โดยคู่นี้ ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของรายการ รถถัง ถือเป็น ยอดมวยไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งใน One Championship ขึ้นชกกับ ดิมิเทรียส จอห์นสัน นักชก MMA ระดับตำนาน ในกติกาพิเศษ คือชก กติกา มวยไทย สลับกับ กติกา MMA อย่างละ 2 ยก รวมทั้งหมด 4 ยก ซึ่งก็ถือว่าเรียกว่าฮือฮาจากแฟนกีฬาต่อสู้ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า “มวยไทย”คือศิลปะการต่อสู้แนวตั้งที่อันตรายมากที่สุด แต่ก็มีจุดด้อยในการต่อสู้แนวราบ ที่นักกีฬา MMA หรือ Mixed Martial Arts นิยมใช้กันในการต่อสู้

จึงมีข้อถกเถียงกันมาตลอดว่าแท้จริงแล้วการต่อสู้ประเภทไหนดีที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่มีทางทราบแน่ชัด เพราะการต่อสู้แต่ละประเภท มันก็มีกติกาต่าง กัน แต่ เมื่อมีแนวคิดแปลกแหวกแนวจัดการแข่งขันแบบนี้ขึ้นมา จึงเป็นที่น่าสนใจขึ้นมาทันที

ทว่าในการแข่งขันจริงกลับไม่สนุกดังคาด ยกแรกที่ชกแบบกติกามวยไทย รถถัง ก็เป็นฝ่ายวิ่งไล่ออกอาวุธ ทั้ง หมัด , เท้า , เข่า , ศอก โดยที่ ดีเจ ก็วิ่งหนีไปรอบๆเวทีเอาตัวรอดไปได้จนครบ 3 นาทีหมดยกแรก

ขึ้นชกสอง ก็เป็นทีของ ดีเจ บ้างที่พยายามเข้า เทคดาวน์ และ รถถัง ก็หนีไม่พ้นโดนจับล็อกแม้จะพยายามดิ้นหนี แต่ด้วย ทักษะและ เทคนิกระดับโลกของ ดิมิเทรียส จอห์นสัน ทันทีที่พลิกกลับมาอยู่ด้านหลังและไล่แขนขึ้นคอเข้าท่าล็อกได้ ใช้เวลาไม่กี่อึดใจ รถถังถึงกับหลับแบบไม่รู้ตัววูบหมดสติไปในทันที แพ้ไปในยกที่ 2

แม้หลังการแข่งขัน รถถัง บอกว่าอยากกลับมาชกแบบ MMA อีกแต่ดูแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่นักมวยไทยจะมาเอาดีทางด้านนี้ เพราะศิลปะการต่อสู้ “แนวราบ” ที่ใช้ใน MMA มาจากการต่อสู้  2 อย่างคือ ยิวยิตสู (Jujutsu) และ มวยปล้ำ (Wrestling) ซึ่งต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายปีกว่าจะเชี่ยวชาญระดับนำมาใช้แข่งใน MMA ระดับโลกได้

โอกาสที่ นักมวยไทย จะมาประสบความสำเร็จ ใน MMA ต้องไม่ใช่แค่เพียงมีพื้นฐานของ ยิวยิตสู หรือ มวยปล้ำ เท่านั้น ต้องฝึกถึงชั้นมืออาชีพ Professional เลยทีเดียว เพราะในการแข่ง MMA วิชามวยไทยจะใช้เพียงแค่ จังหวะปะทะในตอนแรก แต่จุดที่จะตัดสินแพ้ชนะ กว่า 70 % ของการแข่งขัน มาจาก “ท่านอน” ทั้งนั้น

ยิ่งถ้าหากว่า คู่ต่อสู้ รู้ว่าเป็นนักมวยไทย เขาย่อมสันนิษฐานก่อนเลยว่า มีจุดอ่อนที่ท่านอน เขาก็จะเน้นโจมตีที่ท่านอนเป็นหลัก ไม่มาเสี่ยง ยืนแลกอาวุธกับนักมวยไทยอยู่แล้ว

ดังนั้นจึงเป็นคำตอบที่ว่า นักมวยไทย จะประสบความสำเร็จในการแข่งขัน MMA ได้หรือไม่นั้น บอกได้เลยว่ามีแค่ 30 % เพราะอีก 70 % ในการต่อสู้มาจากท่านอน ซึ่งนักมวยไทยต้องไปฝึกเพิ่ม ถ้าทำได้จนถึงฝึกท่านอนได้เก่งกาจจนถึงขั้นมืออาชีพ ถึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้   

ทว่า ในยุค สมัยที่มีการจัดแข่งมวยไทยในทัวนาเม้นท์ระดับโลกบ่อยอยู่แล้ว ค่าตัวการชกมวยไทย ก็เป็นที่น่าพอใจ หลายคนก็คงไม่ไปเสียเวลาฝึกการต่อสู้แนวราบซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายปี  แต่ถ้าหากมี นักมวยไทย คนไหนทำได้ ก็ต้องขอชื่นชม จากใจจริงเลยทีเดียว

อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊คทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

Total
0
Shares