โคล บีสลีย์ ยอดปีกนอกร่างเล็กของทีมบัฟฟาโล บิลส์ ถูกทัวร์ลงอย่างหนัก หลังประกาศไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แม้อาจต้องแลกด้วยการเลิกเล่น ทำให้ประเด็นเรื่องวัคซีนกลายเป็นดราม่าขึ้นมาทันที
เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตขึ้นมาอีกครั้งหลังจาก โคล บีสลีย์ ปีกนอกประสบการณ์สูงของทีมบัฟฟาโล บิลส์ ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า เขายินดีจะเลิกเล่นมากกว่าจะยอมฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 หรือปฏิบัติตัวตามมาตรการที่ NFL และสมาคมนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพกำหนดเอาไว้ สำหรับผู้เล่นที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรการสาธารณสุข โดยยืนยันว่าจะใช้ชีวิตของตนอย่างที่ใจต้องการ
ก่อนหน้านี้บีสลีย์ ปีกนอกร่างเล็กวัย 32 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในปีกนอกที่รับลูกระยะสั้นๆ กลางสนามได้ดีที่สุดของ NFL ในปัจจุบัน เคยตกเป็นเป้าแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นที่เกี่ยวกับโรคติดเชื้อโควิด-19 มาก่อนแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากนายแพทย์แอนโธนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า ชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนแล้ว สามารถออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้งได้โดยที่ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย แล้วบีสลีย์ทวีตตั้งคำถามว่า ตนเองยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และไม่สวมหน้ากากในที่สาธารณะ จากนี้ไปถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่?
เท่านั้นละครับ ทัวร์ลงทันที บ้างก็วิจารณ์บีสลีย์อย่างหนักว่า เป็นนักกีฬาดังหรือเป็นคนสาธารณะเสียเปล่า กลับมาแสดงความเห็นสนับสนุนให้คนประมาทจนเสี่ยงต่อโอกาสเชื้อโควิด-19 มากขึ้น ซึ่งเจ้าตัวตอบตรงๆ ไม่เล่นลิ้นว่า จนกว่าคนเราจะมีความเห็นเหมือนกันหมด ต้องถือว่าทุกคนก็ยึดมั่นแต่ในความเชื่อของตนเองเหมือนกันทั้งนั้น ใครอยากสวมใส่หน้ากากก็ทำไป ตัวเขาเองก็เคารพความเห็นคนอื่นๆ แต่มันไม่ได้หมายความว่า การที่เขาไม่สวมหน้ากากหรือฉีดวัคซีน มันจะทำให้เขากลายเป็นคนเลวร้ายในสายตาคนอื่นไปในทันที
คำพูดและการกระทำของบีสลีย์อาจเป็นเรื่องโง่เขลาสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะหลังจากทีมบัฟฟาโล บิลส์ กับ NFL เอง ออกมาสนับสนุนให้ผู้เล่นอเมริกันฟุตบอลทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนเสีย โดยเฉพาะ แบรนดอน บีน ผู้จัดการทั่วไปของทีมบัฟฟาโล บิลส์ เปิดเผยว่า เขาอาจตัดผู้เล่นที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนออกจากทีม หากมันจะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งกรอบแนวทางการปฏิบัติตัวที่ NFL ออกมาเพื่อใช้สำหรับผู้เล่นที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน คือหนึ่งในแรงจูงใจให้ผู้เล่นทุกคนฉีดวัคซีนเหมือนเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ เพราะหากไม่ฉีดจะถูกปฏิบัติราวกับเป็นคนนอกเลยทีเดียว
จริงอยู่ คำพูดของ แบรนดอน บีน น่าจะหมายถึงผู้เล่นตัวสำรองของทีมมากกว่าผู้เล่นตัวหลักของทีมอย่างบีสลีย์ เพราะฤดูกาลที่ผ่านมา เขาเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ทำให้ทีมบัฟฟาโล บิลส์ มีเกมรุกทางอากาศที่ไม่เป็นสองรองใคร จนทำให้ทีมผ่านทะลุเข้าถึงรอบชิงแชมป์สาย AFC เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่หมดยุคของ จิม เคลลี แล้ว ต้องยอมรับว่าบีสลีย์คือเล็กพริกขี้หนูตัวจริง เพราะเชี่ยวชาญการวิ่งหาพื้นที่ว่างเพื่อรับลูกระยะสั้นๆ หากขาดเขาไปสักคน ความหวังที่จะผ่านเข้าไปเล่นในศึกซูเปอร์โบวล์ฤดูกาลหน้าของทีมบัฟฟาโล บิลส์ คงลดน้อยถอยลงไม่น้อย
แต่แนวโน้มดูเหมือนชีวิตในฐานะนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพของบีสลีย์จะหนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก NFL ออกแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ใหม่ ในช่วงการเก็บตัวฝึกซ้อมหรือช่วงเทรนนิง แคมป์ และช่วงการแข่งขันก่อนเปิดฤดูกาลหรือช่วงพรีซีซั่น ซึ่งมีข้อจำกัดมากมายสำหรับผู้เล่นที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เช่น จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อทุกวัน จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เวลาอยู่ในอาคารสถานที่ออกกำลังกายของทีม รวมทั้งเวลาเดินทางไปที่อื่นๆ ด้วย และจะต้องเว้นระยะห่างจากเพื่อนร่วมทีมที่ฉีดวัคซีนแล้ว หากไปสัมผัสผู้มีความเสี่ยงสูงหรือผู้ติดเชื้อ
ยังไม่หมดแค่นั้น เวลาเข้าห้องยกน้ำหนัก ห้ามอยู่รวมกันเกิน 15 คน ส่วนพวกที่ฉีดวัคซีนแล้วจะอัดกันอยู่กี่คนในห้องก็ได้ แม้แต่เวลากินอาหารร่วมกัน พวกที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนจะต้องเว้นระยะห่างจากเพื่อนๆ แต่ยังดีกว่าเจ้าหน้าที่ของทีมที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เพราะจะต้องนำอาหารไปกินที่อื่น จะมานั่งกินในห้องอาหารไม่ได้ จะใช้ห้องอบซาวน่าของทีมก็ไม่ได้ด้วย เรียกว่าแทบจะกลายเป็นพลเมืองชั้นสองเลยทีเดียว เวลาที่ทีมเดินทางไปแข่งขันเมืองอื่น จะออกจากโรงแรมไปกินในร้านอาหารหรือภัตตาคารข้างนอกไม่ได้
เรียกว่านอกจากต้องเว้นระยะห่างจากเพื่อนร่วมทีมแล้ว ยังห้ามยุ่งเกี่ยวกับคนภายนอกด้วย จะออกไปท่องราตรี ดูคอนเสิร์ต ปาร์ตี้ หรืออื่นๆ อีกมากมาย ห้ามหมด และที่ดูเหมือนจะเป็นการบังคับใจผู้เล่นที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเป็นอย่างยิ่ง คือการห้ามใช้สื่อโซเชียล ห้ามให้สัมภาษณ์สื่อ ห้ามทำกิจกรรมด้านการตลาด หรือกิจกรรมใดๆ ก็ตามของสปอนเซอร์ หากใครหัวแข็งคิดจะฝ่าฝืน บทลงโทษในการแหกกฎครั้งแรกคือปรับเงิน 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ และจะมากขึ้นเรื่อยๆ ในครั้งถัดไป ซึ่งอาจดูรุนแรงเกินไป แต่สมาคมนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพซึ่งเป็นตัวแทนผู้เล่นก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะรู้ดีว่าเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้เล่นเอง
ในความเห็นของบีสลีย์ เขารู้สึกราวกับเจอตลกร้าย โดยยกตัวอย่างว่า เขาอาจพลาดโอกาสลงเล่นนัดชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์ หากก่อนหน้านั้นไปอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเกิน 10 นาที และจำเป็นต้องถูกกักตัว แต่ยังยืนกรานเสียงแข็งว่า นอกจากจะไม่ฉีดวัคซีนแล้ว เขาจะไม่ปฏิบัติตามกฎหรือแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ของ NFL ด้วย เพราะเขาจะออกไปใช้ชีวิตตามปกติในที่สาธารณะทุกที่ที่อยากจะไป หากใครกลัวจะติดเชื้อก็อยู่ห่างๆ หรือหลบไปเสีย หรือไม่ก็รีบไปฉีดวัคซีน บีสลีย์ย้ำว่ายินดีตายหากติดเชื้อโควิด แต่ขอตายตามธรรมชาติดีกว่าตายเพราะฉีดวัคซีน
บีสลีย์ย้ำว่า สำหรับเขา หากไม่เจ็บป่วยอะไรจะไม่มีทางไปหาหมอหรือฉีดวัคซีนที่อนุญาตให้ใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินอย่างเด็ดขาด แต่ยินดีแบกรับความเสี่ยงของตนเองหากติดเชื้อโควิด-19 และเกิดมีภูมิต้านทานตามธรรมชาติขึ้นมาเอง หากฤดูกาลหน้าจะไม่ได้รับเงินค่าแรงเลย เพราะต้องนำไปจ่ายค่าปรับฐานฝ่าฝืนแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ของ NFL เขาก็ยินดี ขอให้ได้ใช้ชีวิตทุกวันเหมือนที่เคยเป็นมา แต่ถ้าหากถูกบีบบังคับให้เลิกเล่นก็พร้อมจะเลิก เพราะทุกวันนี้ไม่ได้ลงเล่นด้วยความจำเป็นต้องหาเงินเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวอีกต่อไป และไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่คิดแบบนี้ เพียงแต่ผู้เล่นคนอื่นๆ อาจไม่ได้รับความสนใจเท่ากับตนเองเท่านั้น
บีสลีย์ยืนยันว่าตนเองคุยกับตัวแทนสมาคมนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพแล้ว ว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางการปฏิบัติตัวของ NFL สำหรับผู้เล่นที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน เพราะมันเหมือนกับเป็นการบีบบังคับผู้เล่น ทั้งๆ ที่สมาคมนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพกับ NFL ตกลงกันแล้วว่า จะไม่บีบบังคับให้ผู้เล่นทุกคนต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน และจะคุ้มครองไม่ให้ผู้เล่นที่ไม่สมัครใจฉีดวัคซีนเสียสิทธิประโยชน์ในฐานะนักกีฬาอาชีพ แต่ในทางปฏิบัติแล้วกลับโอนอ่อนผ่อนตามผู้บริหาร NFL และนับวันผู้เล่นที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ดูจะมีสถานภาพในทีมที่ง่อนแง่นขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงนี้เป็นช่วงการเก็บตัวฝึกซ้อมย่อย ก่อนการเก็บตัวฝึกซ้อมจริง และช่วงการแข่งขันก่อนเปิดฤดูกาลหรือพรีซีซั่น ซึ่งแนวปฏิบัติตัวของ NFL จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ช่วงนี้แต่ละทีมจะมีผู้เล่นทั้งเก่าและใหม่รวมกันราว 90 คน จากนั้นจะค่อยๆ ตัดตัวผู้เล่นออกจากทีมจนเหลือเพียง 53 คนสุดท้ายสำหรับลงแข่งขันในฤดูกาลใหม่ สิ่งที่น่ากลัวสำหรับผู้เล่นที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนทุกคน คือสิ่งที่ แบรนดอน บีน ผู้จัดการทั่วไปของทีมบัฟฟาโล บิลส์ คิด เพราะหัวหน้าโค้ชหรือผู้จัดการทั่วไปของทีมอื่นๆ ก็อาจคิดในแบบเดียวกันคือ หากต้องตัดตัวผู้เล่นสำรองที่เก่งพอๆ กัน หรือความสามารถไม่ห่างกันมาก จะเลือกคนที่ฉีดวัคซีนไว้ก่อน เพราะปลอดภัยกว่า และหากใครคนใดคนหนึ่งถูกตัดตัวออกจากทีม คงไม่มีใครบอกตามตรงว่าเป็นเพราะไม่ได้ฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน
บีสลีย์ไม่ได้โกหกเรื่องมีผู้เล่นอีกไม่น้อยที่ยังวิตกถึงผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะมีผู้เสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีนแล้วเกินครึ่งหมื่นคน แม้จะไม่ยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือไม่ แต่ทุกคนมีสิทธิ์รักตัวกลัวตาย แม้แต่ผู้เล่นหนุ่มๆ อย่าง จอช อัลเลน ควอเตอร์แบ็กเพื่อนร่วมทีมบัฟฟาโล บิลส์ ก็ปฏิเสธที่จะตอบว่าตนเองฉีดวัคซีนหรือยัง ส่วน แซม ดาร์โนลด์ ควอเตอร์แบ็กที่เพิ่งถูกเทรดตัวจากทีมนิวยอร์ก เจ็ตส์ ไปอยู่กับทีมแคโรไลนา แพนเธอร์ส ยอมรับว่ายังไม่ได้ฉีดวัคซีน เพราะอยากศึกษาข้อมูลให้มากกว่านี้ และคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เช่นเดียวกับ คริสเตียน แม็คคาฟฟีย์ รันนิงแบ็กของทีมแคโรไลนา แพนเธอร์ส ซึ่งปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเรื่องวัคซีน และแนวทางการปฏิบัติตัวสำหรับผู้เล่นของ NFL
เรื่องนี้ความจริงแล้วก็ต้องเห็นใจฝ่ายบริหารของ NFL ไม่น้อย เพราะหากผู้เล่นทุกคนให้ความร่วมมือฉีดวัคซีน โอกาสที่จะกลับมาแข่งขันกันอย่างปกติที่สุดก็มีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฤดูกาลหน้าจะเปิดให้ผู้ชมเข้ามานั่งดูเกมในสนามเต็มความจุอีกครั้ง เพราะมันจะทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดง่ายขึ้น ขณะเดียวกัน NFL ก็ต้องปกป้องสิทธิ์ของผู้เล่นด้วย จึงจำเป็นต้องเตือน แบรนดอน บีน ผู้จัดการทั่วไปทีมบัฟฟาโล บิลส์ ว่าไม่ควรพูดอะไรในลักษณะนั้น ซึ่งอันที่จริงน่าจะหมายถึง ถ้าจะทำก็ขอให้ทำเงียบๆ ไม่ต้องพูดให้กลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมา เพราะถึงทำจริงก็จับมือใครดมยาก เนื่องจากการตัดผู้เล่นออกจากทีมมันขึ้นอยู่กับหัวหน้าโค้ชและผู้จัดการทั่วไปของทีมอยู่แล้ว
ต้องยอมรับว่า โควิด-19 ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก ทุกเพศทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ และยังสร้างความขัดแย้งทางความคิดให้กับผู้คนมากมาย สมัยที่มันแพร่ระบาดใหม่ๆ คนที่ไม่สวมหน้ากากแต่รักษาระยะห่างจากคนอื่น ก็ยังถูกคนที่สวมหน้าหากมองด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลนว่าไม่รับผิดชอบสังคม เช่นเดียวกับในปัจจุบันเพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่ญาติสนิทมิตรสหาย ก็มักชอบถามกันว่า ฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง? หากใครตอบว่ายังไม่ได้ฉีดจะถูกบูลลี่หรือวิจารณ์แรงๆ ต่อหน้าทันที ทั้งๆ ที่คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว หากทำตัวประมาทก็ยังสามารถนำเชื้อมาติดคนอื่นได้ และรู้กันดีว่าประสิทธิภาพจริงๆ ของวัคซีนตอนนี้ อยู่ที่การป้องกันไม่ให้เวลาติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรง มากกว่าจะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100%
บีสลีย์เคยเป็นที่รักของบรรดา “บิลส์มาเฟีย” ซึ่งเป็นฉายาของแฟนๆ ทีมบัฟฟาโล บิลส์ แต่จากการที่เขาประกาศจุดยืนของตนเองอย่างเด็ดเดี่ยวไม่ลดราวาศอกให้ใครในครั้งนี้ ทำให้แฟนๆ จำนวนไม่น้อยที่เคยเทิดทูนบูชา เริ่มไม่ชอบใจในตัวเขามากขึ้น เพราะรู้สึกว่าบีสลีย์อาจทำให้เพื่อนร่วมทีมติดเชื้อพลาดโอกาสลงแข่งขัน ส่งผลต่อโอกาสลุ้นเข้าไปชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์ฤดูกาลหน้า ถึงขนาดเชียร์ให้ แบรนดอน บีน ตัดตัวเขาออกจากทีม ซึ่งคงเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมอย่าง โคล บีสลีย์ หากเขาจำใจต้องเลิกเล่น หรือถูกตัดตัวออกจากทีม เพียงเพราะวิตกเรื่องผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน มากกว่ากลัวการติดเชื้อโควิด-19
อย่างไรก็ตามกว่าช่วงการเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้น ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ยังพอมีเวลาหาทางออกให้กับทุกฝ่าย คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ดราม่าเรื่องวัคซีนของ NFLจะจบลงอย่างไร?
อัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬา ติดตาม PlayNowThailand.com ที่เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม